ผู้เขียน หัวข้อ: 15 หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ในมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในโลก  (อ่าน 1020 ครั้ง)

science

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
    • ดูรายละเอียด
  เอาใจคนรักศิลปะกันบ้างดีกว่า กับเรื่อง Art…Art ในมหาวิทยาลัยที่ Life on campus ได้พยายามเฟ้นหาพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์สวยๆ จากรอบโลกมาให้ได้ชมกัน ส่วนใหญ่พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับทางมหาวิทยาลัยมักจะตั้งอยู่ในอาคารที่มีความสำคัญทางด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและสวยงาม ซึ่งแต่ละแห่งก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักเรียนนักศึกษา ที่ต้องการจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศิลปะ ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด รวมไปถึงประชาชนทั่วไปที่สามารถเข้าไปเสพงานศิลปะเหล่านี้ได้ บางแห่งอาจเปิดให้เข้าชมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย เอาเป็นว่าเกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว อาร์ตตัวพ่อ-ตัวแม่ ทั้งหลายถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย…
       
       1. Allen Memorial Art Museum

       พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโมเรียลอัลเลน (The Allen Memorial Art Museum) ในวิทยาลัยโอเบอร์ริน (Oberlin College)  ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ทางด้านศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สวยที่สุดโลกอีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1917 เป็นอาคารที่สวยงามและมีคุณค่าด้านศิลปะเป็นอย่างมาก ออกแบบโดยสถาปนิคชื่อดัง “Cass Gilbert” งดงามสไตล์เรอเนสซอง ภายในจัดแสดงงานศิลปะมากกว่า 13,000 ชิ้น จากทั่วทุกมุมโลก ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่มีชื่อเสียงและงานมาสเตอร์พีชของเหล่าศิลปินชื่อดังก้องโลก อาทิเช่น Toulouse-Lautrec (ตูลูซ-โลแทร็ก), Picasso (ปีกัสโซ) และ Red Grooms (เรด กรูมส์) เป็นต้น


       และที่แปลกนั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโมเรียลอัลเลนแห่งนี้ สามารถให้นักศึกษาในวิทยาลัยโอเบอร์ลิน ในโปรแกรม “Art Rental program” สามารถเช่ายืมผลงานศิลปะภายในพิพิธภัณฑ์ได้ 2 ชิ้นต่อหนึ่งภาคเรียน เพื่อเอาไปศึกษาผลงานศิลปะได้อย่างใกล้ชิด เหมือนกับการยืมหนังสือในห้องสมุดไปอ่านที่บ้านกันเลยทีเดียว โดยเปิดให้เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ รวมถึงประชาชนทั่วไปก็สามารถเข้าชมได้เช่นกัน

       2. Bowdoin College Museum of Art

       พิพิธภัณฑ์ศิลปะโบดอยน์ (Bowdoin Museum of Art) แห่งวิทยาลัยโบดอยน์ (Bowdoin College) ประเทศสหรัฐอเมริกา แห่งนี้เริ่มต้นมาจากการได้รับบริจาคผลงานศิลปะและของสะสมส่วนตัวจาก James Bowdoin III และครอบครัวของเขา ในปี ค.ศ.1811 ส่วนตัวอาคารได้เริ่มสร้างอย่างจริงจังเมื่อปี ค.ศ. 1894 ออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอย่าง “Charles Follen McKim” คนเดียวกับที่ออกแบบห้องสมุดบอสตัน (Boston Public Library) นั่นเอง

       ผลงานในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีมากกว่า 20,000 ชิ้น เป็นศิลปะเก่าแก่ตั้งแต่ยุควัฒนธรรมเมดิเตอร์เรเนียน ยุคกรีกโบราณ โรม มาจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงภาพวาด เครื่องตกแต่งบ้าน พรม เครื่องประดับ และประติมากรรม นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเปิดบริการให้ประชาชนเข้าชมฟรี ส่วนใครจะช่วยบริจาคผลงานศิลปะหรือเงินค่าบำรุงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็สามารถทำได้ สอบถามข้อมูลได้จากเวปไซด์ของพิพิธภัณฑ์ได้เลย

