My Community
หมวดหมู่ทั่วไป => ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: story ที่ 17 สิงหาคม 2011, 22:36:45
-
น.พ.พิสิษฐ์ พิริยาพรรณ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยว่า ปัจจุบันบุคลากรทางด้านการแพทย์และพยาบาลของประเทศไทยไม่เพียงพอกับจำนวนประชากรของประเทศ และยังมีการกระจุกตัวที่จะอยู่ในเมืองมากกว่าพื้นที่ในชนบท ซึ่งการที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งมีผลต่อ 7 อาชีพที่อยู่ในข้อตกลงการเปิดเสรีด้านแรงงานซึ่งประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม นักบัญชี นักสำรวจ ซึ่งในมุมมองด้านวิชาชีพแพทย์ พยาบาล และทันตแพทย์นั้น หากประเมินเรื่องของการเคลื่อนย้ายไปทำงานในประเทศสมาชิกที่มีรายได้สูงและสวัสดิการที่ดีกว่านั้นคงมีการประเมินได้ยาก เนื่องจากว่าเป็นอาชีพที่ต้องมีใบอนุญาต ใบประกอบโรคศิลป์ ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ อาทิ แพทยสภา ทันตแพทยสภา สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ซึ่งประเทศในกลุ่มสมาชิกก็มีข้อจำกัดในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากจะไปประเทศใดก็ต้องมีการสอบใบอนุญาตของประเทศนั้น ยกเว้นประเทศที่ขาดแคลนบุคลากรจริงๆ อาจมีข้อยกเว้นให้กับแพทย์ไทย แต่ก็ต้องสู้กับอัตราค่าจ้างที่จะต้องสูงกว่าประเทศไทยมาก
ส่วนความกังวลว่าจะมีแพทย์จากประเทศสมาชิกเข้ามาแย่งงานของแพทย์ไทยนั้น มองว่า ประเทศไทยยังรองรับบุคลากรด้านการแพทย์ได้อีกมาก จากสัดส่วนของแพทย์ต่อจำนวนประชากรอยู่ที่ 1:40,000 คนในขณะที่สัดส่วนที่เหมาะสมอยู่ที่ 1:15,000 คน รวมทั้งขีดความสามารถของแพทย์ไทยไม่ได้ด้อยกว่าชาติใด มีศักยภาพสูง สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ด้วยการรักษาที่ได้มาตรฐาน และ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ดังนั้นการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไม่น่ามีผลกระทบมากนัก ทั้งนี้ในส่วนของการผลิตบุคลากรทางด้านการแพทย์ ทางมหาวิทยาลัยบูรพาเข้าใจถึงความต้องการและความจำเป็น เพราะแพทย์ พยาบาลเป็นบุคลากรที่สำคัญของประเทศ จึงมีแนวคิดในการขยายงานศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ขนาด 400 เตียง จากปัจจุบันศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพที่มีอยู่ 160 เตียง เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลสำหรับรักษาและฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาแพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข และสามารถเปิดรับนักศึกษาแพทย์ได้เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 48 คนเท่านั้น ก็สามารถเพิ่มเป็น 80 คน
แนวหน้า 17 สิงหาคม 2554