ผู้เขียน หัวข้อ: เชื่อไทยยังลักลอบทํสเต็มเซลล์เยอะ  (อ่าน 898 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม 2555 00:00:31 น.
กรุงเทพฯ * วิจัยสเต็มเซลล์ในไทยคึก แพทย สภาเผย ขออนุญาตมาแล้ว 17 ราย แต่อนุมัติ 11 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนแพทย์และสถาบันต่างๆ "หมอสมศักดิ์" เผยต้องคุมเข้มยิ่งขึ้น หลังโดนนานาชาติโจมตี ไทยทำสเต็มเซลล์พร่ำเพรื่อไม่มีหลักวิชา แต่เชื่อว่ายังมีการลักลอบทำจำนวนมาก

เมื่อวันที่17 ต.ค. ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา  กรรมการแพทยสภา กล่าวถึงการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) ว่า ปัจจุบันมีการขออนุญาตเรื่องเกี่ยวกับสเต็มเซลล์มาที่แพทยสภา 17 ราย ในจำนวนนี้ 4 รายแพทยสภาไม่ได้พิจารณา เพราะไม่เกี่ยว ข้องกับสเต็มเซลล์ ส่วน 11 รายขอทำการวิจัย เป็นโรงเรียนแพทย์และสถาบันต่างๆ ซึ่งแพทย สภาอนุญาตทั้งหมดไม่ได้ขัดขวาง เป็นเรื่องข้อตา ไขสันหลัง แต่ทั้งหมดยังเป็นการวิจัยอยู่


 
ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า มีอยู่ 2 รายขออนุญาตเป็นมาตรฐานการรักษาเกี่ยวกับโรคหัวใจ ซึ่งแพทยสภาได้ส่งให้ราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ โดยราชวิทยาลัยไม่เห็นด้วย คือ คนไข้อาจดีขึ้นชั่วคราว เล็กน้อย แต่ 2-3 เดือนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่สามารถให้คงอยู่ได้ เสียเงินไปหลายล้านบาทแล้วคนไข้ไม่ดีขึ้น และทั่วโลกยังไม่มีใครรับรองเป็นมาตรฐานการรักษา

"การวิจัยจะเก็บเงินคนไข้ไม่ได้ สมัยก่อนเก็บเงินคนไข้เป็นล้านบาท แต่ท้ายที่สุดคนไข้ก็ตาย ไม่ได้ดีขึ้น แพทยสภาจึงต้องมาดูตรงนี้ เพราะถูกโจมตีเยอะจากต่างประเทศ คือ สมัยก่อนประเทศไหนทำไม่ได้ เขาบอกว่าต้องมาทำที่ประเทศไทย มากล่าวหาว่าประเทศไทยไม่มีการควบคุม มีการไปพูดในเวทีการประชุมนานาชาติ พอมีระเบียบออกมาควบคุมก็ไม่มีใครมาโจมตีเรา" ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าว

ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าวถึงการลักลอบให้บริการสเต็มเซลล์ว่า คิดว่าในบ้านเรายังมีอยู่ เป็นการทำในเรื่องเสริมความงามก็อาจเป็น การหลอกคนไข้ คือ อาจได้ผลชั่วคราวเท่านั้น เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการดำเนินการกับแพทย์ที่ลักลอบให้บริการกี่ราย ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาร้องเรียน หรือแจ้งจับเรื่องนี้ เข้าใจว่าเป็นเรื่องสมยอมกันความจริงแพทยสภาก็เฝ้าดูอยู่ แต่กรณีผิวหนังอันตรายไม่มาก คนไข้ก็โดนหลอก ไม่เหมือนกับการฉีดเข้าร่างกาย เช่น ฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปที่ไตแล้วเป็นมะเร็งจนต้องยกเลิก

ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าวด้วยว่า การเก็บ สเต็มเซลล์จากสายสะดือเราก็ห้ามไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากเตือนไปยังประชาชน คือ เรื่องการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ทั้งหมดยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างที่ทำล้วนผิดกฎหมาย ดังนั้นต้องระวัง เพราะเป็นการแอบทำ บางอย่างอาจกลายเป็นมะเร็ง ได้ผลชั่วคราว หรือไม่ได้ผลเลย.