8371
ข่าวสมาพันธ์ / Re: ผลการตรวจสอบการดำเนินงานของ สปสช. และข้อเสนอแนะ โดย สตง.(รายละเอียดแต่ละประเด็น)
« เมื่อ: 07 ธันวาคม 2011, 07:57:07 »
ประเด็นที่ 2 การบริหารพัสดุไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กำหนดข้อบังคับ สปสช. ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 เพื่อใช้สำหรับการจัดหาและบริหารงานพัสดุของสำนักงาน โดยที่ข้อบังคับดังกล่าวค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่าระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และมีการปฏิบัติตามข้อบังคับดังกล่าวไม่เคร่งครัด
2.1 การบริหารพัสดุของ สปสช. ไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และข้อบังคับที่กำหนดไว้ ดังนี้
2.1.1 การบริหารพัสดุของ สปสช. ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
2.1.1.1 สปสช. ไม่ได้ส่งแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายในกำหนดเวลาอย่างช้าภายในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2546 ข้อ 5 โดยในปีงบประมาณ 2550 – 2552 สปสช. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตามหนังสือลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 และ วันที่ 19 ธันวาคม 2551 ตามลำดับ
2.1.1.2 แผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างมีรายการไม่ครบถ้วน ตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2546 ข้อ 4(1) แผนที่จัดทำเป็นแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับครุภัณฑ์ที่มีราคาเกิน 100,000.00 บาท และที่ดินสิ่งก่อสร้างที่มีราคาเกิน 2,000,000.00 บาท
จากการตรวจสอบโดยการเปรียบเทียบรายการจัดซื้อจัดจ้างตามแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ 2552 กับการจัดซื้อจัดจ้างจริง พบว่า สปสช. จัดซื้อจัดจ้างจริงมากกว่ารายการตามแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฏดังตาราง
จากตาราง รายการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ปรากฏในแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีจำนวน 28 สัญญา หรือคิดเป็นร้อยละ 77.78 โดยรายการที่ไม่ได้จัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับการจัดหาระบบสารสนเทศและคอมพิวเตอร์
ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง พบว่ายังมีความเข้าใจไม่ถูกต้องในรายจ่ายที่เป็นค่าครุภัณฑ์ จึงไม่ได้นำรายการรายจ่ายเกี่ยวกับการจัดหาระบบสารสนเทศและคอมพิวเตอร์มาจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง
2.1.2 สปสช. ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 และคู่มือการจัดหาพัสดุ
ข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 หมวด 2 การจัดหา ข้อ 8 กำหนดว่า “ให้ผู้ปฏิบัติงานที่มีความประสงค์จะขอให้จัดหาพัสดุเพื่อใช้งาน แสดงความจำนงต่อเจ้าหน้าที่พัสดุโดยเสนอบันทึกตามแบบที่เลขาธิการกำหนด แสดงวัตถุประสงค์หรือความจำเป็นในการใช้งาน รายละเอียดของพัสดุที่ขอให้จัดหา กำหนดเวลาที่ต้องการใช้และรายละเอียดที่จำเป็น” และในคู่มือการจัดหาพัสดุได้กำหนดหลักเกณฑ์การจัดหาคือ ให้สำนักต่าง ๆ จัดทำบันทึกเสนอเลขาธิการขออนุมัติหลักการในการจัดหาพัสดุ โดยแบบของเนื้อหาบันทึกอย่างน้อยต้องมีข้อความดังนี้
(ก) เหตุผลความจำเป็นที่ต้องจัดหา
(ข) รายละเอียดของพัสดุ รวมทั้ง Spec (ถ้ามี)
(ค) ราคามาตรฐาน ราคากลาง หรือราคาอ้างอิงในตลาด หรือราคาที่เคยจัดหาครั้งหลังสุด
(ง) ระยะเวลาที่จะใช้ หรือให้งานแล้วเสร็จ
(จ) วงเงินที่จะใช้ / หมวดเงิน
(ฉ) วิธีที่จะจัดหา และเหตุผลที่จะต้องใช้วิธีนั้น ๆ
