ผู้เขียน หัวข้อ: รมว.สธ.ลงนามตั้ง ‘ภิรมย์’ ประธาน คกก.พัฒนาหลักประกันสุขภาพ ‘อัมมาร-พรพันธุ์’  (อ่าน 1106 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
“หมอปิยะสกล” ลงนามแต่งตั้ง คกก.จัดทำแนวทางการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพ ต่อยอดข้อเสนอ ‘SAFE’ จาก คกก.ที่มี “หมอสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ” เป็นประธาน ส่วนกรรมการชุดใหม่ มี “หมอภิรมย์” อธิการฯ จุฬาฯ เป็นประธาน “อัมมาร” และ “หมอพรพันธุ์” เป็นที่ปรึกษา “ปลัด สธ.” และ “เลขาธิการ สปสช.” เป็นรองประธาน พร้อมกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวของ รวมเป็น 29 คน มีหน้าที่กำหนดแนวทางพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพ ให้มั่นคง-ยั่งยืน และเสนอนโยบายเพื่อการขับเคลื่อน

ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 242/2559 ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

โดยระบุว่า ตามที่คณะกรรมการจัดทำแนวทางการระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (คำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 1020/2558 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2558) ได้เสนอผลการศึกษาและสังเคราะห์ข้อเสนอแนวทางการบริหารจัดกรทรัพยากรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความเป็นธรรม ตามหนังสือสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ที่ 1530 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2558 นั้น

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชหารแผ่นดิน พ.ศ.2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจึงแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้

1.ศ.อัมมาร สยามวาลา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ปรึกษา

2.รศ.พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตนพันธุ์ อดีตประธานกรรมาธิการสาธารณสุข สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่ปรึกษา

3.ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานกรรมการ

4.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองประธานกรรมการ

5.เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รองประธานกรรมการ

กรรมการมีดังนี้

6.เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

7.ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

8.อธิบดีกรมบัญชีกลาง

9.เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.)

10.ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข

11.ศ.นพ.ศุภสิทธิ์ พรรณารุโนทัย อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

12.ศ.นพ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

13.รศ.ธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

14.รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันเอเซียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

15.รศ.ศิริเพ็ญ ศุภกาญจนกันติ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

16.รศ.ประดิษฐ์ สมประกิจ รองอธิการบดีฝ่านการคลังและสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหิดล

17.รศ.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

18.นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง

19.นพ.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ

20.นพ.ถาวร สกุลพาณิชย์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.)

21.นายพีระพงษ์ สุนทรวิภาต ผู้จัดการทั่วไป สำนักพัฒนาองค์การ กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด (มหาชน)

22.นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ อุปนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย

23.ผศ.ยุพดี ศิริสินสุข ผู้แทนองค์กรเอกชนด้านผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเรื้อรังอื่น กรรมการและเลขานุการ

24.พญ.ประนอม คำเที่ยง รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข

25.นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

26.นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี ประธานกลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และการประเมินผล สปสช. กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

27.นส.สุรีรัตน์ งามเกียรติไพศาล หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและต้นทุน รพ.จุฬาลงกรณ์ ผู้ช่วยเลขานุการ

28.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ผู้ช่วยเลขานุการ

29.นพ.เกษม ตั้งเกษมสำราญ ผู้อำนวยการกลุ่มประกันสุขภาพ สป.สธ. ผู้ช่วยเลขานุการ

ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

1.กำหนดแนวทางพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

2.เสนอนโยบายในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในด้านต่างๆ ตามแนวทางที่กำหนด

3.หน้าที่อื่นๆ ตามที่ รมว.สาธารณสุขมอบหมาย

4.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานได้ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว เป็นผลต่อเนื่องเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.58 ที่คณะกรรมการจัดทำแนวทางการระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่มี นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นประธานกรรมการ รายงานข้อเสนอของคณะกรรมการฯ โดยยึดหลักการ ‘SAFE’ และ นพ.ปิยะสกล ระบุว่ารับข้อเสนอดังกล่าวและจะตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อมาสานต่อข้อเสนอเดิม


