ผู้เขียน หัวข้อ: คนแต่งงานช้าชนวน “วัยโจ๋” ยอมขึ้นเตียงเสียตัวไว สุดอึ้ง! ป่องวัยเรียนพุ่งแซง  (อ่าน 695 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9797
    • ดูรายละเอียด
อึ้ง! จำนวนป่องในวัยเรียนไทยพุ่งแซงหน้าสหรัฐฯ สูงกว่ายุโรป 4 เท่า ญี่ปุ่นถึง 10 เท่า สะท้อนชัดเด็กโตไว มีเพศสัมพันธ์เร็ว ไม่รู้จักป้องกัน แถมแนวโน้มติดโรคทางเพศสัมพันธ์เยอะขึ้น หมอเด็กชี้คนแต่งงานช้า ทำวัยรุ่นมองเซ็กซ์หลังแต่งเป็นเรื่องไกลตัว ชนวนสำคัญทำวัยรุ่นยอมเสียตัวไว ระบุไม่เข้าใจวิธีคุมกำเนิด โดยเฉพาะการกินยาคุมกำเนิด ยันไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ด้าน สสส.จัดเต็มเปิดนิทรรศการ “SEX วัยรุ่น...เลือกได้” กระตุกสติวัยโจ๋ให้คิดก่อนตัดสินใจพลีกายบนเตียง
   
       วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)   นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานกรรมการกองทุน สสส.คนที่ 2 กล่าวในพิธีเปิดนิทรรศการ “SEX วัยรุ่น...เลือกได้” จัดโดย สสส.และภาคีเครือข่าย ว่า จากข้อมูลสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย พบว่า อัตราการคลอดของแม่วัยรุ่นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยแต่ละปีจะมีเด็กเกิดจากแม่วัยรุ่นประมาณ 136,734 คน จากการคลอดทั้งหมดปีละ 8 แสนคน เฉลี่ยวันละ 374 คน ชั่วโมงละ 15 คน หรือเท่ากับ 65 คนต่อ 1 พันประชากร ซึ่งสูงกว่ายุโรป 4 เท่า สูงกว่าญี่ปุ่นถึง 10 เท่า และแซงหน้าสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอัตราส่วน 51.1 ต่อ 1,000 รายไปแล้ว ขณะที่อัตราการทำแท้งคาดว่ามีมากกว่า 45,000 คนต่อปี จากข้อมูลดังกล่าวเท่ากับว่า เด็กไทย 1 ใน 5 เกิดจากแม่ในวัยที่ยังขาดความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะปั้นเด็กเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีและไม่มีปัญหา แต่ก็พอมีบ้างที่เลี้ยงดูลูกได้ประสบความสำเร็จแต่น้อย ส่วนใหญ่เท่าที่ไปเรือนจำก็มักพบว่าผู้กระทำผิดเกิดจากแม่ที่เป็นวัยรุ่น
       
       นพ.วิชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พบว่า วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์กันเร็วขึ้น เนื่องจากช่วง 100 ปีมานี้ อาหารทั่วโลกมีเพิ่มขึ้นถึงกว่า 100 เท่าจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เด็กเจริญเติบโตเร็ว มีประจำเดือนเร็วขึ้น มีเพศสัมพันธ์เร็วและตั้งครรภ์เร็ว โดยอายุต่ำสุดในผู้ชายที่มีเพศศัมพันธ์คือ 9 ปี และผู้หญิง 10 ปี รวมทั้งมีแนวโน้มเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น สาเหตุสำคัญเกิดจากช่องว่างความสัมพันธ์ในครอบครัว การดูแลโดยขาดความเข้าใจของพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงการมีความรู้ ความเข้าใจ และความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของวัยรุ่นในการคุมกำเนิด
       
       นพ.วิชัย กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาของ สสส.อาศัยการขับเคลื่อนนโยบายและเชื่อมโยงภารกิจหลายด้าน ได้แก่ 1.การพัฒนาต้นแบบพื้นที่ระดับชุมชนและท้องถิ่น โดยพัฒนาแกนนำในชุมชนให้สามารถรณรงค์สื่อสารสร้างความเข้าใจเรื่องวิถีชีวิตทางเพศ ให้สังคมและชุมชนปรับความคิดและมุมมองต่อเรื่องเพศว่าเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดต้องปิดบัง และหันมาช่วยสร้างการเรียนรู้เรื่องเพศที่ถูกต้องแก่ลูกหลานอย่างเหมาะสมกับวัย 2.สนับสนุนให้มีการจัดการเรียนการสอนเพศศึกษารอบด้านในโรงเรียน พร้อมทั้งพัมนาครูผู้สอน ผู้บริหารโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาใน 34 จังหวัด และโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนขนาดใหญ่ 150 แห่ง เนื่องจากการติดเชื้อเอดส์ในยุคแรกๆ ไทยมีปัญหาระบาดมากที่สุดและเร็วที่สุดในเอเชีย ซึ่งการสอน การรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันก็สามารถช่วยลดปัญหานี้ลงไปได้มาก 3.สนับสนุนให้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันระว่างภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด โดยเฉพาะหน่วยงานด้านสาธารณสุข การศึกษา สวัสดิการสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.การสื่อสารสังคม เพื่อปรับความคิดและมุมมองของคนในสังคมต่อเรื่องเพศ โดยใช้ประสบการณ์และข้อมูลความรู้ที่ได้จากการทำงานในพื้นที่ต้นแบบ นำมาเผยแพร่รณรงค์ผ่านสื่อและช่องทางต่างๆ
       
