ผู้เขียน หัวข้อ: สภากาชาดไทยทุ่ม 2 พันล.สร้าง “ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมา”  (อ่าน 1018 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9763
    • ดูรายละเอียด
สภากาชาดไทยเทงบกว่า 2 พันล้านบาท สร้าง “ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมา” เชื่อ ช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้ปีละ 1 พันล้านบาท สามารถถอนทุนคืนได้ภายใน 3 ปี และมีความเพียงพอต่อผู้ป่วยในประเทศ ด้าน “เกาหลีใต้” หนุนเงินอีก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อบรมบุคลากรสภากาชาดไทยด้านการผลิตพลาสมา ยกระดับความสัมพันธ์ 2 ประเทศ
       
       วันนี้ (4 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย แถลงข่าวและลงนามสัญญาก่อสร้าง “ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมา” ร่วมกับบริษัท Green Cross Corporation สาธารณรัฐเกาหลี ว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยสามารถนำพลาสมามาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์โลหิตเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยได้ตั้งแต่ปี 2552 แต่สามารถผลิตได้เพียงบางชนิดและผลิตได้ในปริมาณจำกัดคือประมาณ 10,000 ลิตรต่อปี ขณะที่ความต้องการของผู้ป่วยสูงขึ้น ทำให้ต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศเป็นหลักซึ่งมีราคาแพง ส่งผลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูง ลดโอกาสการเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ของผู้ป่วย
       
       “ยกตัวอย่าง Albumin ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลาสมาที่มีความต้องการมากที่สุด มีปริมาณนำเข้าเฉลี่ยร้อยละ 18 ต่อปี แต่จากสถิติกระทรวงสาธารณสุขปี 2553 ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งทุกชนิดเข้ารักษาในโรงพยาบาล 269,204 คน และคาดว่า ในปี 2556 จะมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มอีก 133,767 คน รวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคพันธุกรรม ฯลฯ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์พลาสมา ทำให้ผลิตภัณฑ์มีไม่เพียงพอต่อผู้ป่วย” เลขาฯสภากาชาดไทย กล่าว
       
       นายแผน กล่าวอีกว่า เพื่อสนองต่อนโยบายบริการโลหิตแห่งชาติ พ.ศ.2553 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติจึงจัดตั้งศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาขึ้น เพื่อลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานการผลิตยา (GMP) ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยาและบริการทางการแพทย์ให้กับประชาชน ทั้งนี้ ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาจะก่อสร้างในที่ดินของสภากาชาดไทยเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ใช้งบประมาณการออกแบบและก่อสร้างกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งในปี 2558 จะเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมา โดยมีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 200,000 ลิตรต่อปี ลดการนำเข้าได้ 1,000 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 ปี
       
       “ศูนย์ฯจะสามารถผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาได้จำนวน 3 ชนิด คือ 1.Albumin ใช้รักษาโรคไต โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน 2.IVIG (Intravenous Immunoglobulin) รักษาโรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตนเอง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และ 3.Factor VIII รักษาโรคฮีโมฟีเลีย เอ โรคเลือดออกง่ายหยุดยากทางพันธุกรรม เชื่อว่า เมื่อผลิตได้อย่างเต็มกำลังจะช่วยให้ไทยมีผลิตภัณฑ์พลาสมาที่มีคุณภาพ มีความเพียงพอ ครบวงจร และมุ่งหน้าเป็นศูนย์กลางการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เลขาฯสภากาชาดไทย กล่าว
       
       Mr.CHO Sun-Tae, President of Green Cross Corporation สาธารณรัฐเกาหลี กล่าวว่า บริษัท Green Cross Corporation ได้สนับสนุนดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาให้แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติมานานกว่า 14 ปี การลงนามสัญญาก่อสร้างศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาในครั้งนี้ เชื่อว่า จะสามารถช่วยให้การจัดตั้งศูนย์ฯของประเทศไทยบรรลุผลสำเร็จ มีผลิตภัณฑ์พลาสมาที่มีคุณภาพสูง และเพียงพอต่อการบริการประชาชน นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสภากาชาดไทยและบริษัท Green Cross Corporation แน่นแฟ้นขึ้น และเกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐเกาหลี
       
       H.E.Mr.Jeon, Jae Man เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย กล่าวว่า สาธารณรัฐเกาหลีและไทย มีความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 2501 ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ซึ่งการร่วมมือจัดตั้งศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาในครั้งนี้ รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีได้ให้การสนับสนุนความช่วยเหลือทางวิชาการตามโครงการจัดตั้งศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาแก่สภากาชาดไทย จำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจัดให้มีการอบรมบุคลากรสภากาชาดไทย ทั้งที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ในด้านเทคโนโลยีการผลิตพลาสมา ซึ่งเชื่อว่าการจัดตั้งศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาในประเทศไทยจะช่วยให้เกิดความร่วมมือใหม่ๆ ในอนาคตระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีและไทยต่อไป
       
       น.ส.วรมณี คณานุรักษ์ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยและสาธารณรัฐเกาหลี มีความสัมพันธ์มายาวนานกว่า 60 ปี มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การค้า การลงทุน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะขยายครอบคลุมสาขาต่างๆ มากยิ่งขึ้นในอนาคต อย่างปี 2555 มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับผู้นำรัฐบาลของทั้งสองประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรีของไทย และประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ต่างเห็นพ้องที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้มีความใกล้ชิดในทุกระดับ
       
       “การลงนามสัญญาก่อสร้างศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาถือเป็สนตัวอย่างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั้งสองประเทศ ส่งผลให้ผู้ป่วยในไทยได้รับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์พลาสมาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง ในราคาที่เป็นธรรม นอกจากนี้ ไทยยังสามารถพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลของสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสมาได้ในอนาคต”

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    4 มกราคม 2556