สิ่งที่ซ่อนเร้น แอบแฝง ไม่โปร่งใส ผลประโยชน์ ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้
เรื่องแรก กองทุนไม่โปร่งใส มาตรา ๒๒ กองทุนประกอบด้วย...
..............................
เงิน และทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง ไม่ต้องส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน *ทำไมไม่ส่งคลัง มีอะไรซ่อนอยู่
ถ้าเป็นรายได้ของแผ่นดิน สำนักงานตรวจสอบเงินแผ่นดิน(สตง.)จะเข้าไปตรวจสอบได้ นี่แสดงว่ากลัวการตรวจสอบของ สตง.
กองทุนที่มีลักษณะแบบนี้เท่าที่รู้คือ กองทุนของ สปสช. และกองทุนของ สสส.
เรื่องที่สอง ผลประโยชน์พวกพ้องมาตรา ๒๐คณะกรรมการอาจจัดสรรเงินจากกองทุน.....เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๑๖ และ ๑๘ และเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารของสำนักงานในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัตินี้.............แต่ไม่เกินร้อยละสิบต่อปีของจำนวนเงินดังกล่าว
*ผลประโยชน์ในการเอาเงินกองทุนไปใช้จ่ายพวกพ้อง ปีละหลายร้อยล้านบาท
(มาตรา ๑๖
ให้ประธานกรรมการ กรรมการ ประธานกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ประธานอนุกรรมการ หรืออนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก และประโยชน์ตอบแทนอื่นในการปฏิบัติหน้าที่........ตามระเบียบ....)
อาจมีการตั้งเงินเดือนของประธาน (หรือกรรมการ) หรือจ่ายเบี้ยประชุมครั้งมากๆ เหมือนอะไรที่คุ้นๆ
ถ้ากองทุนมีปีละเป็นพันล้าน ก็สามารถจ่ายเรื่องเล่านี้ได้ ถึงปีละ ร้อยล้าน ประโยชนของใครกัน?
เรื่องที่สาม ผลประโยชน์จากการไกล่เกลี่ยมาตรา ๓๙ในการไกล่เกลี่ย ผู้เสียหาย และผู้ให้บริการสาธารณสุข.....มีสิทธิร่วมกันเลือกผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยคนเดียว หรือหลายคน
ตามที่ตกลงกันจากบัญชีรายชื่อ...ได้จัดทำไว้....... หรือบุคคลอื่นใดที่ผู้เสียหาย และผู้ให้บริการสาธารณสุข หรือ....
เห็นสมควรร่วมกัน.............
ค่าตอบแทนของผู้ไกล่เกลี่ย ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
*ปัจจุบันสถานพยาบาลทุกแห่งมีกระบวนการไกล่เกลี่ยของตัวเองอยู่แล้ว มีประสิทธิภาพมากด้วย แต่พ.ร.บ.นี้ไม่ให้เราไกล่เกลี่ยกันเอง ต้องจ้างคนมาไกล่เกลี่ยให้ (บัญชีรายชื่อก็เป็นพวกพ้องที่เตรียมการไว้แล้ว) และจ่ายค่าไกล่เกลี่ย
เรื่องที่ห้า สำนักงานมีอำนาจมหาศาล ถึงแย่งกันเป็นนัก
มาตรา ๓สำนักงาน หมายความว่า กรมสนับสนุนบริการสุข ภาพ
มาตรา ๗ให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นกรรมการ และเลขานุการ และให้อธิบดีการมสนับสนุนบริการสุขภาพแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานจำนวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
มาตรา ๑๐คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) กำหนดนโยบาย และมาตรการ......
(๒) กำหนดประกาศการจ่ายเงินสมทบ.....
(๓) กำหนดระเบียบ......
(๔) กำหนดหลักเกณฑ์........ (๑๑)........
ในการปฏิบัติหน้าที่......คณะกรรมการอาจมอบหมาย หรือมอบอำนาจให้สำนักงานเป็นผู้ดำเนินการแทนได้ มาตรา ๑๙ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะอนุกรรมการ และมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑).....
(๑๐) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
นั่นคือ คณะกรรมการอาจมอบอำนาจทุกอย่างให้สำนักงานทำแทนได้หมด
เบื้องหลังการต่อสู้แย่งชิง
กระทรวงฯ เสนอ กรมสนับสนุนบริการสาธารณสุข
สปสช. เสนอ สปสช.
เอ็นจีโอ เสนอ สปสช.
*ถ้า สปสช. ได้เป็นสำนักงาน ก็เหมือนว่า สปสช.ได้บริหารกองทุนมหาศาลอีกกองทุนหนึ่ง
และจะเป็นคนกำหนดอะไรๆได้ทุกอย่าง ในพ.ร.บ.นี้
คาดว่าจะมีการเสนอ และกดดันทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขให้ สปสช. เป็น สำนักงาน เพราะนี่เป็นผู้กุมอำนาจตัวจริงในพ.ร.บ.นี้
ก็ลงทุน จ้างนักกฎหมาย และพวกพ้อง มาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
ก็ลงทุน เลี้ยงเอ็นจีโอกลุ่มหนึ่ง ให้มาเป็นแนวหน้าในการกดดันรมต. และรัฐบาล
ลงทุนมาตั้งเยอะ อยู่ๆ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ก็ชุบมือเปิบ จะยอมได้อย่างไร
สุดท้ายหากเข้าตาจน
อาจผลักดันให้มีการแต่งตั้งคนของกลุ่มตัวเองไปเป็นอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
จุดเริ่มต้นของการผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.นี้ขึ้นมา อาจเป็นเพราะว่าเรื่องเสร็จที่ ๖๙/๒๕๔๙
บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เรื่อง หารือปัญหาข้อกฎหมายตามมาตรา ๔๑...........(กรณีการใช้เงินที่กันไว้เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขให้แก่หน่วยบริการ)...
คือ สปสช.ทำหนังสือถามคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า เงินที่กันไว้ (ไม่เกิน 1%) นั้นเอาไปใช้อย่างอื่นได้หรือเปล่า (อยากเอาไปใช้ตามใจตัวเอง)
คณะกรรมการกฤษฎีกา ตอบว่า
การจ่าย.............จะต้องเป็น
การจ่ายให้แก่ผู้รับบริการซึ่งได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการเท่านั้น หลังจากนั้นการร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ จึงเกิดขึ้น และดำเนิน......มาถึงจุดนี้ วันนี้
เอาผู้เสียหายบังหน้า เป็นเปลือกนอกของพ.ร.บ.
ผลประโยชน์พวกพ้อง(เป้าหมายที่แท้จริง) เป็นเนื้อที่ซ่อนอยู่ข้างในพ.ร.บ.
ความลำบากของประชาชน
ความเดือดร้อนของพี่ๆน้องๆสาธารณสุข
ความย่อยยับของระบบสาธารณสุข
ความเสียหายของประเทศ
..............ไม่อยู่ในสายตาของบุคคลกลุ่มนี้
แต่เวรกรรม ก็ไม่เคยละเว้นใคร เหมือนกัน
จาก ผู้วิเคราะห์