ผู้เขียน หัวข้อ: ฮีโร่สี่ขากลางสมรภูมิ-สารคดี(เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก)  (อ่าน 935 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด
เหล่าสุนัขสงครามและผู้บังคับสุนัขตบเท้าเดินนำกองทัพสหรัฐฯ เข้าสู่แนวหน้า

จ่าโท โคเซ อาร์เมนตา นอนอยู่ในเต็นท์คืนก่อนที่เขาจะโดนระเบิดในอัฟกานิสถาน เขาคุยเรื่องตลก  โปกฮากับมัลรูนีย์และแบร์รี เพื่อนทหาร เขาอาบน้ำและให้อาหารเจ้าซีนิต สุนัขพันธุ์เยอรมันเชปเพิร์ด ก่อนจะพามันออกไปสู่แสงสลัวยามเย็นของทะเลทรายด้านนอกเพื่อฝึกซ้อม

         นี่คือช่วงเวลาแสนสุขที่สุดของทั้งคู่ โคเซออกคำสั่งให้เจ้าซีนิตนั่ง และมันก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย จากนั้นเขาก็วิ่งไป 50 เมตรเพื่อนำของเล่นยางไปซ่อนไว้ริมกำแพงดินและเอาดินกลบ พอสิ้นเสียงคำสั่ง ซีนิตก็กระโจนออกไปและวิ่งสลับฟันปลาเพื่อหาของเล่นพลางกระดิกหางไปมา เสียงออกคำสั่งได้รับการตอบสนองโดยสุนัขผู้ทำตามอย่างเคร่งครัด โดยมีเป้าหมายเดียวกันในใจ นั่นคือการหาของเล่น วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาออกลาดตระเวน เป้าหมายจะไม่ใช่การหาของเล่น แต่เป็นระเบิดแสวงเครื่องหรือไออีดี (improvised explosive device: IED) อาวุธทรงประสิทธิภาพร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งที่กลุ่มตอลิบานนำมาใช้เล่นงานทหารสหรัฐฯ และใช่ว่าสุนัขจะหาระเบิดพบทุกครั้งไป

         ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา โคเซประจำการอยู่ที่ฐานลาดตระเวนอัลคาแทรซตรงชายขอบเมืองซาญินในจังหวัดเฮลมันด์ของอัฟกานิสถาน โดยไม่พบ “ระเบิด” เลยสักลูก แม้จะเป็นคนมองโลกในแง่ดีและมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกว้างเสมอ แต่การหาระเบิดไม่พบก็เริ่มกัดกร่อนกำลังใจของโคเซไม่แพ้อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ซึ่งให้ความรู้สึกร้อนขึ้นไปอีกยามแบกอุปกรณ์หนัก 35 กิโลกรัมไปด้วย

            ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2011 ภารกิจในซาญินคือการป้องกันเขื่อนคาจาคีสูง 97.5 เมตรไม่ให้กลุ่มตอลิบานลอบวางระเบิดจนน้ำท่วมหุบเขาริมแม่น้ำเฮลมันด์ได้  นาวิกโยธินสังกัดกองพันลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกหรือกองพันรีคอนที่สาม (Third Recon) จะแบ่งเป็นชุดย่อยๆ ชุดละ 12 นายผลัดกันออกก่อกวนศัตรูด้วยการทำแผนที่และแกะรอยการเคลื่อนไหวของนักรบตอลิบาน  โดยขอให้โคเซกับซีนิตไปด้วยเกือบทุกครั้ง ในการออกปฏิบัติภารกิจแต่ละครั้ง ทั้งคู่จะเดินนำหน้าไปกับทหารที่ถือเครื่องตรวจจับโลหะ ขณะซีนิตสำรวจพื้นที่และสูดหากลิ่นไนเตรตที่อาจบ่งชี้ว่ามีระเบิดแสวงเครื่องฝังอยู่

         ในสถานที่ที่อันตรายแทบจะหายใจรดต้นคอแห่งนี้ ซาญินเกลื่อนกลาดไปด้วยระเบิดแสวงเครื่องและนักรบฝ่ายศัตรูที่ซ่อนตัวหลังกำแพงดินหนา นี่คือเมืองที่กองทัพอังกฤษสูญเสียกำลังพลกว่าร้อยนายก่อนจะถอนทหารออกไปเมื่อปี 2010 นับแต่นั้นเป็นต้นมา ซาญินกลายเป็นหลุมศพของทหารสหรัฐฯจำนวนมาก และเป็นสมรภูมิที่ทหารอเมริกันหลายนายได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพ

             เช้าวันรุ่งขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคม กองพันรีคอนที่สามรู้ว่ากลุ่มตอลิบานออกเคลื่อนไหว ฐานอัลคาแทรซ ตั้งอยู่บนเนินในทุ่งข้าวโพดไม่ไกลจาก วาดี หรือก้นแม่น้ำที่แห้งเหือด และหน่วยข่าวกรองก็เชื่อว่ามีระเบิดแสวงเครื่องฝังอยู่ทั่วไปหมด “เรารู้ว่าต้องมีใครสักคนโดนระเบิดในภารกิจนั้น” จ่าเอก ไรอัน มัลรูนีย์ บอกในเวลาต่อมา “ทุกวันต้องมีอะไรสักอย่างโดนระเบิด เรารู้ว่าการเข้าไปที่นั่นเป็นเรื่องเสี่ยงครับ”

