"สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" คือคำขวัญวันเด็กในปีนี้ ที่สะท้อนให้เห็นว่า การส่งเสริมให้เด็กมีความรู้คู่ไปกับการสร้างปัญญาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคม
เพราะนั่นจะทำให้เด็กๆ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทั้งยังพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับโลกแห่งความจริง
ทว่า การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะทางปัญญาเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เด็กไทยบกพร่องในมิติของคุณธรรม ดังนั้นการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้เด็กๆ บ้าง จึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการให้อาหารสมองเลย
ด้วยการทำงานกับเด็กและเยาวชนมาเนิ่นนาน 25 ปี โดยมีแนวคิดสำคัญที่มุ่งให้เกิดการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการเป็นผู้ให้ด้วยหัวใจโพธิสัตว์ กิจกรรมวันเด็กที่ผ่านมา เสถียรธรรมสถาน จึงจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กเกิดปัญญา ผ่านกระบวนการเรียนรู้ "เศรษฐกิจพอเพียง สุข 3 ขั้น" นั่นก็คือ
สุขง่ายใช้น้อย คือความสุขที่นำเด็กกลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติและลมหายใจแห่งสติ มีความสุขกับทุกเรื่องราวเล็กๆ ในชีวิต กลับมาอยู่กับลมหายใจของตัวเอง และอยู่กับทุกความรักของพ่อแม่ที่มอบให้ลูกด้วยทุกอนูแห่งความรักจากหัวใจ
สุขเมื่อสร้าง เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ว่า ทุกอย่างในโลกนั้นจะเกิดความสำเร็จได้ ย่อมมาจากการลงมือทำ ไม่ใช่เพียงการใช้เงินซื้อ
สุขเมื่อให้ เมื่อทุกหัวใจมีตนเองเป็นที่พึ่ง พลังแห่งการพึ่งพาตนเองได้นั้นเองที่จะทำให้ทุกคนสามารถส่งพลังแห่งการให้อย่างมีหัวใจโพธิสัตว์ หรือการให้อย่างมีปัญญาถึงทุกคนในสังคมได้ โดยการนำสิ่งที่ตนเองทำมาร่วมแบ่งปันใน "สหกรณ์ออมบุญ" เพื่อส่งต่อถึงสิ่งที่ทำได้และได้ทำไปยังผู้ด้อยโอกาสในสังคม นั่นถือเป็นการเรียนรู้ที่ทำให้เด็กเห็นความสุขเมื่อได้ "ให้" อย่างเป็นรูปธรรม
"พ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกเพื่อโลก มิใช่เพื่อเรา อยากให้โลกเป็นอย่างไรก็เลี้ยงลูกให้เป็นอย่างนั้น การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับแผ่นดินคือการลงทุนให้เด็ก ดังนั้นเราต้องสอนให้เด็กเผชิญหน้ากับภัยพิบัติได้ และการที่เด็กจะรอดจากภัยพิบัติได้ต้องเริ่มจากการสอนให้เด็กเป็นผู้ให้ เด็กต้องรู้จักเผชิญหน้ากับความจริงและพึ่งพาตนเองได้ เด็กที่เป็นหัวใจเด็ก...หัวใจโพธิสัตว์ จึงต้องเป็นเด็กที่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง" แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กล่าว
ด้วยความตั้งใจที่อยากให้การจัดงานวันเด็กเป็นการสร้างโอกาสแห่งการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการสร้างปัญญา ผลที่ได้รับในวันนั้นจึงมีคุณค่ามหาศาล ทั้งกับเด็กๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรม และกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต่างนำพาหัวใจโพธิสัตว์กลับบ้านไปอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาเพียง 1 วัน ไม่อาจทำให้สังคมไทยมีเด็กและเยาวชนที่เต็มอิ่มไปด้วยปัญญา ดังนั้นจึงต้องมีการสร้างอริยชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่เสถียรธรรมสถานจัดขึ้นทุกๆ ปี เพื่อพยายามปลูกคุณธรรมให้กับเด็กหญิงผู้มีหัวใจที่อ่อนโยน นั่นก็คือ "โครงการบวชพุทธสาวิกาน้อย" หรือบวชแม่ชีน้อย ศีล 10 โดยปีนี้จะจัดกิจกรรมในวันที่ 12 เมษายน
ทั้งหมดนี้เป็นบทสรุปที่ทำให้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมว่า สังคมจะมีความสุขได้เมื่อคนในสังคมพึ่งพาตนเองได้ และมีปัญญาเป็นเครื่องกำกับความรู้ ดังนั้นผู้ใหญ่ในสังคมจึงควรให้โอกาสแก่เด็กในทุกวัน ไม่เพียงเฉพาะวันเด็กแห่งชาติเท่านั้น เพราะเด็กเป็นไม้ผลัดรุ่นต่อไปในสังคม อนาคตของชาติจึงขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทุกคนในสังคมทำให้กับเด็กในเวลาที่เป็นปัจจุบันขณะ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 18 มกราคม 2555
