หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เซ็กส์เสื่อม มีบุตรยาก เป็นหมัน ต้องหยุดบริโภคไขมันทรานส์
ไขมันทรานส์(ที่ผลิตขึ้นทางอุตสาหกรรมอาหาร) ไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายของคนเรา มีประโยชน์เฉพาะด้านการค้าเท่านั้น แต่มีโทษต่อร่างกายหลายประการ เช่น ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้เกิดการอักเสบ ทำร้ายทำลายสมอง และ.......
ไขมันทรานส์ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอรโรนลดต่ำลง เนื่องจากไขมันทรานส์ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFAs ที่มีอย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งเป็นทรานส์) ซึ่งงานวิจัยพบว่าการบริโภคไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งทำให้ ฮอร์โมนเพศชายลดลง นอกจากนี้ไขมันทรานส์ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี(HDL)ลดลง ซึ่ง HDL เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการสร้างฮอร์โมนเพศชายนี้(testosterone)
มีการวิจัยทั้งในสัตว์ทดลองและในคนที่พบว่า ไขมันทรานส์ทำให้คุณภาพของน้ำอสุจิลดลง ทั้งจำนวนและรูปร่างของตัวอสุจิ นอกจากนี้ยังทำให้การตั้งครรภ์ยากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร
มีคนที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศมากน้อยแค่ไหน?
พอจะมีตัวเลขของผู้ชายที่ปัญหาการแข็งตัวของอวัยะเพศของประเทศสหรัฐอเมริกา คือ 1 ใน 9 ของผู้ชายอเมริกันที่ประสบปัญหานี้ หรือประมาณ 30 ล้านคน
มีการประมาณการณ์ตัวเลขของผู้ชายประเทศต่างๆโดยอาศัยข้อมูลประชากรมาเปรียบเทียบเท่านั้น(ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นการประมาณการณ์เท่านั้น)
Impotence in Southeastern Asia (Extrapolated Statistics)
ประเทศ ผู้ประสบปัญหา ประชากร
East Timor 2,314 1,019,252
Indonesia 541,529 238,452,952
Laos 13,780 6,068,117
Malaysia 53,419 23,522,482
Philippines 195,855 86,241,697
Singapore 9,887 4,353,893
Thailand 147,310 64,865,523
Vietnam 187,728 82,662,800
US Census Bureau, International Data Base, 2004
http://www.rightdiagnosis.com/i/impotence/stats-country.htm#extrapwarningผลของการมีระดับฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน ต่ำลงส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศและอื่นๆ เช่น ทำให้ ความต้องการทางเพศลดลง(reduced libido, decreased sex drive), อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว(erectile dysfunction), อ่อนเพลีย(low energy), ซึมเศร้า(depression, low motivation), อ้วนขึ้นลงพุง(increased fat tissue), โลหิตจาง(decrease in hemoglobin), กระดูกบาง(osteoporosis), กล้ามเนื้อลีบลง(decrese in muscle mass), ผมและขนร่วงง่าย(decrease in body hair)
การวิจัยในหนูถีบจักรจากประเทศเชคโกสโลวาเกีย(1988) พบว่า สัดส่วนและชนิดของไขมันในร่างกายสัมพันธ์กับสัดส่วนและชนิดของไขมันที่บริโภคเข้าไป, ไขมันทรานส์มีผลต่อปริมาณ รูปร่างของตัวอสุจิ และการตกไข่ของสัตว์ทดลอง และไขมันทรานส์ลดระดับของฮอร์โมนเทสโทสเตอรโรนในสัตว์ทดลองตัวผู้............
การวิจัยจากประเทศสเปนในช่วงปี 2010-2011 ชายหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย สุขภาพดี อายุระหว่าง18-23 ปีจำนวน 209 คน ก็พบว่า ไขมันทรานส์ทำให้จำนวนตัวอสุจิลดลง.....................
อีกการวิจัยหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ผู้ชายที่มีบุตรยากจำนวน 99 คนก็พบว่า การบริโภคไขมันทรานส์ัมพันธ์เชิงบวกกับระดับไขมันทรานส์ในน้ำอสุจิ และในตัวอสุจิ และสัมพันธ์เชิงลบกับความเข้มข้นของน้ำอสุจิ (กินไขมันทรานส์มาก ไขมันทรานส์ก็ไปสะสมในน้ำอสุจิและในตัวอสุจิมาก แต่ตัวอสุจิจะน้อยลง).........
ในผู้หญิงก็มีการวิจัยโดยคณะผู้วิจัยจาก Harvard Medical School มีการศึกษาและติดตามผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและมีบุตรแล้วหรือต้องการมีบุตรจำนวนมากถึง 18,555 คน ในช่วงปี 1991-1999 พบว่าการบริโภคไขมันทรานส์เพิ่มความเสี่ยงต่อการมีบุตรยาก...........
อีกงานวิจัยหนึ่งเกี่ยวกับการแท้งบุตร เป็นการวิจัยในนักเรียนหญิงจำนวน 104 คนโดยติดตามเป็นเวลา 25-30 ปี พบว่า ไขมันทรานส์อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการแท้งบุตร
สำหรับข่าวที่เกี่่ยวกับงานวิจัยเหล่านี้ได้ตีพิมพ์เป็นข่าว โดยพาดหัวข่าวได้น่าสนใจ เช่น ตั้งคำถามว่า
การ ban ไขมันทรานส์ จะทำให้เกิด ยุค baby bloom ขึ้นมาได้หรือไม่? เพราะไขมันทรานส์ทำให้มีบุตรยาก การบริโภคไขมันทรานส์น้อยลง ก็คงทำให้มีบุตรกันง่ายขึ้น.........
หรือ "โดนัทคุมกำเนิด" เนื่องจากโดนัทในปัจจุบันทอดในน้ำมันที่ใช้ไขมันทรานส์ ทำให้มีไขมันทรานส์สูงในโดนัท การกินโดนัทสามารถคุมกำเนิดได้เพราะไขมันทรานส์ทำให้มีบุตรยาก ก็เป็นการประชดประชันไปอีกแบบ
https://www.facebook.com/praditc/media_set?set=a.1384343098283661.1073741865.100001239514505&type=3&pnref=story................................................................
บทความเกี่ยวกับไขมันทรานส์
ปลอดไขมันทรานส์ Trans Fat Free กันดีกว่า
https://www.facebook.com/praditc/posts/1210685405649432การรณรงค์เรื่องไขมันทรานส์ในสหรัฐอเมริกา
https://www.facebook.com/praditc/media_set?set=a.1214148398636466.1073741859.100001239514505&type=3คดีที่แมคโดนัลด์(สหรัฐอเมริกา)ถูกฟ้องเรื่องไขมันทรานส์(2003)
https://www.facebook.com/praditc/media_set?set=a.1222086991175940.1073741860.100001239514505&type=3&pnref=storyสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปฯ เดินหน้าเรื่องไขมันทรานส์
https://www.facebook.com/praditc/media_set?set=a.1231190320265607.1073741861.100001239514505&type=3&pnref=storyไขมันทรานส์ทำร้ายทำลายสมอง
https://www.facebook.com/praditc/media_set?set=a.1319718434746128.1073741862.100001239514505&type=3&pnref=storyการเปรียบเทียบปริมาณไขมันทรานส์ในอาหารจานด่วน
https://www.facebook.com/praditc/media_set?set=a.1342409155810389.1073741863.100001239514505&type=3&pnref=story