         นี่จึงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ถูกส่งมาประจำการในอัฟกานิสถานที่โคเซสวม “กางเกงชั้นในกันระเบิด” ทำจากวัสดุเคฟลาร์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับอวัยวะสืบพันธุ์ และสวมหมวกนิรภัยติดกล้องบันทึกภาพเพื่อหวังจะเก็บภาพการพบระเบิดลูกแรกของตัวเอง จากนั้นเขาก็แทงเข็มน้ำเกลือให้เจ้าซีนิตเพื่อป้องกันอาการขาดน้ำเพราะความร้อน

         ชุดลาดตระเวนออกเดินทางในเวลา 10.00 น. โดยเดินเรียงแถวห่างกันเป็นระยะ โคเซคิดว่าอุณหภูมิในตอนนั้นน่าจะสูงถึง 49 องศาเซลเซียล พวกเขาลงเนินช้าๆ และเมื่อไปถึงทางหลวงสาย 611 โคเซก็รู้สึกถึงอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่านขึ้นมา ปากเขาแห้งผากขณะออกคำสั่งให้ซีนิตทำงานทุกขั้นตอน ทีมเดินลัดเลาะไปตามไร่ข้าวโพดเพื่อเลี่ยงถนน จนกระทั่งไปถึงก้นแม่น้ำแห้งๆที่ทอดขนานไปกับทางหลวง แม่น้ำลึก 2.5 เมตร กว้าง 3 เมตร และไม่มีน้ำสักหยด

         โคเซออกคำสั่งให้ซีนิตสำรวจจากฝั่งหนึ่งของวาดีไปยังอีกฝั่งหนึ่ง มัลรูนีย์ซึ่งถือเครื่องตรวจจับโลหะตะโกนขึ้นว่า “ผมคิดว่าผมเจอลูกนึงตรงนี้” โคเซขยับเข้าไปใกล้  มองไปที่มูนดินหลวมโพรกที่มีสายไฟโผล่ขึ้นมา เขายิ้มให้มัลรูนีย์และบอกว่า “ใช่” หัวหน้าชุดได้รับแจ้งข่าว โคเซเดินต่อ มองเห็นระเบิดอีกลูก และตะโกนแจ้ง เมื่อสังเกตเห็นรูปแบบการฝังระเบิดแล้ว เขาก็ออกคำสั่งให้ซีนิตไปยังอีกฟากของวาดี ซีนิตหยุดนิ่ง กระดิกหางไม่หยุด จมูกดมฟุดฟิด พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปบ่งบอกว่าพบจุดที่มีระเบิด หลังจากออกปฏิบัติภารกิจมาได้เกือบหนึ่งร้อยวัน นี่คือระเบิดลูกแรกที่ทั้งคู่พบร่วมกันในฐานะคู่หู

         ซีนิตเป็นสุนัขจอมค้นหาและคู่หูที่ยอดเยี่ยม ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2010 ทั้งคู่ได้รับเลือกให้ออกปฏิบัติการ และส่งตัวไปยังสถานทดสอบอาวุธที่เมืองยูมาในรัฐแอริโซนา เพื่อเข้ารับการฝึกสามสัปดาห์สุดท้ายในการทบทวนทุกสิ่งที่ผู้บังคับสุนัขและสุนัขทหารจำเป็นต้องรู้ในสนามรบ และทดสอบความพร้อมเป็นครั้งสุดท้ายในหมู่บ้านอัฟกานิสถานจำลอง ผู้บังคับสุนัขและสุนัขต้องค้นหาระเบิดแสวงเครื่องรูปแบบต่างๆที่มีความสลับซับซ้อน บ้างเป็นแบบมีกลิ่นให้สุนัขค้นหา บ้างไม่มีกลิ่น แต่วางทิ้งไว้ให้ผู้บังคับสุนัขมองเห็น หากผู้บังคับสุนัขและสุนัขหาระเบิดเจอเกินร้อยละ 80 พวกเขาจะได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายเพื่อ “เข้าสู่สมรภูมิ”

            หลังผ่านการฝึกที่ยูมา ทั้งคู่ก็ขึ้นเครื่องบินลำเลียง ค้างแรมที่เยอรมนีหนึ่งคืน ก่อนบินต่อไปยังค่ายเลเทอร์เน็ก ซึ่งเป็นฐานทัพหลักของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน จากที่นั่น โคเซกับซีนิตถูกส่งไปยังอัลคาแทรซ  วันก่อนทั้งคู่ยังอยู่ในหมู่บ้านอัฟกานิสถานจำลองกลางทะเลทรายของแอริโซนา  มาวันนี้กลับได้อยู่กันตามลำพังที่หมู่บ้านจริงๆในจังหวัดเฮลมันด์ของอัฟกานิสถาน

เรื่องโดย ไมเคิล พาเทอร์นิตี
มิถุนายน 2557