คมชัดลึก :"น้องๆ หลายคนเลือกเรียนหมอเพราะสังคมเห็นว่าดี แต่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือเปล่า ค่ายอยากเป็นหมอนี้จัดขึ้นเพื่อให้น้องๆม.ปลายได้รู้ถึงการเรียนและการใช้ ชีวิตของหมอ ทำให้รู้ว่าตัวเองชอบเรียนหมอหรือเปล่า ถ้าเรียนไปแล้วไม่ชอบ ออกกลางคันจะเสียทรัพยากร"
" พี่ตูน" -ศุภกัญญา ตันศรีรัตนวงศ์ นิสิตชั้นปีที่ 5 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน ฐานะอุปนายกคนที่ 1 สโมสรนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และประธานโครงการ "ค่ายอยากเป็นหมอ" ครั้งที่ 20 บอกถึงเป้าหมายของค่ายนี้ ซึ่งสโมสรนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-18 ตุลาคมที่ผ่านมาที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯโดยมีนักเรียนม.ปลายจากทั่วประเทศเข้าร่วม 121 คน
"ค่ายอยากเป็นหมอ" ย่อหลักสูตร 6 ปี ไว้ในกิจกรรม 5 วันแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักโดยส่วนแรกให้ความรู้พื้นฐานทางการแพทย์เช่น ชมการผ่าตัดอาจารย์ใหญ่ ห้องผ่าศพ การให้ความรู้และฝึกใช้เครื่องมือทางการแพทย์โดยให้น้องๆแบ่งกลุ่มละ 12-13 คนซึ่งทุกคนได้ใช้ฝึกเครื่องมือทางการแพทย์ ส่วนที่สองแนะแนวการรับตรงแพทย์ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) และหลักสูตรแพทยศาสตร์ จุฬาฯโดยมีพี่ๆนิสิตคณะแพทย์ จุฬาฯชั้นปีที่ 4-6 มาพูดคุยกับน้องๆและตอบคำถามในเรื่องที่สงสัย และส่วนที่ 3 การเข้าสู่คลีนิกสอนการซักประวัติคนไข้ การตรวจร่างกาย จำลองสถานการณ์ดูแลคนไข้เบื้องต้น พาน้องไปอยู่เวรดูแลคนไข้ช่วงกลางคืน รวมทั้งการทำคลอดและการดูแลเด็กโดยพี่ๆนิสิตแพทย์ จุฬาฯ ชั้นปีที่ 4-5
ขณะที่คำถามยอดฮิตของน้องๆเกี่ยวกับการเรียนแพทย์ ส่วนใหญ่ถามว่าเรียนหนักแล้วเครียดมั้ย หมอมีแฟนได้หรือเปล่า.... "พี่ตูน" ให้คำตอบว่า การเรียนหนักเป็นเรื่องปกติ เวลาเครียดก็ต้องมีวิธีผ่อนคลายเช่น เล่นดนตรี ฟังเพลง อ่านหนังสือ ฯลฯ รวมทั้งการทำกิจกรรมต่างๆซึ่งทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆและได้เพื่อนเพิ่ม ขึ้น ที่สำคัญถ้า "เรียนด้วยความชอบ" แล้วแม้เรียนหนักแค่ไหนก็มีความสุขเพราะเราชอบ ส่วนเรื่องแฟนนั้นหมอมีแฟนได้ถ้าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ต้องดูแลกันให้ ดี แต่หากเป็นคนอาชีพอื่น ก็ต้องเข้าใจในอาชีพหมอซึ่งต้องตื่นกลางดึกมาเข้าเวรดูแลคนไข้
