เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีของประชาชน ขออธิบายที่มาดังนี้
1. ตำนานเทพอสูร
มีกลุ่มบุคคลหนึ่งขอเรียกสั้นๆ ว่าเทพอสูร บุคคลเหล่านี้ เดิมฝึกวิทยายุทธจากจอมเทพแต่ต่อมาธาตุไฟเข้าแทรกจึงกลายเป็นอสูร ในร่างเทพ มีเพลงกระบี่ขั้นสุดยอดคือ ก้อนหิน 3 ก้อน เขยื้อนภูเขา
ก้อนที่ 1 ออกมาเสนอผลงานวิชาการ หน่วยนี้ชื่อ สวรส.(สถาบันวิจัยระบบสุขภาพ)
ก้อนที่ 2 ออกมาเคลื่อนไหวตามข้อเสนอของก้อนที่ 1 ได้แก่ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคและสหาย
ก้อนที่ 3 ออกกฎหมายใช้ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคและสหายออกมากดดันรัฐบาล
เมื่อออกกฎหมายและตั้งหน่วยงานแล้ว เหล่าเทพอสูรนี้จะเข้าไปนั่งบริหารและตั้งเงินเดือนสูงๆ หน่วยงานเหล่านี้ได้แก่
สปสช. สำนักงานหลักประกันสุขภาพ
สส.ส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
สช. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
2. ขณะนี้เหล่าเทพอสูรกำลังจะทำคลอดน้องใหม่ คือ สำนักงานกองทุนคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการทางการแพทย์ พรบ.นี้ มีอำนาจเรียกเก็บเงินจากโรงพยาบาลทุกแห่ง (ม.21) และสั่งให้โรงพยาบาลดำเนินการไม่ให้เกิดความเสียหาย (ม.10) แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก ผู้ป่วยมีมากกว่ากำลังของโรงพยาบาลที่จะดูแลโดยไม่ใช้เตียงเสริมและโต๊ะเสริม การรับผู้ป่วยด้วยเตียงเสริมและโต๊ะเสริมจะผิดพรบ.ผู้ป่วยจะล้นไปโรงพยาบาลเอกชน เสียเงินจำนวนมาก และคนจนจะไม่มีเงินไปรักษา
3. ทันทีที่พรบ.ออกมา จะมีการโอนเงินที่ค้างอยู่ในบัญชี ม.41 พรบ.หลักประกันสุขภาพจำนวน มากกว่า 5,000 ล้านบาท มาให้กองทุนนี้ทันที (ม.22) และสามารถนำไปใช้บริหารสำนักงาน 10% ต่อปี (ม.20)
4. เพื่อให้มั่นใจว่าเหล่าเทพอสูรจะได้เข้าไปดูแลกองทุน มาตรา 50 ระบุว่า ในระหว่างที่รัฐมนตรียังไม่ตั้งกรรมการ ให้รัฐมนตรีตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คน และเป็นผู้ทำงานด้านคุ้มครองผู้บริโภค 6 คน (ซึ่งเกินกึ่งหนึ่ง)
5. หากต้องการดูแลประชาชน โดยไม่ต้องการดูแลเงิน จำนวนมากกว่า 5,000 ล้านบาท(และจะมีสมทบทุกปีจนเป็นหมื่นล้าน) ก็สามารถเสนอรัฐบาลให้กรมบัญชีกลางและสำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินชดเชยในเงื่อนไขเดียวกับมาตรา 41 จะครอบคลุมประชาชนทั้งประเทศ และให้เพิ่มวงเงินมาตรา 41 ในเงื่อนไขที่ประชาชนต้องการและเป็นไปได้
สรุป
เหล่าเทพอสูรต้องการบริหารเงินจำนวนมาก โดยอ้างการเจ็บป่วยของประชาชนและใช้โรงพยาบาลและบุคลากรสาธารณสุขเป็นแพะรับบาป ไม่สนใจว่าจะมีผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาหลังจากออกพรบ.นี้
เทพวรรณกรรม