"วิทยา" ปิ๊งไอเดีย "ซื้อประกัน" แก้ปัญหาหมอโดนฟ้อง-คุ้มครองผู้ป่วย เตรียมมอบอนุกรรมการ สปสช.ศึกษาข้อมูล และเสนอให้ "นายกฯ" เห็นชอบ ยันไม่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน ด้าน กก.บอร์ด สปสช.ค้านไม่เห็นด้วย เหตุมีมาตรา 41 เป็นกลไกเยียวยาอยู่แล้ว ขณะที่ "เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์" ห่วงเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ชี้ "อังกฤษ" เคยทำ ส่งผลค่ารักษาพยาบาลพุ่ง
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์/ รพ.ทั่วไป (รพศ./รพท.) เมื่อวันที่9 มี.ค.2555 ที่ผ่านมา ว่า ได้พูดคุยกับเลขาธิการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการจัดซื้อประกันความเสี่ยงจากความเสียหายจากการรักษา ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้ง 2 ฝ่ายทั้งบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย เนื่องจากฝ่ายผู้ให้บริการจะรู้สึกปลอดภัยในการให้บริการรักษาพยาบาล ไม่ต้องกังวลต่อปัญหาถูกฟ้องร้องที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ผู้รับบริการที่ได้รับผลกระทบจากการรักษาก็จะได้รับการชดเชยเยียวยาโดยทันที
รมว.สธ.กล่าวว่า ข้อเสนอนี้จะมอบให้ทางคณะอนุกรรมการในบอร์ด สปสช.ลองไปศึกษาและดูรายละเอียดข้อมูลให้รอบด้าน ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปีทาง สปสช.ต้องจัดสรรงบปีละกว่า 100 ล้านบาทเพื่อใช้ในการชดเชยความเสียหายจากการรักษาให้กับผู้ป่วยอยู่แล้ว ดังนั้นระยะยาวน่าจะนำงบส่วนนี้มาซื้อประกันกับทางเอกชนแทน เหมือนการซื้อประกันอุบัติเหตุ ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตความเสี่ยงทางการแพทย์ตรงนี้จะมีมากขึ้น รุนแรงมากขึ้น จากผู้ป่วยที่คาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นจากภาวะโรคเรื้อรังต่างๆ ดังนั้นจำเป็นต้องมีมาตรการหลายๆ ส่วนในการแก้ไขปัญหา รวมไปถึงการให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค การเน้นให้บริการใน รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย ลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ลงไปด้วย
"การซื้อประกันความเสี่ยงเป็นแนวทางที่อยากได้มากที่สุด เพราะจะครอบคลุมและแก้ไขปัญหาให้ 2 ฝ่ายได้ หาก สปสช.ซื้อประกัน และให้ทั้ง 3 กองทุนมาพูดคุยกัน ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะจบไป หมอก็สบายใจ คนไข้ก็สบายใจ เรื่องนี้ตั้งใจอยากทำมากกว่าการขยาย ม.41 และการออก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข" รมว.สธ.กล่าว และว่า ทั้งนี้ ยังจะหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อขอทำเรื่องนี้
นายวิทยากล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไข ม.41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 นั้น เท่าที่ดู สปสช.ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแก้ไข เพียงแต่มีอำนาจในการปรับขยายเพดานการจ่ายค่าชดเชยเท่านั้น ซึ่งมีการเสนอตัวเลขที่ 2 ล้านบาท และเรื่องนี้ทางคณะอนุกรรมการ สปสช.กำลังพิจารณาอยู่ ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการในสภา นอกจากนี้ นายวิทยายังปฏิเสธต่อข้อซักถามว่า การทำเรื่องนี้อาจถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทประกันภัย
ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวแต่โดยหลัก สปสช. มี ม.41 จ่ายชดเชยให้ผู้ป่วยประมาณ 70-79 ล้านบาทต่อปี และในปีงบประมาณ 2555 ก็ได้ตั้งงบนี้ไว้ 100 ล้านบาท ส่วนตัวแล้วเห็นว่าการมี ม.41 ก็เป็นกฎหมายกลไกชดเชย เยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายอยู่แล้ว
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการบอร์ด สปสช. กล่าวว่า หากมีการซื้อประกันความเสียหายจากบริษัทประกันชีวิตของเอกชนจริงๆ จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปซื้อ เพราะว่าตามหลักการของ ม.41 มีเกณฑ์ในการชดเชยความเสียหายของมันอยู่แล้ว
ขณะที่ นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางแพทย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ มองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนเพราะบริษัทประกันของเอกชนส่วนหนึ่งทราบว่าเป็นบริษัทลูกของ รพ.เอกชน ถือว่าเป็นการอัฐยายซื้อขนมยาย อีกทั้งหากคนไข้ได้รับความเสียหายก็ต้องไปต่อสู้กับบริษัทเอกชนอีก ซึ่งเป็นเรื่องยากมากไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ขณะเดียวกันที่ผ่านมายังเคยมีตัวอย่างในประเทศอังกฤษ ว่าการที่แพทย์ซื้อประกันความเสี่ยงจากบริษัทประกันชีวิตส่งผลให้ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มสูงขึ้นจริง
"เบื้องต้นถ้าท่านจะทำเรื่องนี้ท่านต้องตอบสังคมให้ได้ก่อนว่าเพราะอะไรถึงไม่ผลักดันร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายฯ พ.ร.บ.นี้ไม่ดีอย่างไร" นางปรียนันท์กล่าว.
ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 13 มีนาคม 2555