"ค่ายนี้ได้ผลน่าพอใจ น้องๆที่ตั้งใจจะเรียนหมอมีแนวทางชัดเจน เมื่อแน่ใจว่าอยากเป็นหมอ ก็คิดว่าจะตั้งใจเรียนและเตรียมตัวสอบให้เต็มที่ แต่น้องที่รู้ตัวแล้วว่าไม่ชอบ ก็ไม่คิดจะเรียน น้องหลายคนบอกว่าอยากเรียนหมอเพราะได้ช่วยคนเจ็บป่วย ก็บอกน้องไปว่าขอให้จำความตั้งใจนี้ไว้ เพื่อเป็นกำลังใจเพราะเวลาทำงานจริงๆเหนื่อยมากซึ่งจุดที่ยากและสำคัญที่สุด ในการเรียนหมอคือ การตัดสินใจเรียน จะต้องเด็ดขาด ไม่ลังเล จะมีโอกาสสอบได้และเรียนจบ ถ้าเรียนไปโดยใจลังเล เช่น เรียนตามใจพ่อแม่ ไม่ได้ชอบเอง ก็จะออกกลางคันได้"
"พี่ตูน" ฝากเคล็ดลับการเตรียมตัวสอบและเรียนแพทย์ว่า ขอให้ตั้งใจเรียนให้ได้เกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไปและอ่านหนังสือให้ถูกจุดโดยดูว่าตัวเองมีจุดแข็งและจุดอ่อนตรงไหน ถ้าเรียนเก่งในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ถือว่าเป็นจุดแข็งที่ดี ก็เสริมในวิชาที่เป็นจุดอ่อนเช่น ภาษาไทย สังคม รวมทั้งวิชาความถนัดทางแพทย์ซึ่งควรหาข้อสอบเก่าๆมาฝึกทำเพราะคะแนนส่วนนี้ มีผลมากต่อการสอบติดแพทย์ และเตรียมใจกับการเรียนหนักและเครียดด้วย
น้องอร -รัตญาดา ชัยมงคล ชั้นม.4 โรงเรียนปรินส์รอแยลส์ เชียงใหม่ เล่าว่า พ่อเป็นวิศวกร อยากให้เรียนหมอ เมื่อมาเข้าค่ายนี้แล้ว ทำให้ได้เพื่อนเพิ่มขึ้นและแม้รู้ว่าหมอต้องเรียนและทำงานหนัก แต่ยังอยากเรียนหมอเพราะชอบขึ้นมาจริงๆ ประทับใจพี่นิสิตหมอเล่าว่า ในต่างจังหวัดคุณยายต้องติดรถขายผักมาหาหมอ ยายบางคนมีเงินแค่ 20 บาทก็ให้หมอ ทำให้รู้ว่าอาชีพหมอมีเกียรติและได้ช่วยเหลือคนอื่น
น้องปุ่น-ปริรัตน ภพลือชัย ชั้นม.5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. บอกว่า ครอบครัวมีอาชีพค้าขาย แต่อยากเรียนหมอเพราะตอนเด็กๆป่วยบ่อย เมื่อไปหาหมอแล้วรู้สึกว่าอาชีพนี้มีเกียรติ น่าภูมิใจที่ได้เป็นที่พึ่งและช่วยเหลือคนอื่น แต่ดูทั่วไปหมอทำงานสบาย เงินเดือนสูง จึงมาเข้าค่ายอยากเป็นหมอเพราะอยากรู้ถึงชีวิตหมอ
" เมื่อมาเข้าค่ายทำให้รู้ว่าคนเป็นหมอเรียนและทำงานหนัก เงินเดือนไม่ได้สูงอย่างที่คิด แต่ไม่ได้เปลี่ยนใจ อยากเรียนหมอยิ่งขึ้น คิดว่าต้องเรียนด้วยความชอบ รักในอาชีพนี้จริงๆก็จะเรียนและทำงานอย่างมีความสุข ค่ายนี้ทำให้สังคมไทยได้หมอที่มีคุณภาพมากขึ้นเพราะเด็กรู้ตัวว่าอาชีพหมอ ใช่ในสิ่งที่ชอบหรือเปล่า" น้องปุ่นบอกทิ้งท้าย
"ค่ายอยากเป็นหมอ" สโมสรนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯรับสมัครช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.ทุกปี สอบถามโทร. 02-256-4580 ,www.docchula.com/forum
คม ชัด ลึก
14 พฤศจิกายน 2553