       3. Bildmuseet Museum

       อีกหนึ่งหอศิลป์ที่มีตัวอาคารโดดเด่นและสวยงาม ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาร์ตแกลอรี่ชั้นนำของประเทศสวีเดน นั่นก็คือ “Bildmuseet” ของมหาวิทยาลัยอูเมอา (Umea University) เป็นศูนย์กลางสำหรับศิลปะร่วมสมัยจัดแสดงนิทรรศการภาพวาดและสื่อภาพต่างๆ มากมาย อาทิเช่น ศิลปะการถ่ายภาพสถาปัตยกรรม การออกแบบ และรวมไปถึงประวัติศาสตร์ศิลปะของผลงานที่จัดแสดงอยู่ในหอศิลป์แห่งนี้ นอกจากงานแสดงแล้ว ยังมีการจัดบรรยาย สัมมนา ฉายภาพยนตร์ และฝึกอบรมนักเรียนนักศึกษาที่สนใจกิจกรรม ทำเวิร์คชอปเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจในงานศิลปะมากขึ้น

       อาคารพิพิธภัณฑ์ใหม่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก Henning Larsen เป็นตึกที่โดดเด่นและสวยงามมากจนได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย เช่น รางวัลอาคารงดงามที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอูเม ในปี ค.ศ.2012, รางวัล “Council of Europe Museum Prize” และ “Swedish award Museum of the Year” ประจำปี 2014 รวมทั้งยังถูกเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย

       4. The Ian Potter Museum of Art

       “The Ian Potter Museum” เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1972 ภายในมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น (University of Melbourne) ผลงานส่วนใหญ่เป็นของศิลปินร่วมสมัยชาวออสเตรเลีย และศิลปินพื้นเมือง มีทั้งผลงานศิลปะภาพวาด, ประติมากรรม, มัลติมีเดีย, เครื่องปั้นดินเผา และเซรามิก รวมแล้วกว่า 20,000 ชิ้น โดยมีเป้าหมายหลักในการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้นั่นคือ ใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอน และการเรียนรู้แบบเข้าถึง และให้เอื้อต่อการพัฒนาหลักสูตรในทุกคณะ และสาขาวิชา
       
       5. Weisman Art Museum

       พิพิธภัณฑ์ศิลปะไวส์แมน ของมหาวิทยาลัยมินิโซตา (University of Minnesota) ผลงานสุดทันสมัยของสถาปนิคชื่อดังชาวแคนนาดา “แฟรงก์ โอเวน เกห์รี (Frederick R. Weisman)” ที่ได้ฝากผลงานการออกแบบอาคารสวยงามชื่อดังหลายแห่ง สาเหตุที่ เกห์รี ได้รับเลือกให้เป็นสถาปนิกที่ออกแบบพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะความสามารถในการเข้าใจภารกิจและความฝันของพิพิธภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี เขาสามารถสร้างพิพิธภัณฑ์ที่เข้าถึงได้ พร้อมกับการทำงาน และดึงดูดใจในโลกของศิลปะ จนทำให้เขาได้รับรางวัล “การออกแบบสถาปัตยกรรมอันทรงเกียรติ” ในปี ค.ศ.1991 จากการออกแบบตึกพิพิธภัณฑ์ศิลปะไวส์แมน แห่งนี้อีกด้วย

       พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ออกแบบ ก่อสร้าง และเปิดให้ทำการในปี ค.ศ. 2011 ภายในเก็บรวบรวมผลงานศิลปะ และโบราณวัตถุในยุคสมัยต่างๆ มากมาย เช่น ศิลปะอเมริกันสมัยใหม่, เฟอร์นิเจอร์จากประเทศเกาหลี, เซรามิกโบราณ และเครื่องปั้นดินเผาจากวัฒนธรรมอินเดียโบราณ ที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ผลงานทั้งหมดรวมแล้วกว่า 17,000 ชิ้น จัดแสดงตามสถานที่ต่างๆ รอบมหาวิทยาลัย นอกจากจะศึกษาศิลปะ และประวัติศาสตร์โบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้ว นักศึกษายังสามารถศึกษาในสาขาวิชาการออกแบบและสถาปัตยกรรมได้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เช่นกัน

