ผู้เขียน หัวข้อ: "ป้อมเพชร"ปราการป้องศึกเข้า"พระนคร"สมัยกรุงศรีอยุธยา ต้นกำเนิด "สกุล"ดัง  (อ่าน 1336 ครั้ง)

science

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
    • ดูรายละเอียด
 "ป้อมเพชร"    ประตูสู่กรุงศรีอยุธยา

หากจะกล่าวเช่นนั้น ก็คงไม่ผิดไปจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากนัก

นับจากเมื่อคราว สถาปนาอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี  เมื่อ ปี พ.ศ.  1893  กำแพงเมืองและป้อมต่างๆ  ถูกสร้างขึ้นมาเป็นปราการป้องกันข้าศึกจำนวนมากรอบเกาะกรุงศรีอยุธยา  ในคราวแรกเริ่มสร้างป้อม ล้วนใช้ไม้เป็นสิ่งก่อสร้าง    ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ได้มีการขยายขอบเขตราชสีมาไปถึงตลิ่งแม่น้ำ จึงได้มีการสร้างกำแพงด้วยอิฐและศิลาแลงขึ้น

บรรดา  29 ป้อมที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา  "ป้อมเพชร"  นับเป็นป้อมที่มีความสำคัญมากที่สุดในเชิงยุทธศาสตร์   ด้วยเป็นด่านปราการป้องกันศัตรูผู้รุกรานได้ดี  อยู่ตรงมุมพระนครด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ภายในเกาะเมือง บริเวณแม่น้ำบางกะจะ  ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลมาบรรจบกับแม่น้ำป่าสักพอดี   ทำให้เกิดเป็นลานน้ำวนขนาดใหญ่
จุดนี้ใช้เป็นที่จอดเรือสำเภาและเรือสินค้าของชาวต่างชาติ จึงเป็นตลาดใหญ่ที่ชาวบ้านสมัยก่อนนิยมเรียกกันว่า ตลาดน้ำวนบางกะ  ดังปรากฏชื่อตำบลทางฝั่งตรงข้ามว่า "ตำบลสำเภาล่ม"  เป็นนัยถึงวังน้ำวนด้านหน้าป้อมเพชรนั่นเอง

ป้อมเพชร  เป็นป้อมใหญ่ก่อด้วยอิฐสลับกับศิลาแลง หนา 14 เมตร ลักษณะรูปทรงป้อมแบบหกเหลี่ยมยื่นออกไปจากแนวกำแพงเมือง มีช่องคูหา(เชิงเทิน) ก่อเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของปืนใหญ่ประจำป้อม    จากบันทึกประวัติของชาวต่างชาติที่ไปเยือนกรุงศรีอยุธยา ณ เวลานั้น กล่าวไว้ว่ามีปืนใหญ่กว่า 800 กระบอกตั้งเรียงรายอยู่บนกำแพงเมือง   เพื่อป้องกันข้าศึกที่จะมาทางน้ำ  และเป็นท่าเรือสินค้าที่สำคัญในอดีต รวมทั้งเป็นย่านที่พักอาศัยของพ่อค้าชาวจีน ฮอลันดาและฝรั่งเศส   นอกจากนี้ ยังแฝงไว้ซึ่งวิถีชีวิตของชาวกรุงศรีอยุธยา  เนื่องจากพบร่องรอยการอยู่อาศัยมาตั้งแต่อยุธยาตอนต้น

แม้อาณาจักรอยุธยา  ราชธานีสยามที่ยาวนานเกือบสี่ศตวรรษ  จะล่มสลายลง นับแต่คราวต้องเสียกรุงฯครั้งที่ 2 ให้แก่พม่า  ตั้งแต่เมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน ตรงกับวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310  ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ  แต่  ป้อมเพชร  ก็ยังทำหน้าที่เป็นด่านปราการสำคัญของเมืองพระนครอยู่ เมื่อก้าวเข้าสู่กรุงรัตนโกสินทร์ และในเวลาต่อมา  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6    ได้ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุล  "ณ ป้อมเพชร์"  ให้แก่  "พระสมุทบุรานุรักษ์ (ขำ)" ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาวรุณฤทธีศรีสมุทปราการ พระยาเพชร์ชฎา และ "พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร์)"   ขณะประทับแรมที่อ่างศิลา พ.ศ. 2456  ด้วยบรรพบุรุษของพระสมุทฯ  มีถิ่นฐานอยู่บริเวณป้อมเพชรดังกล่าว  จึงนับเป็นต้นสกุลดังของบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ในปัจจุบันที่เรารู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น  คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ท.พญ.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หลานยายของนางอัมพา สุวรรณศร บุตรีพระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (ขำ ณ ป้อมเพชร์)) และ ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ราชบัณฑิต เป็นต้น

ปัจจุบัน ป้อมเพชร ได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร และยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่เป็นส่วนใหญ่   หากยืนอยู่ที่ป้อมเพชรแล้วมองไปที่ฝั่งตรงข้าม ทางด้านซ้ายมือคือ วัดพนัญเชิงฯ  ทางด้านซ้ายมือคือ วัดใหม่บางกะจะ  ตั้งอยู่ใกล้กับ วัดสุวรรณดาราราม เป็นป้อมปราการป้อมเดียวที่ยังเหลืออยู่จาก 16 ป้อม ตามแนวกรุงเก่า ในครั้งรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 

มติชนออนไลน์  5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555