ผู้เขียน หัวข้อ: ยา'Tramadol' ระบาดกลุ่มโจ๋ภูเก็ต ฮิตกินผสมน้ำอัดลม  (อ่าน 929 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9763
    • ดูรายละเอียด
ภูเก็ตพบยาเสพติดสายพันธุ์ใหม่ระบาด ในกลุ่มวัยรุ่น ชื่อ 'Tramadol' มีฤทธิ์ทำให้เคลิ้มและมีความสุข ผลร้ายกดประสาทส่วนกลาง-หายใจไม่ออกเสียชีวิต...

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 56 นายวิรัช พาที ผอ.กกท.จ.ภูเก็ต ได้โพสต์ภาพพสาสติกที่เป็นสิ่งห่อหุ้มตัวยาชนิดหนึ่งที่ มีชื่อว่า Tramadol ลงในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า นี้คือยาเสพติดอีกชนิดหนึ่งที่กำลังระบาดใน จ.ภูเก็ต โดยเปลือกยาทั้งหมดเก็บได้ที่ด้านหลังโรงยิมเนเซียม 1 ศูนย์กีฬาสะพานหิน ถ.ภูเก็ต อ.เมือง โดยยาดังกล่าวใช้ผสมกับน้ำอัดลม เปลือกเปล่าที่พบคือ หลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีการกินกันทุกคืน นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เก็บมาให้ดู อยากให้สื่อและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและปราบปรามการจำหน่ายยา ต้องห้ามชนิดดังกล่าว ก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นในบ้านเมืองเรา

จากการสอบถามไปยังกลุ่มเภสัชกร รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อขอทราบคุณสมบัติเกี่ยวกับตัวยาชนิดดังกล่าว ทราบว่าเป็นยาแก้ปวดกลุ่ม weak opioid agonist มีข้อบ่งใช้ในการระงับอาการปวด ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ทั้งการจับกับ mu-opiatereceptor ในระบบประสาท ส่วนกลางและยับยั้ง serotonin และ norepinephrine reuptake ซึ่งช่วยปรับสมดุลการตอบสนองต่อความเจ็บปวดและช่วยยับยั้งการส่งกระแสประสาท ความเจ็บปวดในไขสันหลัง ยาออกฤทธิ์ระงับปวดภายใน 1 ชั่วโมง ระยะเวลาออกฤทธิ์นาน 9 ชั่วโมง ขนาดยาที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่ คือ 50-100 มิลลิกรัม รับประทานทุก 4-6 ชั่วโมงโดยกำหนดขนาดยาสูงสุด คือ 400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่การที่ยาใดๆ ก็ตามที่สามารถจับ mu-opiate receptor นอกจากหวังผลออกฤทธิ์ระงับปวด แล้วยังมีผลทางด้านเภสัชวิทยาอื่นๆ ได้แก่ ฤทธิ์สงบประสาท กดการหายใจ ทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุขและก่อให้เกิดการเสพติดทางกาย ทำให้ยาในกลุ่ม opioid agonist ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษที่ต้องมีการควบคุมการจำหน่าย

โดยในปี 2010 องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้มีการเพิ่มข้อความเตือนการใช้ tramadol ในเอกสารกำกับยา เนื่องจากยาเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในผู้ป่วยที่มีแนวโน้มเสพติดยา ผู้ป่วยที่รับประทานยาระงับประสาทหรือยาต้านซึมเศร้าและเตือนความเสี่ยงต่อ การใช้ tramadol เกินขนาด สำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติความผิดปกติทางอารมณ์มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย มีประวัติเสพติดยาระงับจิตประสาท ติดแอลกอฮอล์ เสพติดยากลุ่ม opioid หรือสารเสพติดอื่นๆ ที่มีผลกดประสาทส่วนกลางจะมีโอกาสเสียชีวิตจากการใช้ยา tramadol โดยการใช้ tramadol เกินขนาดมีผลกดระบบประสาทส่วนกลางและกดการหายใจได้

ไทยรัฐออนไลน์ 24 เมย 2556