โดยที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ...(ใหม่) ซึ่งอาจทำให้เพื่อนแพทย์สับสน เข้าใจผิดในสาระสำคัญ และอาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลต่อเพื่อนแพทย์ในบางประเด็นที่สำคัญ เช่น การเสนอร่าง การนำเอาบุคคลภายนอกมาเป็นกรรมการแพทยสภา การพิจารณาคดีจริยธรรม และ อ้างว่าคดีจริยธรรมต้องส่งศาลอาญา ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ประเด็นดังกล่าวข้างต้น ทาง ชพพ. ขอชี้แจงดังนี้
1.) กรรมการแพทยสภาได้มีมติเด็ดขาดไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 ว่า ยังไม่มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม เนื่องด้วยสภาวการณ์ยังไม่เหมาะสม (เว้นแต่จะมีการนำเสนอร่างฯอื่น จากบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่แพทย์ต่อ สนช.)
2.) กรรมการแพทยสภาต้องเป็น แพทย์ ทั้งหมดตามเดิม ไม่มีคนนอก (ตามหลักวิชาชีพต้องควบคุมด้วยวิชาชีพ)
3.) กรรมการควบคุมฯ(กรรมการกลั่นกรองเดิม)ที่ส่วนใหญ่เป็นแพทย์ มีหน้าที่ให้ความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายเท่านั้น อำนาจชี้ขาดตัดสิน คดีจริยธรรม คงอยู่ที่ แพทย์ ใน กรรมการแพทยสภา ตามเดิม
4.) การอ้างคดีจริยธรรมต้องส่งศาลอาญานั้นเป็นไปไม่ได้ และ ไม่มีมูลความจริงใดๆในพ.ร.บ.
ในส่วนเรื่องร่าง พรบ. คุ้มครองผู้เสียหายฯ ชพพ. ร่วมกับเพื่อนแพทย์ เกือบทั้งประเทศร่วมกันคัดค้านทุกรูปแบบตลอดมา ชพพ. ยืนหยัดคัดค้านจนถึงที่สุด ด้วยเหตุผลว่าวิธีปฏิบัติ จะเป็นอันตรายต่อการประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างร้ายแรง เพราะจะทำลายความสัมพันธ์ของแพทย์และผู้ป่วยอย่างถาวร ไม่ว่าจะนำเสนอมาในชื่อหรือรูปแบบใด
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา และ ศ.คลินิก นพ. อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภาและอดีตนายกแพทยสภา ซึ่งที่ผ่านมามีผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้วว่ามีแต่ความหวังดีและห่วงใย ต่อเพื่อนแพทย์ในฐานะอาจารย์แพทย์อาวุโส ที่ไม่เคยกล่าวให้ร้ายใคร ดำรงตนในฐานะแพทย์ที่มีวุฒิภาวะพร้อม จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้ใดๆ คงได้แต่ขอให้เพื่อนแพทย์ทุกท่านใช้วิจารณญาณ ชพพ.เชื่อว่าเพื่อนแพทย์ทุกท่านจะสามารถรับรู้ กลั่นกรองและ ตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
ชพพ. ในฐานะที่ได้ทำงานอย่างหนักร่วมกับทั้งสองท่านมาโดยตลอด มีความความภาคภูมิใจที่สามารถทำให้ แพทยสภายุคนี้เป็นที่พึ่งของทั้งแพทย์และประชาชน จนมีบทบาทเป็นที่ยอมรับในสังคม อุดมการณ์ของ ชพพ. คือ การถือประโยชน์ของทั้งประชาชนและแพทย์ บนพื้นฐานการผดุงเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ชพพ.จะยึดมั่นในแนวทางนี้ตลอดไป
ชมรมแพทย์เพื่อวิชาชีพแพทย์
26 พฤศจิกายน 2557