ผู้เขียน หัวข้อ: ข่าวสารสำหรับผู้ที่จะเสียหายจากพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ  (อ่าน 2111 ครั้ง)

khunpou

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 111
    • ดูรายละเอียด
คณะทำงานเข้าชื่อเสนอกฎหมายปฏิรูประบบสาธารณสุข www.thaitrl.org โทร 083 2495151,086 5659985
089 4249988   , 081 6370691, 086 9840098, 081 5651941ที่อยู่ และ หมายเลขโทรศัพท์อีกมาก  ปรากฏตามเว็ป

                                  วันที่ 1 สิงหาคม 2553                      ด่วนมาก
เรื่อง  ขอความอนุเคราะห์เผยแพร่ข้อมูลไปยัง อสม. และ ประชาชน ทุกพื้นที่ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงและจะเป็น
        ผู้มีส่วนได้รับผลกระทบในทุกทาง จาก ร่าง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหาย จากการรับบริการสาธารณสุข พศ...
       ซึ่งเข้าบรรจุในสมัยประชุมสภาแล้วและสภาจะได้เปิดสมัยประชุมในวันที่ 3สค2553นี้เพื่อออกเป็นกฎหมาย

เรียน นายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด/สาธารณสุขอำเภอทุกแห่ง/ผอ.รพ ชุมชน รพศ./รพท. รพ.ส่งเสริมสุขภาพ
        ตำบลทุกแห่ง สถานีอนามัยทุกแห่ง /ผอ.หน่วยงานสังกัด กท.สธ. รพ.และศูนย์บริการสาธารณสุข สังกัดกทม.
        กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มหาวิทยาลัย ทุกแห่ง เจ้าของคลินิก/โรงพยาบาลเอกชน/
        นายกสภาวิชาชีพ นายก/ประธาน สมาคม ชมรม กลุ่มด้านสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้อง .............................

อ้างถึง  1.ร่าง พรบ.ค้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พศ... ฉบับ รัฐบาลเสนอเป็นวาระด่วนเข้าสภา
          2.ข่าวสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับร่าง พรบ.นี้ ในช่วงเวลา ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา และเอกสารที่เกี่ยวเนื่อง

