ผู้เขียน หัวข้อ: ผลสำรวจด้านโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชี้อุตสาหกรรมบริการมาแรงในประเทศไทย  (อ่าน 1323 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
ทริปแอดไวเซอร์ เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลก เผยผลสำรวจล่าสุดจากทริปแอดไวเซอร์ อินดัสตรี อินเด็กซ์ (TripAdvisor Industry IndexTM) ซึ่งเป็นการสำรวจด้านโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการสำรวจนี้ได้รับคำตอบมากกว่า 25,000 คำตอบจากผู้ประกอบการโรงแรมทั่วโลก และกว่า 500 คำตอบจากประเทศไทยเพียงแห่งเดียว การสำรวจนี้ได้เผยผลสำรวจที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระแสอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน
       
จากผลสำรวจหลักๆ พบว่า ประเทศไทยติดอันดับ 3 ในฐานะประเทศที่สร้างอาชีพในสายงานโรงแรมมากที่สุดของโลก และมีผู้ประกอบการโรงแรมร้อยละ 31 คาดว่าจะเพิ่มอัตราการจ้างงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า จากการสำรวจด้านธุรกิจโรงแรมปีละ 2 ครั้งของทริปแอดไวเซอร์ พบสิ่งที่น่าสนใจมากมายในอุตสาหกรรมบริการ เช่น การคาดการณ์ราคาห้องพักเมื่อเข้าสู่เดือนกันยายน วิธีเข้าถึงนักเดินทางผ่านช่องทางออนไลน์และโทรศัพท์มือถือ และแผนให้บริการโปรแกรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
       
       ประเทศไทยและอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมสำหรับสายงานโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากผลสำรวจพบว่ามีจำนวนผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศไทย ร้อยละ 31 และอินโดนีเซีย ร้อยละ 30 วางแผนเพิ่มจำนวนพนักงาน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น ร้อยละ 20 นิวซีแลนด์ ร้อยละ 9 และออสเตรเลีย ร้อยละ 8       

       แนวโน้มธุรกิจที่ดีสำหรับธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย จากคำตอบของผู้ร่วมการสำรวจต่อคำถามที่ประเมินการรับรู้สถานภาพทางธุรกิจของตนพบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของโรงแรมในประเทศไทย (ร้อยละ 49) คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น
       
       เมื่อเทียบกันแล้ว ประเทศอินโดนีเซียเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีจำนวนโรงแรมร้อยละ 67 ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า
       
       นอกจากนี้ แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย โดยมีผู้ประกอบการโรงแรมในภูมิภาคฯ ร้อยละ 50 คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 48 จากผลการสำรวจครั้งก่อนในเดือนธันวาคม 2554
       
       ประเทศที่มีแนวโน้มธุรกิจโรงแรมที่เติบโตเร็ว :
       1. อินโดนีเซีย
       2. บราซิล
       3. รัสเซีย
       4. สหรัฐอเมริกา
       5. อินเดีย
       
       ประเทศที่มีแนวโน้มธุรกิจโรงแรมที่ขยายตัวช้า :
       1. นิวซีแลนด์
       2. ฝรั่งเศส
       3. สเปน
       4. อิตาลี
       5. กรีซ
       
       โรงแรมใหญ่กว่าทำกำไรได้ดีกว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 29 ของโรงแรมในประเทศไทยรายงานว่าสามารถทำกำไรได้ดีหรือดีมาก นอกจากนี้ ร้อยละ 37 ของโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ (มากกว่า 50 ห้องพัก) ชี้ว่าธุรกิจโรงแรมทำกำไรได้ดีหรือดีมากกว่า เมื่อเทียบกับร้อยละ 24 ของโรงแรมขนาดเล็ก (ตั้งแต่ 50 ห้องพักลงไป)
       
       ภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประเทศอินโดนีเซียและอินเดียทำกำไรช่วงต้นปีได้มากกว่า โดยร้อยละ 44 ของโรงแรมในอินโดนีเซีย และร้อยละ 35 ของโรงแรมในอินเดียรายงานว่าธุรกิจทำกำไรได้ดีหรือดีมาก
       
       การจัดอันดับราคาห้องพัก : ประเทศใดเพิ่ม/ลด ราคาห้องพักในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประเทศที่มีราคาห้องพักต่ำ 5 อันดับ :
       1. กรีซ - 58%
       2. สเปน - 43%
       3. อิตาลี - 37%
       4. ออสเตรเลีย - 32%
       5. นิวซีแลนด์ - 29%
       
       ประเทศที่มีราคาห้องพักสูง 5 อันดับ :
       1. สหรัฐอเมริกา - 47%
       2. บราซิล - 42%
       3. รัสเซีย - 42%
       4. อินโดนีเซีย - 37%
       5. ตุรกี - 35%
       
       สิทธิพิเศษและส่วนลด: โรงแรมในประเทศไทยเอาชนะใจแขกผู้เข้าพักได้อย่างไร
       สิทธิพิเศษยอดนิยม :
       1. ส่วนลดห้องพัก - 64%
       2. บริการสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ (เช่น ฟรี Wi-Fi) - 49%
       3. เข้าพักฟรีพร้อมบริการสำรองห้องพัก - 28%
       4. บริการที่จอดรถฟรี - 19%
       5. บริการรถรับ-ส่งในบริเวณใกล้เคียงฟรี - 17%
       