จากการตรวจสอบการจัดหาพัสดุของสำนักต่าง ๆ ระหว่างปีงบประมาณ 2552 - 2553 จำนวน 42 รายการพบว่า บันทึกเสนอเลขาธิการเพื่อขออนุมัติหลักการในการจัดหาพัสดุไม่มีเนื้อหาข้อ (ค) ราคามาตรฐาน ราคากลาง หรือราคาอ้างอิงในตลาดหรือราคาที่เคยจัดหาครั้งหลังสุดทุกรายการ และจากการสอบถามผู้อำนวยการสำนักต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้จัดทำบันทึกขออนุมัติหลักการการจัดหาพัสดุเสนอเลขาธิการจำนวน 8 สำนัก ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่ามีการสืบหาราคามาตรฐาน ราคากลาง หรือราคาอ้างอิงในตลาด หรือราคาที่เคยจัดหาครั้งหลังสุดก่อนทำบันทึกขออนุมัติแต่ไม่ได้นำข้อมูลเสนอไป
ในการเสนอขออนุมัติ นอกจากนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พัสดุ สำนักบริหารทั่วไป ซึ่งทำหน้าที่จัดซื้อได้รับข้อมูลสอดคล้องกันว่าไม่ได้ทำการตรวจสอบบันทึกเสนอขออนุมัติของสำนักต่าง ๆ ว่ามีเนื้อหาครบตามที่คู่มือกำหนดหรือไม่ ทั้งนี้ในรายงานผลการจัดหาของคณะกรรมการจัดหาพัสดุส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ระบุว่าได้นำข้อมูลเกี่ยวกับราคากลางมาใช้ประกอบการตัดสินใจแต่อย่างใด กรณีที่การจัดหาพัสดุของเจ้าหน้าที่ สปสช. ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการใช้ราคากลางเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมในการจัดหาพัสดุนั้น ย่อมส่งผลให้มีการจัดหาพัสดุในราคาที่สูงเกินไป แม้บางกรณีหากมีการต่อรองราคาแล้วผู้เสนอหรือผู้เข้าแข่งขันราคาจะยอมลดราคาลงให้อย่างมากก็ตาม
2.1.3 การให้เลขที่ใบสั่งซื้อสั่งจ้างในทะเบียนคุมใบสั่งซื้อสั่งจ้างไม่ครบทุกรายการ ข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 ข้อ 12 กำหนดหลักฐานในการจัดหาพัสดุไว้ 3 แบบดังนี้
(ก) ใบเสร็จรับเงินหรือใบส่งของ ใช้สำหรับการจัดหาพัสดุโดยวิธีตกลงราคาซึ่งผู้ขายหรือผู้รับจ้างสามารถส่งมอบพัสดุทั้งหมดได้ทันทีหรือเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนหรือมีเหตุฉุกเฉิน
(ข) ใบสั่งซื้อหรือจ้าง ใช้สำหรับการจัดหาพัสดุที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างสามารถส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างทั้งหมดได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันที่สำนักงานตกลงซื้อหรือจ้าง
(ค) หนังสือสัญญา ใช้สำหรับกรณีนอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2 หรือเป็นการจัดหาพัสดุที่มีการส่งมอบเป็นงวด การเช่า การแลกเปลี่ยน หรือการจัดหาพัสดุที่เลขาธิการเห็นสมควรให้ทำเป็นหนังสือสัญญา
ใบสั่งซื้อหรือจ้างซึ่งเป็นหลักฐานในการจัดหาพัสดุรูปแบบหนึ่งของ สปสช. ที่ใช้ในการจัดซื้อหรือจ้างกรณีที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างสามารถส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างทั้งหมดภายใน 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ สปสช. ตกลงซื้อหรือจ้างนั้น สปสช. สามารถจัดทำใบสั่งซื้อหรือจ้างได้ 2 ลักษณะ คือ
(1) ใบสั่งซื้อหรือจ้างจากระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบ SAP จะใช้ในกรณีที่จัดหาโดยใช้งบบริหาร และ
(2) ใบสั่งซื้อหรือจ้างที่จัดทำด้วยมือจะใช้ในกรณีที่เป็นการจัดหาโดยใช้งบบริหารผ่านเงินยืมทดรอง การจัดหาโดยใช้งบกองทุน และงบสวัสดิการ
จากการตรวจสอบพบว่าทะเบียนคุมใบสั่งซื้อหรือจ้างที่จัดทำด้วยมือไม่มีหมายเลขใบสั่งซื้อหรือจ้างจำนวนมาก โดยในปีงบประมาณ 2551 ไม่มีหมายเลขใบสั่งซื้อหรือจ้าง จำนวน 47 หมายเลข คิดเป็นร้อยละ 26.86 ของจำนวนหมายเลขทั้งหมดที่เรียงลำดับในทะเบียนคุมทั้งสิ้น 175 หมายเลข และปีงบประมาณ 2552 ไม่มีหมายเลขใบสั่งซื้อหรือจ้าง จำนวน 228 หมายเลข คิดเป็นร้อยละ 49.78 ของจำนวนหมายเลขทั้งหมดที่เรียงลำดับในทะเบียนคุมทั้งสิ้น 458 หมายเลข กรณีดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักการควบคุมภายในที่ดีเนื่องจากไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้ว่าจำนวนใบสั่งซื้อหรือจ้างที่ สปสช. ออกทั้งหมดมีจำนวนกี่รายการ และมีความครบถ้วนหรือไม่เพียงใด
......................................................................................
