ผู้เขียน หัวข้อ: พบฟอสซิลหอยอายุ300ล้านปีก่อนยุคไดโนเสาร์ป่าทองผาภูมิ  (อ่าน 2331 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9773
    • ดูรายละเอียด
พบฟอสซิลหอยยุคหินอายุกว่า 300 ล้านปี ในป่าอุทยานทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ผู้เชี่ยวชาญ ม.มหิดล ชี้ หอยชนิดดังกล่าวสูญพันธุ์ก่อนยุคไดโนเสาร์ และเป็นพื้นที่ทะเลมาก่อน...

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายเมือง สีบุ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/3 หมู่ 2 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อาชีพทำนา พร้อมด้วยนายผัด ประกอบแสง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/30 หมู่ 2 ต.ห้วยเขย่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และนายบุญเนียม ดวงจันทร์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 1 ต.ห้วยเขย่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ว่า พบฟอสซิลหอย มีลักษณะคล้ายหอยแครงเกาะติดอยู่บนหน้าผา บริเวณเขาด่าง หมู่ 2 ต.ห้วยเขย่ง

โดยนายเมือง เปิดเผยว่า ชาวบ้านพบหอยดังกล่าวและใช้ค้อนทุบ พบว่าด้านในเป็นก้อนหินที่มีเนื้อติดกับเปลือกหอย ชาวบ้านบางคนเคยเก็บได้และนำไปขายตัวละ 5 บาท ชาวบ้านบางคนก็นำไปให้เจ้าอาวาสวัดท่ามะเดื่อปลุกเสกเครื่องรางของขลังตาม ความเชื่อว่าเป็นของขลัง

ส่วนนายผัดเล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน มีชาวบ้านเดินทางเข้าไปหาของป่าถึงบริเวณเขาด่าง ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน ได้พบหอยเกาะอยู่บนหน้าผา จึงใช้อุปกรณ์งัดออกมาดู พบว่ามีลักษณะคล้ายกับหอยแครง จึงใช้ค้อนทุบดู พบว่าภายในหอยเป็นก้อนหินและมีความแข็งมาก จากนั้นชาวบ้านคนดังกล่าวจึงเก็บหอยที่พบและมาเล่าให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน ฟัง และทุบให้ดูเพื่อพิสูจน์ สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนที่เห็น แต่ทุกคนในหมู่บ้านไม่รู้เลยว่าหอยดังกล่าวภายในเป็นหินได้อย่างไร

"ชาว บ้านบางรายเข้าไปเก็บหอยที่พบอยู่บนหน้าผาเขาด่าง เพื่อนำมาขายในราคาตัวละ 5 บาท ส่วนใหญ่คนที่รับซื้อจะเป็นคนกรุงเทพฯที่มาท่องเที่ยวในพื้นที่ แต่ไม่มากนัก และบางรายก็นำไปถวายให้กับพระครูสุจิณบุญกาญจน์ เจ้าอาวาสวัดท่ามะเดื่อ เจ้าคณะตำบลห้วยเขย่ง พร้อมกับให้ท่านปลุกเสกทำเครื่องรางของขลังตามความเชื่อของชาวบ้าน ต่อมาตนเกิดความสงสัยจึงชวนเพื่อนบ้านอีก 2 คนรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ที่สนิทสนมกัน เข้าไปที่หน้าผาเขาด่าง เพื่อนำหอยดังกล่าวมาดูอีกครั้ง" นายผัด กล่าว

นอกจากนี้ ผู้ช่วยผญบ.หมู่ 2 ต.ห้วยเขย่ง ยังกล่าวต่อด้วยว่า ตนกับชาวบ้านได้ปรึกษากับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งหัวหน้าอุทยานฯบอกกับตนว่า หอยที่พบมีอายุไม่ต่ำกว่า 1 พันปี และได้แนะนำให้ตนไปขอร้องชาวบ้านว่าอย่ามาเก็บหอยที่พบอีก เพราะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก สมควรอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังเข้ามาศึกษาจะดีกว่า ซึ่งตนก็ทำตามคำแนะนำของหัวหน้าอุทยานฯ จึงได้บอกกับชาวบ้านจนเข้าใจ