Thu, 2016-02-18
http://www.hfocus.org/content/2016/02/11734

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
‘หมอปิยะสกล’ รับข้อเสนอ SAFE จาก คกก.ชุด ‘หมอสุวิทย์’ พร้อมตั้งคณะทำงานเดินหน้าหาทิศทางในอนาคตภายใต้หลักการนี้ ระบุหลักประกันสุขภาพเป็นเรื่องถ้วนหน้าของประชาชน ทุกประเทศบอกว่าเป็นระบบที่ดี ยันไม่ลดสิทธิเดิมที่ประชาชนได้รับ ถ้าลดแปลว่าไม่พัฒนา แต่จะทำให้มั่นคง ยั่งยืนต่อไป ส่วนปี 59 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทุกอย่างเหมือนเดิม

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังรับฟังข้อเสนอการคลังสุขภาพเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพ จากคณะกรรมการจัดทำแนวทางการระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมี นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ เป็นประธานกรรมการ และเป็นผู้นำเสนอ ว่า สธ.จะรับข้อเสนอแนะทั้งหมด และตั้งคณะทำงานที่มีความหลากหลาย มีภาคประชาสังคม และอาจจะเชิญ ศ.ดร.อัมมาร สยามวาลา มาเป็นคณะทำงานด้วย เพื่อศึกษาดูความเป็นไปได้ สภาวะที่เป็นจริงในปัจจุบันและในอนาคต โดยยึดหลักว่าการแก้ปัญหาหนึ่งต้องไม่ทำให้เกิดอีกปัญหาหนึ่ง

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพที่ประเทศไทยทำอยู่นี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว ในระดับนานาชาติต่างให้ความเชื่อถือ ยืนยันได้ว่าเรายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่จะหาดูหนทางที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพราะถ้าปล่อยไว้อย่างนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็จะกระทบต่อความยั่งยืนแน่นอน ต่อไปนี้คือจะมาดูว่าจะพัฒนาอย่างไรต่อไป

วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ท่านนายกฯ ก็ฝากว่า เรื่อง 30 บาท ช่วยชี้แจงด้วยว่ารัฐบาลไม่ได้ยกเลิก จากที่มีอยู่เดิม จะทำให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่สร้างให้เกิดปัญหาทางงบประมาณ และจะพยายามหารายได้เพิ่มขึ้นรวมถึงหางบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

“ดังนั้น ผมจะรับข้อเสนอทั้งหมด และจะตั้งคณะทำงานในเร็วๆ  นี้ คาดว่าหลังปีใหม่ 2559 นี้ จะเห็นหน้าตาของคณะทำงานชุดนี้ ซึ่งได้เรียนแล้วว่ามีองค์ประกอบของหลายภาคส่วน ภาคประชาสังคม กรรมการบางท่านจากคณะกรรมการฯ ชุดนี้ นักเศรษฐศาสตร์ โดยยึดหลักการจากข้อเสนอนี้ และมองไปถึงทิศทางในอนาคต และในปี 59 นี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง” รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า ยืนยันว่าหลักประกันสุขภาพเป็นระบบถ้วนหน้าหรือ Universal สำหรับประชาชนทุกคน เป็น universal เพื่อสุขภาพของประชาชน ที่ดีแล้วก็จะทำให้ดียิ่งขึ้น เราจะเดินไปในหลักการ SAFE ซึ่งคิดว่าคงไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับหลักการนี้

“เราไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีอคติ เปิดเผยทุกอย่าง ผมพูดมาตลอดว่าเป็นระบบที่ดี ทุกประเทศบอกว่าระบบหลักประกันสุขภาพของไทยเป็นระบบที่ดี และขอย้ำว่า การจะพัฒนาใดๆ ต้องไม่ลดสิทธิเดิมที่ประชาชนเคยได้รับ ถ้าลดแปลว่าไม่พัฒนา ทำมาแล้ว 14-15 ปี ต้องให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นพ.ปิยะสกล กล่าว