         ด้วยขณะนี้มีกลุ่มคนอ้างเป็นผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข เป็น NGO ด้านสาธารณสุข    คือมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ได้ผลักดันร่าง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหาย จากการรับบริการสาธารณสุข พศ...ต่อไปเรียกว่า ร่าง พรบ. ให้มีกองทุนเรียกเก็บเงินจากภาษีประชาชน  เงินค่ายาค่ารักษาพยาบาลของประชาชน เป็นเงินกองทุนระดับ สองพันล้านบาท ถึงหมื่นล้านบาท เพื่อจ่ายออกเป็นค่าเสียหายให้ผู้อ้างเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐ และเอกชน  โดยให้มีคณะกรรมการเบื้องแรก เป็นNGO จำนวนกว่าครึ่ง (เสียงข้างมาก) คือ 6 ใน 11 ของคณะกรรมการชุดแรก เข้ามาบริหารกองทุนนี้ ขณะนี้รัฐบาลได้เสนอไปยังสภาเพื่อบรรจุเป็นวาระพิจารณาด่วน และบรรจุในสมัยประชุมสภาแล้ว      ซึ่งสภาจะได้เปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 สค 2553 นี้ เพื่อออกเป็นกฎหมายมาใช้บังคับกับประชาชนไทยทุกคน และใช้บังคับกับ ผู้ให้บริการสาธารณสุขทุกคน
   ผู้ให้บริการสาธารณสุข ทุกสาขา ของ โรงพยาบาล สถานีอนามัย ในสังกัด สสอ.สสจ. บางส่วนที่ได้รับทราบและศึกษา ร่าง พรบ.นี้ แล้ว พบว่า ร่าง พรบ.นี้ มุ่งหมายให้นำเงินแผ่นดินมาเป็นกองทุนให้กลุ่มบุคคลหาประโยชน์ได้โดยง่าย และไม่สามารถช่วยผู้ที่เสียหายฯจริงได้ และจะสร้างความเสียหายให้เกิดกับระบบบริการสาธารณสุข อันกระทบโดยตรงต่อประชาชนที่ต้องมีความจำเป็นในการเข้าใช้บริการสาธารณสุขทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐ และเอกชน     จึงได้ดำเนินการป้องกัน แก้ไขอย่างต่อเนื่อง ได้แก่มีหนังสือทักท้วงถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข   เพื่อให้ถอนร่างออกมาประชาพิจารณ์ในผู้ที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบ แต่ไม่เป็นผล ได้เข้าชื่อคัดค้านร่างพรบ.นี้ ให้มีการวิเคราะห์ร่าง พรบ.นี้โดยละเอียด พร้อมทำดังนี้
1. คณะกรรมการศึกษาและ ปฏิรูประบบสาธารณสุข พร้อมผู้แทน 4 สาขาวิชาชีพ คือแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและเทคนิคการแพทย์ นำโดย พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พรบ.นี้ และขอให้รัฐบาลถอนร่างนี้ออกจากสภา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2553  ณ.ทำเนียบรัฐบาล  สื่อมวลชนเสนอข่าว และตั้งประเด็นต่อรัฐบาล
2. นายกรัฐมนตรีเริ่ม แจ้งยอมรับการขอพบของผู้แทนสภาวิชาชีพ-สมาพันธ์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูประบบสาธารณสุข  เมื่อ 22 กรกฎาคม 2553 ซึ่งเสนอข้อเสียหายต่อประชาชนอันสืบเนื่องจากร่าง พรบ.นี้  นายกฯรับจะมอบประธานวิปตั้งคณะทำงานมาพิจารณาเรือ่งนี้ แต่ไม่ถอนร่าง
3. สมาพันธ์ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป ร่วมกับเครือข่ายสหวิชาชีพด้านสาธารณสุข รวมคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูประบบสาธารณสุข นัดแต่งดำ ชุมนุมประกาศเจตนารมณ์ให้รัฐบาลถอนร่าง  พรบ.นี้ ที่ลานพระรูปสมเด็จ พระราชบิดา กว่า 1,000  คน  และประชุมสัมมนาบุคลากรสาธารณสุขเกี่ยวกับ ร่างพรบ.นี้ มีมติให้รัฐบาลถอนร่าง พรบ.นี้ เมื่อ30 กค53
ในเวลาใกล้กันและเวลาต่อมาได้มีแพทย์บางคนซึ่งเป็นคณะกรรมการผู้บริหารองค์กรด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นใหม่ตามกฎหมายและมีกองทุนจากเงินภาษีประชาชนใช้จ่ายมหาศาล      ได้แก่ สวรส./สสส./สปสช./สช. ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ร่าง พรบ.นี้ดีมากอย่างไร  พร้อมกล่าวให้ร้ายบุคลากรสาธารณสุขที่ทักท้วง/คัดค้าน/ให้ถอนร่าง พรบ.นี้   เท่ากับเป็นการยอมรับว่า ร่าง พรบ.นี้  เกิดมาจาก แพทย์ องค์กร สวรส./สสส./สปสช./สช. ที่ต้องการให้มีกฎหมายนี้เพื่อมีกองทุน
