ผู้เขียน หัวข้อ: อ้างคนร้องพิธีกรข่าว3ถูกฟ้อง สธ.แจงหนังสือสั่งการให้สสจ.สลับช่องลดขัดแย้ง  (อ่าน 773 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9779
    • ดูรายละเอียด
 วิจารณ์แซ่ด สธ.แบน "สรยุทธ" ส่งหนังสือเวียนถึง สสจ.ทั่วประเทศให้เลิกเปิดทีวีดูข่าวช่อง 3 ระบุ เพราะพิธีกรผู้ดำเนินรายการคนหนึ่งมีความประพฤติไม่เหมาะสม ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุจริต และอัยการสั่งฟ้องแล้ว รองปลัดแจงได้รับร้องเรียนผ่านศูนย์ร้องทุกข์ของรัฐบาล จึงเสนอให้เป็นดุลพินิจของแต่ละโรงพยาบาลพิจารณา โดยหมุนเวียนเปลี่ยนช่องไปในแต่ละวัน
 
   นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แเจงเมื่อวันอังคาร ยอมรับว่าได้ลงนามในหนังสือสั่งการของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 เรื่องเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดโทรทัศน์ของโรงพยาบาลรัฐ ส่งถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด

    หนังสือดังกล่าวความว่า ด้วย สป.สธ.ได้รับเรื่องผ่านศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 กรณีมีผู้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการเปิดรายการโทรทัศน์ของโรงพยาบาลรัฐ ในการเปิดรายการข่าวเฉพาะสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ให้ผู้ที่มารับบริการในโรงพยาบาลได้รับชม ซึ่งเป็นรายการข่าวที่ไม่เหมาะสม เพราะพิธีกรผู้ดำเนินรายการท่านหนึ่ง เป็นผู้ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลว่าทำความผิดเรื่องการทุจริต และอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องแล้ว มีการนำเสนอข่าวที่ไม่ครบถ้วน ตัดตอน บิดเบือน โกหก ไม่มีจรรยาบรรณ จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมที่โรงพยาบาลของรัฐจะเปิดรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ให้กับแพทย์ พยาบาล และประชาชน ที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลให้ได้รับชมกันต่อไป

    ในการนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักบริหารการสาธารณสุข ได้ขอให้กลุ่มกฎหมายพิจารณาแนวทางการปฏิบัติของโรงพยาบาล เนื่องจากอาจมีผลกระทบในข้อสั่งการ จากการพิจารณาพบว่า สป.สธ.ไม่มีกฎหรือระเบียบเกี่ยวกับการเปิดรายการโทรทัศน์ในหน่วยบริการ เพราะถือเป็นการบริหารงานภายในที่จะเลือกเปิดสถานีโทรทัศน์ช่องใดก็ได้ในแต่ละช่วงเวลาตามความเหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายระหว่างรอรับบริการ เพื่อมิให้เกิดข้อโต้แย้ง สป.สธ.จึงขอให้ นพ.สสจ.แจ้งหน่วยบริการในสังกัด สป.สธ.พิจารณาเปิดโทรทัศน์โดยหมุนเวียนเปลี่ยนช่องในแต่ละวัน และปิดประกาศให้ผู้มารับบริการทราบ จะทำให้ปัญหาข้อโต้แย้งดังกล่าวหมดสิ้นไปได้

    การออกมาชี้แจงของรองปลัด สธ. เนื่องจากขณะนี้ได้มีผู้นำหนังสือสั่งการดังกล่าวออกเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยส่วนหนึ่งเข้าใจว่า สป.สธ.มีคำสั่งถึง สสจ.ทุกแห่งให้งดเปิดรายการข่าวช่อง 3 เสมือนเป็นการใช้มาตรการทางสังคมแบนนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดังผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ และข่าวช่วงเย็น ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 8, 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ 91 กรณีนายสรยุทธโฆษณาเกินเวลา ขณะจัดทำรายการคุยคุ้ยข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท ระหว่างปี 2548-2549 โดยไม่ชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวน 138,790,000 บาท

    นพ.วชิระกล่าวว่า หนังสือดังกล่าวออกไปเพราะมีประชาชนร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 ส่วนสาเหตุต่างๆ ก็เป็นไปตามหนังสือ รวมถึงกรณีพิธีกรผู้ดำเนินรายการท่านหนึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นข้อร้องเรียนของประชาชน ทางศูนย์ฯ จึงทำหนังสือแจ้งมายัง สป.สธ. ตนจึงต้องทำหนังสือไปยัง นพ.สสจ.เพื่อให้ดำเนินการตามที่มีผู้ร้องเรียน แต่หากพิจารณาดีๆ หนังสือไม่ได้ระบุว่าห้ามเปิดรายการทีวีช่องดังกล่าว แต่เป็นการเสนอความเห็นว่า การเปิดรายการโทรทัศน์ใดๆ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่เพื่อให้ลดความขัดแย้งและข้อร้องเรียนของประชาชน จึงขอให้มีการเปิดรายการโทรทัศน์หมุนเวียนกันไปแต่ละช่อง เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ใดเลย แต่เป็นการทำตามหน้าที่และขั้นตอนที่มีการร้องเรียนมาก็เท่านั้น

    ในตอนท้าย นพ.วชิระกล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจะมีการทำหนังสือเวียนสั่งการอีกครั้ง เพื่อชี้แจงว่า สธ.ไม่ได้ปิดกั้นการรับข่าวสาร และขอให้ทางโรงพยาบาลพิจารณาในการเผยแพร่ข่าวสารสุขภาพ เปิดช่องทางการรับข่าวสารจากทุกช่องทางให้ครอบคลุม ซึ่ง สธ.ก็มีการผลิตสื่อความรู้สุขภาพให้ประชาชนอยู่แล้ว สามารถนำไปเผยแพร่ได้ทันที
 
   สำหรับคดีไร่ส้ม อัยการได้ยื่นฟ้องนายสรยุทธกับพวกไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ม.ค.58 ทั้งนี้ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์การฯ มาตรา 6 ฐาน พนักงานเรียกรับสินบน ระวางโทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท, มาตรา 8 ฐานเป็นพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต โทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท และมาตรา 11 ฐานพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนนายสรยุทธเมื่อไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งถูกกล่าวหาฐานร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิดนั้น หากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษ 2 ใน 3 ของความผิดดังกล่าว
 
   กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2555 ชี้มูลความผิดต่อนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ในฐานะส่วนตัว) และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล) มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด.

ไทยโพสต์  18 February, 2015