Tue, 2015-12-29
http://www.hfocus.org/content/2015/12/11446

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9787
    • ดูรายละเอียด
ชงแนวทางปรับบัตรทองเสนอ ‘ปิยะสกล’ 29 ธ.ค.นี้ ยึดหลัก SAFE
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2016, 00:23:00 »
คณะกรรมการจัดทำแนวทางระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เตรียมสรุปแนวทางปรับปรุงบัตรทอง เสนอ หมอปิยะสกล 29 ธ.ค.นี้ ระบุ ข้อเสนอจะไม่ชี้ไปทางใดทางหนึ่ง แต่เป็นทางเลือกที่หลากหลาย บนหลักการ SAFE หรือ Sustainability, Adequacy, Fairness และ Efficiency


นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการจัดทำแนวทางระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ เตรียมประชุมสรุปข้อเสนอการสร้างความมั่นคงของระบบหลักประกันสุขภาพ ในช่วงเช้าวันที่ 29 ธ.ค.นี้ จากนั้นช่วงบ่ายจะนำข้อเสนอดังกล่าวเสนอต่อ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) โดยข้อเสนอดังกล่าวจะไม่ชี้ไปทางใดทางหนึ่ง แต่เป็นทางเลือกที่หลากหลาย บนหลักการ SAFE หรือ Sustainability, Adequacy, Fairness และ Efficiency

นายนิมิตร์ ขยายความว่า สำหรับเป้าหมาย Sustainability หมายถึง แหล่งการคลัง ได้แก่ งบประมาณ เงินสมทบ และรายจ่ายสุขภาพของครัวเรือน อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลและครัวเรือน สามารถลงทุนด้านสุขภาพได้ในระยะยาว โดยดัชนีชี้วัดคือภายในปี 2565 รายจ่ายสุขภาพทั้งหมดต้องไม่เกิน 5% ของจีดีพี และรายจ่ายรัฐบาลด้านสุขภาพไม่เกิน 20% ของรายจ่ายรัฐบาลทั้งหมด

ส่วนเป้าหมาย Adequacy หมายถึง รายจ่ายสุขภาพเพียงพอสำหรับการจัดบริการสุขภาพเพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการ รวมทั้งยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จำเป็น และป้องกันไม่ให้ครัวเรือนประสบภาวะล้มละลายหรือกลายเป็นครัวเรือนยากจนจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล โดยดูจากเป้าหมายปี 2565 รายจ่ายสุขภาพทั้งหมดต้องไม่น้อยกว่าที่เป็นอยู่ คือ 4.6% ของจีดีพี รายจ่ายของรัฐบาลด้านสุขภาพต้องไม่น้อยกว่าที่เป็นอยู่ คือ 17% ส่วนรายจ่ายนอกภาครัฐด้านสุขภาพไม่เกิน 20% ของรายจ่ายสุขภาพทั้งหมด และรายจ่ายของครัวเรือนต้องไม่เกินระดับที่เป็นอยู่ คือ 11.35%

นอกจากนี้ ภายในปี 2565 อุบัติการณ์ของครัวเรือนที่ต้องกลายเป็นครัวเรือนยากจนภายหลังจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ต้องไม่เกินระดับที่เป็นอยู่คือ 0.47% ของครัวเรือนทั้งหมด

ขณะที่เป้าหมายเรื่อง Fairness นั้น มีหลักการที่สำคัญคือ การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคม หรือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างผู้แข็งแรงและผู้เจ็บป่วย ระหว่างผู้มีความสามารถจ่ายมากกว่าและน้อยกว่า โดยมีรายละเอียดคือ

