ผู้เขียน หัวข้อ: ระทึก! หลักฐานใหม่ “จิ้มก้อง” อวสานบรรณาการไปจีน เพราะ “ไทยถูกหลอกลวง”  (อ่าน 1078 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
เป็นเวลานับพันปีที่จีนถือเอกสิทธิ์เปรียบตนเองเป็นศูนย์กลางของโลก และอุปโลกน์ว่าราชบัลลังก์จีนนั้นใหญ่โตเกินกว่าจะมีขอบเขตติดต่อกับใคร หากชาติใดต้องการติดต่อกับจีนก็ต้องอ่อนน้อมเข้ามาถวายเครื่องราชบรรณาการยอมเป็นเมืองของขึ้นจีนก่อนดังที่เรียกกันว่าจิ้มก้อง

เงื่อนไขสำคัญที่จีนกำหนดให้ต่างชาติที่ต้องการติดต่อค้าขายกับจีนในระบบรัฐบรรณาการคือ  การต้องยอมรับความเป็นใหญ่กว่าของจีน และทำตามข้อเรียกร้องของจีน สยามมิได้ขัดข้องต่อความประสงค์ของจีน เพราะจีนมิได้เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือก้าวก่ายกิจการภายในของสยามเลย โดยจีนมองว่าสยามเป็นดินแดนล้าหลังตั้งอยู่ห่างไกล  และมิได้มีประโยชน์อันใดต่อจีนมากนัก ที่สำคัญคือสยามได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในรูปแบบของการลงทุนทางการค้า สามารถแต่งสำเภาไปค้าขายและซื้อสินค้าจากจีนโดยได้รับการผ่อนปรนกฎระเบียบอันเข้มงวดและได้รับการยกเว้นภาษี

 แต่พอขึ้นรัชกาลที่ ๔ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปภายหลังการเข้ามาของชาติตะวันตก อังกฤษบีบคั้นให้จีนเปิดเสรีการค้า เมื่อจีนขัดขืนจึงต้องทำสงครามกับอังกฤษ (สงครามฝิ่น) เมื่อพ่ายแพ้อำนาจของจีนก็เริ่มเสื่อมทรามลง แต่รัชกาลที่ ๔ ก็ยังทรงยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติที่จะส่งก้องไปจีนเช่นเคย และได้ทรงทำเป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. ๒๓๙๗
 
ต่อมารัชกาลที่ ๔ กลับทรงบ่ายเบี่ยงและงดการส่งก้องไปจีนโดยให้เหตุผลว่า

ก. การลงทุนแต่งสำเภาไปค้าขายที่เมืองจีนเริ่มไม่คุ้มทุน เพราะสยามเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบตะวันตก ภายหลังสนธิสัญญาเบาริ่ง พ.ศ. ๒๓๙๘ ส่งผลให้อภิสิทธิ์พิเศษที่ได้รับจากจีนหมดลงไป
 
ข. ทรงตระหนักว่าถูกขุนนางจีนตั้งตัวเป็นนายหน้าหลอกลวงคนไทยตลอดมา ด้วยการดัดแปลงพระราชสาส์น ข่มขู่ และใช้อุบายล่อลวงยุยงพระเจ้าแผ่นดินไทยให้หลงเชื่อ เป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศ จึงทรงออกประกาศระงับการไปจิ้มก้อง ในปี พ.ศ. ๒๔๑๑

สมัยรัชกาลที่ ๕ จีนก็ทวงก้องเข้ามาอีก ในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ บังเอิญในระยะนั้นจีนถูกฝรั่งเศสคุกคาม เพราะต้องการยึดแคว้นตังเกี๋ยไปจากจีน นำไปสู่สงครามตังเกี๋ย เมื่อจีนแพ้ทำให้ต้องยอมสละตังเกี๋ย  (ญวน) ให้ฝรั่งเศส ต่อมาก็ต้องยอมยกเกาหลีให้ญี่ปุ่น ทำให้ฐานอำนาจของราชบัลลังก์จีนสั่นคลอนลงอย่างมาก สยามได้ทีจึงยกเลิกธรรมเนียมจิ้มก้องอย่างถาวรในรัชกาลที่ ๕

หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าจีนทวงก้องเข้ามาอีกเลย และพอถึง พ.ศ. ๒๔๕๔ ราชวงศ์ชิงก็สูญเสียอำนาจที่เคยมีทั้งหมด เกิดการปฏิวัติทางการเมืองภายในจีน ทำให้การปกครองในระบอบจักรวรรดิที่เก่าแก่กว่า ๒,๐๐๐ ปี ต้องสิ้นสุดลงพร้อมกับระบบรัฐบรรณาการที่ปักกิ่งเคยเป็นศูนย์กลางของโลกก็มาถึงกาลอวสานโดยสิ้นเชิง

( คัดย่อจาก ศิลปวัฒนธรรม 11 กันยายน 2555 ไกรฤกษ์ นานา  นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ )