ผู้เขียน หัวข้อ: ปลัด สธ.แฉพิรุธงบบัตรทอง พบชักเงินกลับ - โอนงบให้นอกเหนือ รพ.  (อ่าน 460 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9785
    • ดูรายละเอียด
ปลัด สธ. แฉพิรุธจัดสรรงบบัตรทอง พบโอนเงินส่งเสริมป้องกันโรคให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการรับงบเหมาจ่ายเพียบ ทั้งมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ - มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มหา'ลัย ชมรมต่างๆ พบโอนเงินไป รพ.แล้วเรียกคืน ด้าน สปสช. ท้าชี้แจง ยันเป็นงบสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุข

        วันนี้ (9 ธ.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบข้อมูลที่มาจาก สปสช. ซึ่งมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ ว่ามีการกระจายงบให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการงบเหมาจ่ายรายหัว ทั้งมูลนิธิ เครือข่าย ชมรม และวัด ซึ่งตนได้เสนอต่อบอร์ด สปสช. เพราะเกิดคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจาก พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ระบุว่า ค่าบริการด้านสุขภาพต้องจัดให้หน่วยบริการเท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบการโอนเงินเข้าบัญชีโรงพยาบาลหลายแห่งช่วงปลายปี โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2555 พบการโอนเงินจาก สปสช.ไปให้ รพ.ศรีสังวาล จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 11 ล้านบาท จากนั้นมีการเรียกเงินคืน สปสช. จำนวนเท่าเดิม โดยที่ ผอ.โรงพยาบาลไม่ทราบ
      
       “ทั้งเรื่องการโอนงบให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการงบเหมาจ่ายรายหัว และการโอนงบไปมาเหล่านี้ ผมได้ถามไปยังบอร์ด สปสช. แต่ก็ไม่มีการพูดถึง อย่างไรก็ตาม ผมคงไม่ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มีการตรวจสอบ เพราะในบอร์ด สปสช. มีคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ในการทำหน้าที่ตรวจสอบและชี้แจง” ปลัด สธ. กล่าว
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้อาจจะมีการนำไปพูดว่า ปลัด สธ. ยังขัดแย้งกับ สปสช. ไม่จบ และอาจมีผลต่อตำแหน่งปลัด สธ.หรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่นำเสนอในบอร์ด สปสช. และเรื่องนี้ก็เพื่อการบริหารจัดการของโรงพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปลัด เป็นเรื่องของโรงพยาบาลทุกระดับ ตนจะอยู่หรือจะไปไม่เกี่ยวกับตนเองเลย
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวจะถูกปลดก่อนเกษียณในปี 2558 หรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนชื่อ ณรงค์ ไม่ใช่ชื่อปลัด หากเราไม่พะวงเก้าอี้ ก็จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
      
       ด้าน ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก เท่าที่ทราบมีคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลัง ที่มีนายคณิศ แสงสุพรรณ เป็นประธาน ซึ่งกำลังดูรายละเอียดอยู่ แต่เงินดังกล่าวไม่น่าเป็นงบเหมาจ่ายรายหัว เพราะ สปสช. มีงบหลายก้อน
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเอกสารการนำเสนอของปลัด สธ. ต่อบอร์ด สปสช. เกี่ยวกับเรื่องหน่วยที่ไม่ใช่หน่วยบริการรับงบเหมาจ่ายรายหัว ในหมวดส่งเสริมป้องกันโรค (PP) ระบุว่า

สำนักงานบริการเทคโนโลยีสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล ราว 9 ล้านบาท
มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) ประมาณ 8.5 ล้านบาท
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคราว 3.7 ล้านบาท และ
มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ประมาณ 2.1 ล้านบาท เป็นต้น

และเอกสารเรื่องการจ่ายให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่ ระบุว่า

คณะต่างๆในมหาวิทยาลัย/มหาวิทยาลัยต่างๆ 41 ล้านบาท
วิทยาลัย 10 ล้านบาท
สภา/สมัชชา/สมาคม/สถาบัน 55.9 ล้านบาท
สำนัก/สำนักงาน 31 ล้านบาท มูลนิธิ 32 ล้านบาท และ
เครือข่าย/โครงการ/ชมรม/ค่าย/องค์การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสาธารณสุข ราว 7 ล้านบาท เป็นต้น
      
       นพ.สุทัศน์ ศรีวิไล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ในฐานะประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ./รพท.) กล่าวว่า ในส่วนที่มีการจัดสรรงบเหมาจ่ายรายหัวในหมวดงบส่งเสริมป้องกันโรคให้กับองค์กรอื่นที่ไม่ใช่หน่วยบริการนั้น ชมรมฯในฐานะเป็นหน่วยบริการเพิ่งทราบเรื่อง จากนี้จะต้องมีการพิจารณาข้อมูลอย่างละเอียดและหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับแนวทางการปรับปรุงกลไกระบบการเงินการคลังของงบเหมาจ่ายรายหัว กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นข้อเสนอของหน่วยบริการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
      
       นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ตนยินดีชี้แจง แต่หากเป็นไปได้ ข้อสงสัยต่างๆสามารถทำหนังสือหรือแจ้งมาทางสปสช. ไม่อยากให้ผ่านทางสื่อ อย่างไรก็ตาม สำหรับงบกระจายไปยังหน่วยงานที่ถูกตั้งคำถามเป็นงบที่เรียกว่า งบสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุข ซึ่งเป็นงบในการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข ส่วนที่ปลัด สธ. ระบุว่า มีการนำเสนอบอร์ด สปสช. แล้ว แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากไม่ถูกบรรจุในวาระการพิจารณา


ASTVผู้จัดการออนไลน์    9 ธันวาคม 2557
...
สปสช.ยันโอนงบบัตรทองหน่วยงานอื่นถูกตาม กม.ไม่ทำ รพ.ขาดทุน

สปสช. แจงโอนงบให้หน่วยงานนอกเหนือ รพ. มีไม่ถึง 1% เผยข้อมูล 3 ปี เป็นหน่วยงานใน สธ. รวม 52 โครงการ ใช้เงิน 500 ล้านบาท ยันทำตามกฎหมาย ย้ำไม่เป็นสาเหตุ รพ. ขาดทุน
      
       ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า งบบัตรทองเป็นงบประมาณที่รัฐจัดให้เพื่อการดูแลสุขภาพประชาชน โดยใช้เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการของสถานพยาบาลตาม ม.38 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ไม่ใช้งบที่จัดให้สถานพยาบาลโดยตรงเหมือนในอดีต โดยกำหนดหลักเกณฑ์การบริหารงบเหมาจ่ายรายหัว 2 ส่วน คือ 1. งบชดเชยค่ารักษาพยาบาล มากกว่าร้อยละ 99 ของงบทั้งหมด จ่ายตรงไปที่สถานพยาบาลตามประชากร 2. งบสนับสนุนส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขไม่เกิน 1% เช่น งบ ม.41 และงบกองทุนสุขภาพตำบลตาม ม.47 รวมทั้งงบพัฒนาติดตามกำกับประเมินผลการจัดบริการที่สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและอำเภอ รวมทั้งสถาบันวิชาการและมูลนิธิที่ไม่แสวงหากำไร เพื่อช่วยพัฒนาเตรียมความพร้อมของบุคลากรในการให้บริการ หรือช่วยติดตามกำกับประเมินผลระบบบริการและการเข้าถึงบริการ
      
       ทั้งนี้ ภาพรวมของงบสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุข ตั้งแต่ปี 2555 - 2557 มีโครงการทั้งหมด 75 โครงการ เป็นเงิน 610.287 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่ สป.สธ. และกรมต่างๆ 52 โครงการ หรือร้อยละ 69 รวมเป็นเงิน 500.073 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.95 ของงบทั้งหมด ส่วนโครงการที่เป็นของมหาวิทยาลัย สภาวิชาชีพ มูลนิธิและอื่นๆ 23 โครงการ เป็นเงิน 110.214 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.05 ของงบทั้งหมด ตัวอย่างโครงการ เช่น

1. โครงการ ติดตามกำกับ และประเมินผลการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกระทรวงสาธารณสุข ปี 2555 งบ 10 ล้านบาท
      
2. โครงการพัฒนาศักยภาพทันตบุคลากรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานทันตสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2555 งบ 2 ล้านบาท

3. โครงการแผนงานพัฒนารูปแบบและขยายการดำเนินงานสร้างสุขภาพและรักษาพยาบาล วิถีพุทธ ปี 2555 งบ 1.7 ล้านบาท และ

4. โครงการส่งเสริมการจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ระดับอำเภอ งบ 44 ล้านบาท
      
       “จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นว่างบประมาณที่ใช้นั้น เป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขเพื่อให้หน่วยบริการทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่การใช้จ่ายเงินให้องค์กรที่นอกเหนือไม่เกี่ยวกับงานของหน่วยบริการและไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหารพ.ขาดทุน เพราะใช้งบประมาณไม่มากเมื่อเทียบกับงบทั้งหมด” โฆษก สปสช. กล่าว
      

ASTVผู้จัดการออนไลน์    17 ธันวาคม 2557
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ธันวาคม 2014, 00:43:37 โดย story »