1. ความเป็นธรรมในการจ่ายเงินสมทบก่อนใช้บริการ (Pre-payment) ภายในระบบประกันสุขภาพภาครัฐแต่ละระบบ ตัวชี้วัดและเป้าหมายคือ ภายใน ปี 2565 เพิ่มความเป็นธรรมของการจ่ายเงินสมทบระหว่างผู้มีสิทธิในระบบประกันสังคมให้ใกล้เคียงกับตอนเริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 2534 โดยปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนสำหรับการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตน ให้เป็น 7 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ (อ้างอิง เมื่อเริ่มมีระบบประกันสังคม ในปี 2534 กำหนดเพดานเงินเดือนที่ 6.2 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ)

2.ความเป็นธรรมในการจ่ายเงินสมทบก่อนใช้บริการ (Pre-payment) ระหว่างผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพภาครัฐทั้ง 3 ระบบหลัก และ การร่วมจ่าย ณ จุดใช้บริการ (Copayment) โดยมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย คือภายในปี 2565 บรรลุความเป็นธรรมของการจ่ายเงินสมทบก่อนใช้บริการ (Pre-payment) ระหว่างระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐทั้ง 3 ระบบหลัก มีข้อเสนอทางเลือก 2 ทาง คือ คนไทยทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายเงินสมทบ หรือ คนไทยทุกคนไม่ต้องมีส่วนร่วมในการจ่ายเงินสมทบ และหากมีการระดมทุนจากการร่วมจ่าย ณ จุดใช้บริการสุขภาพ หรือ Copayment at point of service ต้องเป็นไปตามหลักการที่เสนอข้างต้น

ขณะเดียวกัน ภายในปี 2565 ควรบรรลุความเป็นธรรมในการจ่ายเงินแก่สถานพยาบาลของแต่ละระบบหลักประกันสุขภาพ โดยรายจ่ายต่อหัวที่ปรับด้วยโครงสร้างอายุ (Age adjusted expenditure per capita) ของแต่ละระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐ ต้องมีค่าไม่ต่างจากค่าเฉลี่ยของทั้ง 3 ระบบหลัก ±10% และกำหนดให้มีมาตรฐานการจ่ายเงินของแต่ละระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐให้แก่สถานพยาบาลเป็นราคาเดียวกันในทุกประเภทและระดับการบริการ (อาทิเช่น ยา วัสดุการแพทย์ Relative Weight of Adjusted DRG เป็นต้น)

และสุดท้าย เป้าหมายเรื่อง Efficiency หมายถึง การใช้ทรัพยากรในการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ด้านสุขภาพ โดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทั้งในเชิงเทคนิค (Technical efficiency) และในการจัดสรร (Allocative efficiency) ซึ่งต้องคำนึงถึงความทันเวลา และความมีคุณภาพ โดยให้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐทุกระบบใช้ระบบงบประมาณปลายปิด (Close ended budget) ให้มีมาตรการและกลไกการเฝ้าระวังราคาและการควบคุมราคาการเบิกจ่ายของกองทุนและราคาค่าบริการ ยา และเทคโนโลยี ที่มีประสิทธิภาพ (Efficient reimbursement and price control system) มีการใช้อำนาจในการซื้อร่วมกัน (Collective purchasing power) และมีการใช้มาตรการของรัฐบาล (Government intervention) อย่างเหมาะสม

“จะเห็นได้ว่ามีหลายวิธีการที่ทำได้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มเงิน แต่ยังมีวิธีอื่น เช่น ใช้เงินเท่าเดิม แต่ดูเรื่องการบริการจัดการทั้ง 3 ระบบสุขภาพร่วมกัน การควบคุมราคายา ให้ความสำคัญกับยาสามัญมากขึ้น เป็นต้น โดยคณะกรรมการจะประชุมกันอีกครั้งเช้าวันที่ 29 ธ.ค. เพื่อสรุปว่าจะเสนอรัฐมนตรีในเรื่องใดบ้าง” นายนิมิตร์ กล่าว


Mon, 2015-12-28
http://www.hfocus.org/content/2015/12/11440