ด้าน ดร.ปริญญา พุทธาภิบาล นักธรณีวิทยา สาขาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตไทรโยค ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ซากฟอสซิลหอยที่พบ ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า แบรชิโอพอด (brachiopod) มีลักษณะคล้ายกับหอยแครง ซึ่งเป็นหอยทะเล มีขนาด 1-1.5 เซนติเมตร ซึ่งหอยชนิดนี้สูญพันธุ์มานานมากกว่า 300 ล้านปี คือ สูญพันธุ์ก่อนยุคไดโนเสาร์ สังเกตง่ายๆ ก็คือภายในของหอยที่พบนั้น ทุกอย่างเปลี่ยนสภาพเป็นหิน ซึ่งติดเป็นเนื้อเดียวกันกับเปลือกหอย มีความแข็งมาก สำหรับพื้นที่ตำบลห้วยเขย่ง สามารถพูดได้เลยว่าเคยจมอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อนอย่างแน่นอน

นอกจาก นี้ ดร.ปริญญา กล่าวต่อว่า ตนอยากฝากเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันปกปักรักษาสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ สิ่งนี้ เชื่อว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกให้ความสนใจ และต้องการศึกษาว่าโลกมนุษย์ของเรานั้น มีความเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน และในอดีตของมนุษย์คนเรามีการวิวัฒนาการเป็นไปอย่างไร และหอยแครงที่พบนั้น เท่าที่ทุกคนรู้ ก็รู้เพียงว่าหอยแครงเป็นหอยทะเล ไม่ใช่หอยน้ำจืด โดยเฉพาะสิ่งที่พบ อยู่ในพื้นที่ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพิสูจน์จำนวนมากอย่างแน่นอน

.........................................................................................
ชาวบ้านกาญจน์ฯเชื่อหอยหิน300ล้านปีเหมือนเบี้ยกันภัย

เจ้าคณะตำบลห้วยเขย่ง จ.กาญจนบุรี เผยชาวบ้านเชื่อหอยหิน 300 ล้านปีเหมือนเบี้ยแก้ป้องกันภัย เผยมีมานาน 2 ปีแล้ว โดยมีบางรายเอามาทำพิธีปลุกเสกเพื่อนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภยันตรายหรือสิ่งชั่วร้ายต่างๆ...

จากการที่ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 1 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบฟอสซิลหอยหิน 300ล้านปี และมีบางคนนำไปให้พระปลุกเสกทำเครื่องรางของขลัง ดังนั้น เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 22 มี.ค.2554 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ พระครูสุจิณบุญกาญจน์ เจ้าอาวาสวัดท่ามะเดื่อ ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เจ้าคณะตำบลห้วยเขย่ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ที่ศาลาการเปรียญของวัด

พระครูฯ กล่าวว่า เหตุการณ์หอยหินนี้มีมานานตั้งแต่ เมื่อประมาณ 2 ปีแล้ว โดยมีชาวบ้านนำหอยแครงหินมาถวายให้กับอาตมาเป็นจำนวนมาก แต่อาตมาก็ไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ชาวบ้านบางรายถึงกับให้อาตมาทำพิธีปลุกเสกเพื่อนำไปเป็นเครื่องรางของ ขลังตามความเชื่อของแต่ละคนว่า เป็นของขลังคล้ายกับเครื่องรางของขลังประเภท เบี้ยแก้ที่ป้องกันภยันตรายหรือสิ่งชั่วร้ายต่างๆ

เจ้าคณะตำบลห้วย เขย่ง กล่าวด้วยว่า ต่อมามีชาวบ้านรายอื่นๆ เขาไม่ทราบว่ารู้จากไหน ก็เดินทางมาที่วัดมาทำบุญแล้วก็ขอหอยหินจากอาตมาอีก บ่อยๆ โดยอาตมาก็ถือว่าในเมื่อชาวบ้านศรัทธาและไม่ได้เป็นการหลอกลวงก็ให้ไป แต่ก็บอกว่าต้องรักษาให้ดียิ่งรักษาศีลอยู่ในธรรมะก็จะช่วยให้เป็นคนดีมาก ขึ้น ตอนนี้ให้ไปให้มาเกือบหมดแล้ว แต่ก่อนเข้าพรรษาที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านเขาก็นำมาถวายอีก จึงสงสัยว่าชาวบ้านที่นำมาถวายนั้นเป็นหินจริงหรือไม่ ก็เลยทุบดูปรากฏว่าภายในเป็นหินจริง อาตมาจึงเก็บรักษาเอาไว้ เนื่องจากสังเกตเห็นว่าเป็นสิ่งที่แปลกดีไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ไทยรัฐ
23 มีค 2554