       ด้าน ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส.กล่าวว่า การแก้ปัญหาสุขภาพวะทางเพศของวัยรุ่น นอกจากทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายแล้ว การรณรงค์สื่อสารสังคมเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาและหาทางออกเป็นสิ่งสำคัญ โดยปีนี้ สสส.รณรงค์ประเด็น “SEX วัยรุ่น...เลือกได้” เพื่อกระตุกความคิดของวัยรุ่นก่อนที่จะตัดสินใจ ซึ่งจากสถิติพบว่า 65% ของวัยรุ่นไม่รู้วิธีคุมกำเนิด และไม่รู้วิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้อง โดยมีวัยรุ่นเพียง 50% ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก และหากเป็นคู่ประจำจะยิ่งมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยลดลง
       
       ทพ.กฤษดา กล่าวว่า สำหรับนิทรรศการ “SEX วัยรุ่น...เลือกได้” เป็นการเปิดประสบการณ์เรียนรู้รูปแบบใหม่ ผ่านนิทรรศการมีชีวิต ให้วัยรุ่นได้ร่วมเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์เสมือนผ่านทคนิคการเล่าเรื่องด้วยละคร โดยมีเป้าหมายรณรงค์สื่อสารเพื่อนำไปสู่การลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย ระหว่างอายุ 10-15 ปี โดยนิทรรศการจะแบ่งออกเป็น 4 โซน คือ รู้ตัว รู้อารมณ์ รู้รัก และรู้ใจ ซึ่งจะทำให้เด็กๆ เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและอารมณ์ของตนเอง จนนำไปสู่ความรักและความต้องการทางเพศ ซึ่งทุกทางเลือกทุกการตัดสินใจขึ้นอยู่กับตัวเอง
       
       ทั้งนี้ นิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่วันนี้-21 มิ.ย. 2557 ทุกวันอังคาร-เสาร์ เวลา 10.00-17.00 น. โซนนิทรรศการหมุนเวียนชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.นอกจากนี้ จะมีนิทรรศการสัญจรในกรุงเทพฯหมุนเวียนไปพบปะวัยรุ่นยังสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่ช่วง พ.ค.-มิ.ย.2557 และต่างจังหวัดตั้งแต่ ก.ค.2557 เป็นต้นไป
       
        พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า จริงๆ แล้ววัยรุ่นไม่ได้มีเพียงกลุ่มที่มองว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ แต่ยังมีกลุ่มหัวโบราณด้วย ซึ่งวิธีคิดต่างๆ เหล่านี้อยู่ที่การสอนของครอบครัว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือพ่อแม่มักไม่ค่อยมีเวลาให้แก่ลูก บางครอบครัวปากกัดตีนถีบ บางครอบครัวอาจให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง ซึ่งความห่างของรุ่นมีมากเกินไป ทำให้ไม่ได้มีการสอนเรียนของเพศศึกษาอย่างเหมาะสม เด็กจึงมีความคิดด้านเพศตามกระแสสังคม ทั้งจากเพื่อนและสื่อ ทั้งที่หากมีการสอนเรื่องเพศศึกษาให้วัยรุ่นเข้าใจ มีทักษะชีวิตในการปฏิเสธ ป้องกันตัวเอง ก็จะมีความสามารถในการตัดสินใจเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการดูแล นอกจากนี้ คนแต่งงานกันช้าลง เฉลี่ยอยู่ที่อายุประมาณ 30 ปี การอดเปรี้ยวไว้กินหวานคือมีเพศสัมพันธ์หลังแต่งงานจึงเป็นเรื่องไกลตัวมากขึ้น เด็กจึงมีแนวโน้มตามกระแสสังคมมีเพศสัมพันธ์ไวขึ้น
       
       “ ที่น่าห่วงคือขณะนี้เด็กไทยมีอัตราการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูงมากขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา บ่งชี้ได้ว่าวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ไวขึ้นและอายุน้อยลงเรื่อยๆ และมักไม่มีการป้องกันตนเอง อย่างเรื่องการกินยาคุมกำเนิดก็มักมีความเข้าใจผิดว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของฝ่ายหญิง ทั้งที่จริงแล้วการกินยาคุมกำเนิดเป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้ผลและแนะนำ สามารถกินได้นานและปลอดภัย แต่อาจมีปัญหาสำหรับคนที่มีประวัติครอบครัวป่วยมะเร็งเต้านมในครอบครัว หรือมีก้อนเนื้ออยู่แล้ว ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านมได้ ” พญ.จิราภรณ์ กล่าว

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    4 มีนาคม 2557