ร่าง พรบ.นี้ ไม่ตั้งชื่อว่า กองทุน  ใช้คำว่า คุ้มครองผู้เสียหายฯ เพื่อให้ดูดีและดูเป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชน แต่ ผู้ร่าง พรบ.นี้  ไม่บอกกับประชาชนทั้งประเทศถึงความจริงว่าโดยกฎหมายนี้
1. จะบังคับเรียกเก็บเงินสมทบจากประชาชนโดยเรียกเก็บผ่านสถานบริการสาธารณสุข ทั้งภาครัฐและเอกชน ตามอัตรา ที่ สวรส.คิด และเสนอต่อคณะกรรมการ วุฒิสภา ว่าเรียกเก็บผู้ป่วยนอน  รพ. รายละ 80 บ.ผู้ป่วยนอก รายละ 5 บ.
2. จะบังคับข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนผู้ใช้บริการสาธารณสุขทั้งประเทศ  ต้องเปิดเผย ต่อกองทุนนี้ เนื่องจากการเรียกเก็บนั้นมีฐานข้อมูลเป็นทุกครั้งของการมาใช้บริการทั้ง รพ. สอ. คลินิกเอกชนสาขาต่างๆ  ประชาชนจะสูญเสียความเป็นส่วนตัว  ความลับของผู้ป่วย/ผู้ใช้บริการ จะถูกบังคับให้ต้องสละให้กับกองทุนบังคับนี้ ผิดหลักการอย่างยิ่ง
3. จะจ่ายเงินออกโดยกรรมการ NGO และผู้ผลักดัน ร่าง พรบ.นี้     โดยกฎหมายไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพเนื่องจาก การจ่ายอยู่ในอำนาจของกรรมการใช้เสียงข้างมาก  ทำให้ผู้เสียหายจริงอาจไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ผู้ไม่เสียหายจริงอาจได้รับเงินค่าเสียหายได้ 
4. การจ่ายเงินออกให้ผู้ไม่ใช่ผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขจะเกิดขึ้นได้ คำสั่งจ่าย จะผูกพันว่าผู้รับเงินค่าเสียหาย เป็นผู้เสียหายจากการรับบริการฯ  และผู้ให้บริการจะผูกพันความรับผิด ทั้งที่อาจให้บริการไม่ผิดมาตรฐานวิชาชีพของผู้ให้บริการแต่ละสาขาได้
5. ผู้ให้บริการสาธารณสุข จะตัดสินใจออกจากระบบบริการจำนวนมาก   เนื่องจาก การให้บริการทุกครั้งต่อประชาชนอย่างถูกต้อง  แต่จะถูกกล่าวหาและกล่าวโทษว่าไม่ถูกต้องได้ทุกเมื่อโดยปราศจากหลักมาตรฐานแห่งวิชาชีพ
โดยคณะกรรมการกองทุนนี้ได้  จะทำให้ประชาชนผู้เดือดร้อนจริงต้องเสียหาย ขาดไร้บริการสาธารณสุขอันจำเป็น
   เนื่องด้วย สสจ./สสอ./สอ./รพช./ รพ. ศูนย์บริการอนามัย-สุขภาพ-สาธารณสุข หรือที่เรียกชื่ออื่น ในสังกัด กระทรวงสาธารณสุข กทม. และทุกสังกัดกระทรวง เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับ ร่าง พรบ.นี้ และ เป็นผู้ใกล้ชิดกับ อสม. หรืออาสาด้านสุขภาพในชื่อใดๆ ตลอดจนประชาชนผู้ใช้บริการ จึงขอความอนุเคราะห์ท่าน เผยแพร่หนังสือนี้
           1. บุคลากรในสังกัดของท่าน  2. อสม.หรือ อาสาด้าน สุขภาพทุกชื่อที่เรียก  3. ประชาชนที่รับบริการ
ให้ทราบตามข้อมูลเบื้องต้นนี้  สำหรับข้อมูลละเอียด ติดตามได้ที่ www.thaitrl.org และติดตาม/แสดงความเห็นหรือเขียนหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล แขวง/เขต  ดุสิต กทม./ประธานรัฐสภา รัฐสภา ถ.อู่ทอง เขตดุสิต
กทม. หรือ ถึง สส.ของท่านหรือส่งหนังสือของท่านลงนามมาถึง คณะกรรมการศึกษาและปฏิรูปทีdr_orapun@yahoo.com,
drchurchoo@gmail.com, wattanothai@hotmail.com,และอีกหลายท่านตามที่อยู่ในweb
พร้อมนี้ขอแจ้งเลื่อนกำหนดยื่นร่าง พรบ.กสธ.และพรบ.ปฏิรูปสธ. ไปก่อนเนื่องจากร่างพรบ.นี้มีภาวะด่วนกว่า  จึง เรียนมาเพื่อท่านโปรดอนุเคราะห์ด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง
                                                    ขอแสดงความนับถือ
                           
                               แพทย์หญิงอรพรรณ์  เมธาดิลกกุล
                                หัวหน้าคณะทำงานเข้าชื่อเสนอกฎหมายปฏิรูปสาธารณสุข