ผู้เขียน หัวข้อ: เครือข่ายกุมารแพทย์จ่อยื่น สนช.ท้วง กม.คุมนมผง ปิดกั้นความรู้พ่อแม่ “  (อ่าน 535 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9785
    • ดูรายละเอียด
เครือข่ายกุมารแพทย์จ่อยื่น สนช.ท้วง กม.คุมนมผง ปิดกั้นความรู้พ่อแม่ “หมอศิริวัฒน์” โต้ดีกว่าได้ข้อมูลโอ้อวดเกินจริง

 เครือข่ายกุมารแพทย์ ขอพบ “ประธาน สนช.” วันที่ 23 มี.ค. ทักท้วงร่าง พ.ร.บ. คุมตลาดนมผง ยันคุมอาหารเด็กเล็ก 1 - 3 ปี ไม่เกิดประโยชน์ ทำพ่อแม่ขาดช่องทางเข้าถึงข้อมูลโภชนาการ ด้านอดีตประธานศูนย์นมแม่ฯ ถามกลับต้องการให้พ่อแม่เข้าถึงข้อมูลโอ้อวดเกินจริงหรือไม่
       
       ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานที่ปรึกษากิติมศักดิ์ คณะกรรมาธิการสาธารณสุข (กมธ.สธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ในฐานะเครือข่ายกุมารแพทย์ ได้ทำหนังสือถึงประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อขออนุญาตเข้าพบในวันที่ 23 มี.ค. 2560 ในเวลา 09.30 น. เพื่อยื่นจดหมายทักท้วง แสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะในรายละเอียดต่อร่าง พ.ร.บ. ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ. ... เพื่อให้ สนช. ใช้ประกอบการพิจารณาในวาระที่สอง โดยยืนยันว่า การควบคุมการตลาดอาหารเด็กเล็กอายุ 1 - 3 ปี ไม่เกิดผลในการเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ยังทำให้พ่อแม่ขาดช่องทางที่จะเข้าถึงข้อมูลอาหารเด็กเล็กที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองในวัยที่สำคัญที่สุด แต่สามารถได้รับข้อมูลของอาหารอื่นๆ ที่ไม่ถูกควบคุมการตลาด ซึ่งอาจเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้อยกว่าอาหารที่ถูกควบคุม จึงอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อเด็กและคุณภาพของประชากรไทยในอนาคต
       
       ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับหลักการของกฎหมายดังกล่าว แต่ควรคุมเฉพาะอาหารทารกอายุ 1 ปีเท่านั้น เพราะอาหารสำหรับเด็กเล็กอายุ 1 - 3 ปี มองว่า ไม่เกิดประโยชน์ในการเพิ่มอัตราการกินนมแม่ นอกจากนี้ ในประเทศพัฒนาแล้วทั้งโซนยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เป็นต้น ก็ไม่มีการออกกฎหมายควบคุมลักษณะเช่นนี้ เพราะประชาชนมีความรู้ แต่การที่ประเทศไทยจะออกกฎหมายเช่นนี้จะเป็นการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลของพ่อแม่ รวมไปถึงยังมีการห้ามบริษัทจัดประชุมอบรมวิชาการแก่แพทย์ด้วย ซึ่งเรื่องของความรู้หากไม่มีการมาอัปเดตก็จะล้าหลังจนตามไม่ทัน แต่การออกมาห้ามเช่นนี้เหมือนดูถูกว่าแพทย์ไม่ฉลาดหรือไม่ เพราะกลัวว่าแพทย์จะต้องเชื่อข้อมูลจากบริษัทไปเสียหมด ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ เพราะแพทย์เองก็ต้องมีการไปค้นคว้าเพิ่มเติม ทั้งนี้ หลังจากยื่นข้อมูลแล้ว สนช. จะแก้กฎหมายหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แต่ถือว่าเครือข่ายกุมารแพทย์มาให้ข้อมูลแล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับ สนช. พิจารณาว่าควรปรับแก้กฎหมายหรือไม่ ซึ่งการออกมาเรียกร้องนี้ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าอยากให้เด็กไทยในอนาคตเจริญเติบโตสมวัยฉลาด ซึ่งหาก พ.ร.บ. ดังกล่าวสามารถทำได้ก็จะไม่คัดค้านแต่อย่างใด
       
       นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และอดีตประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าว ว่า รู้สึกซาบซึ้งอย่างที่สุดที่กลุ่มกุมารแพทย์มีความเป็นห่วงต่อภาวะโภชนาการและอนาคตของเด็กไทย ในประเด็นสำคัญ คือ
1. เกรงว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะทำให้เกิดช่องว่างที่พ่อแม่จะเข้าถึงข้อมูลอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและสมองของทารกและเด็กเล็กนั้น แต่มีคำถามว่าต่อท่านว่า “ท่านต้องการให้พ่อแม่รับข้อมูลที่โอ้อวดเกินจริง การตลาดที่ไร้จริยธรรมของธุรกิจนมผง แบบลด แลก แจก แถม ล่อลวงให้แม่ที่ไม่มีปัญหาให้นมลูกเข้าใจผิด หลงไปใช้นมผงแบบเดิมอีกใช่หรือไม่”
2. ท่านเป็นห่วงว่า พ่อแม่อาจได้ข้อมูลอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเด็กเล็ก โดยที่อาหารเหล่านั้นไม่ถูกควบคุมตามกฎหมาย จึงมีคำถามต่อท่านว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่มีข้อตกลงในการปฏิบัติระหว่าง สธ. กับสมาคมธุรกิจนมผง (Code of marketing for breastmilk substitutes) ที่ไทยรับคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลกมาปฏิบัติ แต่ไม่มีบทลงโทษนั้น ท่านและราชวิทยาลัยกุมารฯ และแพทยสภาที่สอนนักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้านมาอย่างยาวนานนั้น เคยออกมาทักท้วงการละเมิดข้อตกลง Code ของธุรกิจนมผงหรือไม่ อย่างไร ท่านมีส่วนทำให้เด็กไทยเสียโอกาสได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้ผ่านนมแม่หรือไม่ และ
3. ท่านและคณะได้ตอบคำถามรวม 7 ข้อ หลังจากที่ได้มีการแถลงข่าวคัดค้านร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ของท่านในนามแพทยสภา เมื่อ ธ.ค. 2559 หรือยัง

โดย MGR Online       22 มีนาคม 2560