ผู้เขียน หัวข้อ: สพฉ.สรุปสถิติการให้บริการตามสิทธิ UCEP ตลอดเดือนเมษายน พบผู้ป่วยข้อใช้สิทธิมาก  (อ่าน 642 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
สพฉ.สรุปสถิติการให้บริการตามสิทธิ UCEPตลอดเดือนเมษายน พบผู้ป่วยข้อใช้สิทธิมากกว่า 3พันคน เป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ 1,216 คน พร้อมเปิด 5 จังหวัดที่มีการขอใช้บริการมากที่สุด พบกรุงเทพครองแชมป์ รองลงมาเป็นสมุทรปราการและชลบุรี ด้านเลขาธิการ สพฉ.ย้ำประชาชนจดจำสายด่วน 1669เพื่อช่วยในการนำส่งผู้ป่วยเข้ารับรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ได้อย่างทันท่วงที


เรืออากาศเอก นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้สรุปผลการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศคส.สพฉ.) หรือ UCEP Coordination Center ตั้งแต่วันที่1-30 เมษายน พบสถิติผู้ขอใช้สิทธิทั้งสิ้น 3,024ราย โดยเป็นผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ 1,216 คน คิดเป็นร้อยละ 40.21และไม่เข้าเกณฑ์ 1,808 คน คิดเป็นร้อยละ 59.79  ซึ่งเมื่อนำมาจำแนกตามสิทธิการรักษาพยาบาลพบว่าเป็นผู้ป่วยที่ใช้สิทธิการรักษาจากหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า1,796 คน สิทธิสวัสดิการพยาบาลข้าราชการ 485 คน สิทธิประกันสังคม 655 คน และสิทธิกองทุนอื่นๆ อีก 88 คน นอกจากนี้แล้ว 5 อันดับจังหวัดที่มีการขอใช้บริการมากที่สุดมีดังนี้  1.กรุงเทพมหานคร 2,023 คน2. สมุทรปราการ 113 คน 3. ชลบุรี 77 คน4. พิษณุโลก 122 คน5. นนทบุรี 65 คน

เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)  กล่าวว่า ทั้งนี้จากสถิติเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าประชาชนจำนวนมากที่ไปขอใช้สิทธิUCEP นั้นกว่าครึ่งหนึ่งไม่ได้เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตจึงอยากให้ประชาชนทุกคนจดจำอาการฉุกเฉินวิกฤตที่สามารถใช้สิทธิได้ให้ขึ้นใจว่า โดยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่จะขอใช้บริการฉุกเฉินตามตามสิทธิ UCEP นั้นจะต้องเป็นผู้ป่วยที่ประกอบไปด้วย6 อาการต่างๆ ดังนี้  หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง  ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม  เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่อง ไม่หยุด หรือมีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งหากเราพบเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต  ตาม 6อาการดังกล่าวนี้ให้รีบโทรขอความช่วยเหลือที่สายด่วน 1669เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตไปส่งยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อทำการรักษาให้ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งการนำผู้ป่วยไปส่งเพื่อทำการรักษานั้นไม่จำเป็นจะต้องเจาะจงไปที่โรงพยาบาลเอกชน แต่จะต้องเป็นโรงพยาบาล ที่อยู่ใกล้ที่สุดไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐ หรือเอกชนก็ได้ เพราะการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตนั้นหากช้าไปแม้แต่วินาทีเดียว หมายถึงการรอดชีวิตของผู้ป่วยหรือความพิการหรือเสียชีวิตได้

 05/05/2560
http://www.thaiemsinfo.com/autopagev4/show_page.php?topic_id=846&auto_id=8&TopicPk