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กำหนดข้อบังคับ สปสช. ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 เพื่อใช้สำหรับการจัดหาและบริหารงานพัสดุของสำนักงาน โดยที่ข้อบังคับดังกล่าวค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่าระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และมีการปฏิบัติตามข้อบังคับดังกล่าวไม่เคร่งครัด
2.1 การบริหารพัสดุของ สปสช. ไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และข้อบังคับที่กำหนดไว้ ดังนี้
2.1.1 การบริหารพัสดุของ สปสช. ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
2.1.1.1 สปสช. ไม่ได้ส่งแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายในกำหนดเวลาอย่างช้าภายในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2546 ข้อ 5 โดยในปีงบประมาณ 2550 – 2552 สปสช. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตามหนังสือลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 และ วันที่ 19 ธันวาคม 2551 ตามลำดับ
2.1.1.2 แผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างมีรายการไม่ครบถ้วน ตามประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2546 ข้อ 4(1) แผนที่จัดทำเป็นแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับครุภัณฑ์ที่มีราคาเกิน 100,000.00 บาท และที่ดินสิ่งก่อสร้างที่มีราคาเกิน 2,000,000.00 บาท
จากการตรวจสอบโดยการเปรียบเทียบรายการจัดซื้อจัดจ้างตามแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ 2552 กับการจัดซื้อจัดจ้างจริง พบว่า สปสช. จัดซื้อจัดจ้างจริงมากกว่ารายการตามแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฏดังตาราง
จากตาราง รายการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ปรากฏในแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีจำนวน 28 สัญญา หรือคิดเป็นร้อยละ 77.78 โดยรายการที่ไม่ได้จัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับการจัดหาระบบสารสนเทศและคอมพิวเตอร์
ทั้งนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง พบว่ายังมีความเข้าใจไม่ถูกต้องในรายจ่ายที่เป็นค่าครุภัณฑ์ จึงไม่ได้นำรายการรายจ่ายเกี่ยวกับการจัดหาระบบสารสนเทศและคอมพิวเตอร์มาจัดทำแผนปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้าง
2.1.2 สปสช. ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 และคู่มือการจัดหาพัสดุ
ข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 หมวด 2 การจัดหา ข้อ 8 กำหนดว่า “ให้ผู้ปฏิบัติงานที่มีความประสงค์จะขอให้จัดหาพัสดุเพื่อใช้งาน แสดงความจำนงต่อเจ้าหน้าที่พัสดุโดยเสนอบันทึกตามแบบที่เลขาธิการกำหนด แสดงวัตถุประสงค์หรือความจำเป็นในการใช้งาน รายละเอียดของพัสดุที่ขอให้จัดหา กำหนดเวลาที่ต้องการใช้และรายละเอียดที่จำเป็น” และในคู่มือการจัดหาพัสดุได้กำหนดหลักเกณฑ์การจัดหาคือ ให้สำนักต่าง ๆ จัดทำบันทึกเสนอเลขาธิการขออนุมัติหลักการในการจัดหาพัสดุ โดยแบบของเนื้อหาบันทึกอย่างน้อยต้องมีข้อความดังนี้
(ก) เหตุผลความจำเป็นที่ต้องจัดหา
(ข) รายละเอียดของพัสดุ รวมทั้ง Spec (ถ้ามี)
(ค) ราคามาตรฐาน ราคากลาง หรือราคาอ้างอิงในตลาด หรือราคาที่เคยจัดหาครั้งหลังสุด
(ง) ระยะเวลาที่จะใช้ หรือให้งานแล้วเสร็จ
(จ) วงเงินที่จะใช้ / หมวดเงิน
(ฉ) วิธีที่จะจัดหา และเหตุผลที่จะต้องใช้วิธีนั้น ๆ
จากการตรวจสอบการจัดหาพัสดุของสำนักต่าง ๆ ระหว่างปีงบประมาณ 2552 - 2553 จำนวน 42 รายการพบว่า บันทึกเสนอเลขาธิการเพื่อขออนุมัติหลักการในการจัดหาพัสดุไม่มีเนื้อหาข้อ (ค) ราคามาตรฐาน ราคากลาง หรือราคาอ้างอิงในตลาดหรือราคาที่เคยจัดหาครั้งหลังสุดทุกรายการ และจากการสอบถามผู้อำนวยการสำนักต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้จัดทำบันทึกขออนุมัติหลักการการจัดหาพัสดุเสนอเลขาธิการจำนวน 8 สำนัก ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่ามีการสืบหาราคามาตรฐาน ราคากลาง หรือราคาอ้างอิงในตลาด หรือราคาที่เคยจัดหาครั้งหลังสุดก่อนทำบันทึกขออนุมัติแต่ไม่ได้นำข้อมูลเสนอไป
