ผู้เขียน หัวข้อ: กษัตริย์พม่าคิดอย่างไรกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  (อ่าน 1324 ครั้ง)

power

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
    • ดูรายละเอียด
เป็นความจริงอีกด้านหนึ่ง ซึ่งคนภายนอกไม่มีโอกาสรู้ว่า "กษัตริย์พม่าคิดอย่างไร?" ต่อไทย ต่อพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นั้น-ขณะนั้น คือ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" มันเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ อันมีบันทึกอยู่ใน "หอจดหมายเหตุ" ในพระราชวังพม่า

"กษัตริย์องค์สุดท้าย" ของพม่าและของราชวงศ์อลองพญา พระนามว่า "พระเจ้าธีบอ" หรือพระเจ้าสีป่อ ท่านที่เคยอ่าน "เที่ยวเมืองพม่า" ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ คงจำได้ว่า พม่าเสียเมืองให้อังกฤษราวๆ พ.ศ.2429 ระบบกษัตริย์ล่มสลาย พระเจ้าสีป่อถูกอังกฤษจับไปขังอยู่ในคุกที่อินเดียเกือบ 30 ปีก่อนถูกประหารชีวิต เมื่อ พ.ศ.2458

Amitav Ghosh เขียนเกี่ยวพันถึงการเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 1 ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ผ่านการ "คิดสะท้อน" ของพระเจ้าสีป่อ โดยยกชะตาชีวิต-ชะตาชาติตัวเองเปรียบเทียบ ดังนี้

มีการตัดสินอนุญาตให้ส่งหนังสือพิมพ์จากบอมเบย์ไปยังเคหาสน์เอาท์แรม พร้อมกับเที่ยวเรือขนส่งเนื้อหมูของพระเจ้าสีป่อ หนังสือพิมพ์ปึกแรกอ่านพบรายงานข่าวที่ทำให้จิตใจจดจ่อหมกมุ่น มันคือข่าวบรรยายการเสด็จประพาสยุโรปของ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจุฬาลงกรณ์แห่งกรุงสยาม" นับเป็นครั้งแรกที่พระราชวงศ์เอเชียเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรปอย่างเป็นทางการ การเสด็จประพาสกินเวลานานหลายสัปดาห์ และตลอดช่วงเวลานั้น ไม่มีสิ่งอื่นใดครอบงำความสนพระทัยของพระเจ้าสีป่อได้อีกเลย

ที่กรุงลอนดอน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจุฬาลงกรณ์ประทับ ณ พระราชวังบัคกิงแฮม พระองค์ทรงรับการถวายการต้อนรับสู่ออสเตรียโดยสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ทรงรับการถวายพระราชไมตรีโดยกษัตริย์แห่งเดนมาร์ก ณ กรุงโคเปนเฮเกน และประธานาธิบดีฝรั่งเศสถวายพระราชทานเลี้ยง ณ กรุงปารีส ที่ประเทศเยอรมนี พระเจ้าไกเซอร์ วิลเฮล์ม ทรงยืนคอยรับเสด็จที่สถานีรถไฟ จนกระทั่งขบวนรถไฟพระที่นั่งของ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจุฬาลงกรณ์" แล่นเข้าเทียบ พระเจ้าสีป่อทรงอ่านรายงานข่าวครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งทรงจดจำขึ้นพระทัย

เพียงมินานมานี้ที่ พระเจ้าอลองพญา ผู้ทรงเป็นสมเด็จทวดของพระเจ้าสีป่อ และพระเจ้าพะคยีดอ ผู้ทรงเป็นสมเด็จปู่ กรีธาทัพรุกรานสยาม บดขยี้กองทัพอยุธยา ปลดกษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์ และปล้นสะดมกรุงศรีอยุธยา เมืองหลวงเก่าของสยาม ผลภายหลังคือ ผู้มีบรรดาศักดิ์ซึ่งถูกปราบพ่ายแพ้เลือกพระเจ้าอยู่หัวองค์ใหม่ บางกอกกลายเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ต่อมา มันเป็นเพราะพระเจ้าแผ่นดินพม่า เพราะบรรพกษัตริย์ของพระเจ้าสีป่อ เพราะพระราชวงศ์คองบอง สยามจึงได้มีพระราชวงศ์ปัจจุบันและกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดิน

วันหนึ่งพระเจ้าสีป่อรับสั่งกับเหล่าพระราชธิดาว่า 'เมื่อครั้งที่บรรพกษัตริย์ของเรา พระเจ้าอลองพญาผู้เกรียงไกร ทรงยกทัพรุกสยาม พระองค์มีพระราชสาสน์ถึงพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา' พระราชสาสน์ฉบับคัดลอกเก็บอยู่ที่หอจดหมายเหตุในพระราชวัง กล่าวใจความว่า

"หาได้มีความเป็นคู่ขันแข่งในพระเกียรติยศและบุญญาธิการระหว่างเราทั้งสองไม่ การวางพระองค์เทียบข้างพวกหม่อมฉัน เป็นการเปรียบพญาครุฑของพระวิษณุกับนกนางแอ่น พระอาทิตย์เปรียบกับหิ่งห้อย พฤกษเทวดาแห่งสรวงสวรรค์เปรียบกับไส้เดือนดิน พญายูงทอง ธตรัฏฐะ เปรียบกับแมลงเสพคูถ"

นั่นเป็นวาจาที่บรรพกษัตริย์ของเราตรัสกับพระเจ้ากรุงสยาม ทว่าบัดนี้ พวกเขากลับได้นอนพำนักในพระราชวังบัคกิงแฮม ขณะที่พวกเราถูกฝังจมราบอยู่ในกองมูลสัตว์เยี่ยงนี้.......

บุญญาบารมี และพระบรมเดชานุภาพด้วยพระเกียรติก้องแห่ง "พระมหากษัตริย์ไทย" เป็นฉันใด อยู่เหนือการลบหลู่ และผู้คิดล้มล้างจะมีผลฉันใด แม้ในประวัติศาสตร์พม่าเองยังต้องยอมรับ

ผู้ที่รุกรานสยาม บดขยี้กองทัพอยุธยา ปล้นสะดมกรุงศรีอยุธยา ปลดกษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์ ผลที่ตัวเองต้องได้รับ ก็ดังคำสารภาพของนักโทษประหาร "พระเจ้าสีป่อ" นั่นแหละว่า "พวกเขากลับได้นอนพำนักในพระราชวังบักกิงแฮม ขณะที่พวกเราถูกฝังจมราบอยู่ในกองมูลสัตว์เยี่ยงนี้"!

คอลัมน์ เปลว สีเงิน หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์