       มีโรงแรมในประเทศไทยเพียงร้อยละ 5 ที่ไม่ให้บริการสิทธิพิเศษใดๆ เลย
       
       บริการฟรี Wi-Fi มีแนวโน้มอย่างไร?
       ร้อยละ 81 ของผู้ร่วมตอบคำถามในการสำรวจบอกว่า โรงแรมของตนให้บริการฟรี Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในห้องพัก และร้อยละ 41 ของผู้ที่ยังไม่ให้บริการฟรี Wi-Fi วางแผนให้บริการดังกล่าวในอีก 6 เดือนข้างหน้า
       
การจัดอันดับด้านสื่อออนไลน์พบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก ประเทศไทย (ร้อยละ 80) ได้อันดับ 6 ของโลกในฐานะประเทศที่ใช้สื่อออนไลน์ในการดึงดูดนักเดินทาง ตามหลังประเทศมาเลเซีย (ร้อยละ 89) และอินโดนีเซีย (ร้อยละ 84) แต่ชนะประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ประเทศญี่ปุ่น (ร้อยละ 62) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 55) และนิวซีแลนด์ (ร้อยละ 46)
       
       จากโรงแรมขนาดและประเภทต่างๆ ในประเทศไทย ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจกล่าวถึงเหตุผลหลักในการใช้สื่อออนไลน์ ดังนี้ การตลาดผ่านเว็บไซต์สังคมออนไลน์ (ร้อยละ 51) รายการและวิจัยของอุตสาหกรรมบริการ (ร้อยละ 41) และคำแนะนำของเพื่อน (ร้อยละ 24) สำหรับวิธีการใช้เว็บไซต์สังคมออนไลน์ ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ตอบว่าเพื่อลงข้อมูลสิทธิพิเศษ (ร้อยละ 68) โต้ตอบผลตอบรับจากแขก (ร้อยละ 66) และประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ (ร้อยละ 50)
       
       ในประเทศไทย โรงแรมขนาดใหญ่ทำการตลาดบนโทรศัพท์มือถือมากกว่าโรงแรมขนาดเล็ก (B&B)
       
       โรงแรมขนาดใหญ่ โรงแรมขนาดเล็ก (B&B)ความสามารถในการสำรองห้องพักผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมบนโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องที่ “สำคัญมาก” 62% 51% การลงข้อมูลสิทธิพิเศษต่างๆ ให้ผู้ใช้อุปกรณ์ไร้สายสามารถเข้าถึงได้เป็นเรื่องที่ “สำคัญมาก” 48% 33%ให้บริการที่จะเข้าถึงแขกผ่านอุปกรณ์ไร้สาย 35% 23% โปรแกรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : ดีต่องบประมาณโรงแรมและสิ่งแวดล้อม
       
ผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศไทย (ร้อยละ 75) ติดอันดับที่ 13 ของโลกในด้านการปฏิบัติการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชนะประเทศในภูมิภาคเดียวกันอย่าง ประเทศญี่ปุ่น (ร้อยละ 69) แต่ยังตามหลังประเทศนิวซีแลนด์ (ร้อยละ 93) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 80) อินเดีย (ร้อยละ 80) และมาเลเซีย (ร้อยละ 76)
       
       โปรแกรมรักษาสิ่งแวดล้อมที่ใช้กันทั่วไปคือ การใช้หลอดประหยัดไฟ (ร้อยละ 66) การนำผ้าเช็ดตัว/ผ้าปูที่นอนกลับมาใช้ใหม่ (ร้อยละ 65) และโปรแกรมประหยัดพลังงาน (ร้อยละ 61)
       
       เมื่อถามถึงเหตุผลของการจัดโปรแกรมรักษาสิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจให้เหตุผลหลักว่า เพื่อลดค่าใช้จ่าย (ร้อยละ 69) และเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด (ร้อยละ 40)
       
       “การสำรวจทริปแอดไวเซอร์ อินดัสตรี อินเด็กซ์ เน้นย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยผู้ประกอบการโรงแรมในอเมริกาเหนือ เอเชียแปซิฟิก และละตินอเมริกา มีแนวโน้มเป็นสองเท่า โดยประมาณว่าจะสามารถทำกำไรได้ดีในช่วง 6 เดือนหลังนี้ เมื่อเทียบกับโรงแรมในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา” มิสคริสทีน ปีเตอร์เซน ประธานฝ่ายธุรกิจทริปแอดไวเซอร์ กล่าวว่า “สิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นคือ แรงฉุดลากที่โรงแรมต่างๆ กำลังปฏิบัติในส่วนของการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ สังคมออนไลน์ และโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ในปัจจุบันมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจเพียง 1 ใน 4 ที่ให้บริการโปรแกรมเพื่อเข้าถึงผู้ใช้อุปกรณ์ไร้สาย เราคาดว่าตัวเลขในส่วนนี้จะเพิ่มสูงขึ้น”

 ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 สิงหาคม 2555