ในการเสนอขออนุมัติ นอกจากนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พัสดุ สำนักบริหารทั่วไป ซึ่งทำหน้าที่จัดซื้อได้รับข้อมูลสอดคล้องกันว่าไม่ได้ทำการตรวจสอบบันทึกเสนอขออนุมัติของสำนักต่าง ๆ ว่ามีเนื้อหาครบตามที่คู่มือกำหนดหรือไม่ ทั้งนี้ในรายงานผลการจัดหาของคณะกรรมการจัดหาพัสดุส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ระบุว่าได้นำข้อมูลเกี่ยวกับราคากลางมาใช้ประกอบการตัดสินใจแต่อย่างใด กรณีที่การจัดหาพัสดุของเจ้าหน้าที่ สปสช. ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการใช้ราคากลางเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมในการจัดหาพัสดุนั้น ย่อมส่งผลให้มีการจัดหาพัสดุในราคาที่สูงเกินไป แม้บางกรณีหากมีการต่อรองราคาแล้วผู้เสนอหรือผู้เข้าแข่งขันราคาจะยอมลดราคาลงให้อย่างมากก็ตาม
2.1.3 การให้เลขที่ใบสั่งซื้อสั่งจ้างในทะเบียนคุมใบสั่งซื้อสั่งจ้างไม่ครบทุกรายการ ข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2546 ข้อ 12 กำหนดหลักฐานในการจัดหาพัสดุไว้ 3 แบบดังนี้
(ก) ใบเสร็จรับเงินหรือใบส่งของ ใช้สำหรับการจัดหาพัสดุโดยวิธีตกลงราคาซึ่งผู้ขายหรือผู้รับจ้างสามารถส่งมอบพัสดุทั้งหมดได้ทันทีหรือเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนหรือมีเหตุฉุกเฉิน
(ข) ใบสั่งซื้อหรือจ้าง ใช้สำหรับการจัดหาพัสดุที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างสามารถส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างทั้งหมดได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันที่สำนักงานตกลงซื้อหรือจ้าง
(ค) หนังสือสัญญา ใช้สำหรับกรณีนอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2 หรือเป็นการจัดหาพัสดุที่มีการส่งมอบเป็นงวด การเช่า การแลกเปลี่ยน หรือการจัดหาพัสดุที่เลขาธิการเห็นสมควรให้ทำเป็นหนังสือสัญญา
ใบสั่งซื้อหรือจ้างซึ่งเป็นหลักฐานในการจัดหาพัสดุรูปแบบหนึ่งของ สปสช. ที่ใช้ในการจัดซื้อหรือจ้างกรณีที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างสามารถส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างทั้งหมดภายใน 30 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ สปสช. ตกลงซื้อหรือจ้างนั้น สปสช. สามารถจัดทำใบสั่งซื้อหรือจ้างได้ 2 ลักษณะ คือ
(1) ใบสั่งซื้อหรือจ้างจากระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบ SAP จะใช้ในกรณีที่จัดหาโดยใช้งบบริหาร และ
(2) ใบสั่งซื้อหรือจ้างที่จัดทำด้วยมือจะใช้ในกรณีที่เป็นการจัดหาโดยใช้งบบริหารผ่านเงินยืมทดรอง การจัดหาโดยใช้งบกองทุน และงบสวัสดิการ
จากการตรวจสอบพบว่าทะเบียนคุมใบสั่งซื้อหรือจ้างที่จัดทำด้วยมือไม่มีหมายเลขใบสั่งซื้อหรือจ้างจำนวนมาก โดยในปีงบประมาณ 2551 ไม่มีหมายเลขใบสั่งซื้อหรือจ้าง จำนวน 47 หมายเลข คิดเป็นร้อยละ 26.86 ของจำนวนหมายเลขทั้งหมดที่เรียงลำดับในทะเบียนคุมทั้งสิ้น 175 หมายเลข และปีงบประมาณ 2552 ไม่มีหมายเลขใบสั่งซื้อหรือจ้าง จำนวน 228 หมายเลข คิดเป็นร้อยละ 49.78 ของจำนวนหมายเลขทั้งหมดที่เรียงลำดับในทะเบียนคุมทั้งสิ้น 458 หมายเลข กรณีดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักการควบคุมภายในที่ดีเนื่องจากไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้ว่าจำนวนใบสั่งซื้อหรือจ้างที่ สปสช. ออกทั้งหมดมีจำนวนกี่รายการ และมีความครบถ้วนหรือไม่เพียงใด
......................................................................................