       6. Tang Teaching Museum and Art Gallery

       พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษาของวิทยาลัยสกิดมอร์ (Skidmore College) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อว่า “Tang Teaching Museum and Art Gallery” เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโชว์งานนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปะ รวมทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษาแบบสหวิทยาการให้กับนักศึกษาศิลปศาสตร์ในระดับปริญญาตรี ของวิทยาลัยแห่งนี้อีกด้วย โดยนักศึกษาและคณาจารย์จะเป็นผู้ร่วมกันดูแลและออกแบบงานนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ ทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ ออกแบบนิทรรศการชั่วคราวตลอดปี ไม่น้อยกว่า 12 นิทรรศการ


       “The Frances Young Tang Teaching Museum and Art Gallery” ของวิทยาลัยสกิดมอร์ เปิดทำการในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2000 ออกแบบโดย Antoine Predock ภายในพื้นที่กว่า 39,000 ตารางฟุต ถือเป็นอาคารอภิมหาอลังการงานสร้างที่งดงามแห่งหนึ่ง พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์แห่งนี้จะเปิดทำการวันอังคาร-วันอาทิตย์ แต่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมเล็กน้อย นั่นคือ ผู้ใหญ่ $5.00 (ประมาณ 160 บาท), เด็กอายุมากกว่า 12 ปี $3.00 (ประมาณ 96 บาท), ผู้สูงอายุ $2.00 (ประมาณ 64 บาท), เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และนักศึกษาของวิยาลัยสกิดมอร์เข้าชมฟรี
   
       7. Ashmolean Museum of Art and Archaeology

       พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1908 จากการรวมตัวของสองสถาบันอันเก่าแก่นั่นก็คือ “The University Art Collection” และ “Ashmolean Museum (ดั้งเดิม)” ออกแบบและดีไซด์ให้เข้ากันอย่างลงตัว ของที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ มีอายุตั้งแต่ปี ค.ศ.1620 ในห้องเล็กๆ ชั้นบน (มีเพียงไม่กี่ภาพ) และ ปี ค.ศ. 1657 ได้มีการเพิ่มคอลเลคชั่นเหรียญของ อาร์ชบิชอป วิลเลียม ลอด และคอลเลคชั่นต่างๆ ก็ตามมาอีกมากมาย ทั้งวัตถุโบราณ ภาพวาดประวัติศาสตร์โบราณ จนมาถึงยุคปัจจุบัน

       อาคารใหม่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของกรุงลอนดอน Rick Mather ในการรวมสองสถาบันเข้าด้วยกันจนกลายเป็น “พิพิธภัณฑ์ศิลปะและโบราณคดี” แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีพื้นที่จัดแสดงทั้งหมด 6 ชั้น แบ่งโซนต่างๆ ชัดเจน สวยงามโอ่อ่า ทันสมัยแต่ยังคงความงดงามแบบดั้งเดิม จุดเด่นอยู่ที่บันไดทางเดินที่สถาปนิกออกแบบมาได้อย่างสวยงาม เหมือนกับงานศิลปะ หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะและโบราณคดีแห่งนี้ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

       8.The Fitzwilliam Museum


       เมื่อพูดถึงมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดไปแล้ว ก็คงจะพลาดไม่ได้กับอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ อย่างมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ที่มีพิพิธภัณฑ์ที่สวยงาม ของมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่า “The Fitzwilliam Museum” เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญ เพราะได้เก็บรวบรวมผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าของประเทศอังกฤษไว้มากมาย ที่นอกจากจะมีความงดงามในด้านสถาปัตยกรรมตัวอาคารที่เก่าแก่แล้ว ของสะสมภายในยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่า เริ่มก่อตั้งมาจากการบริจาคผลงานศิลปะส่วนตัวของ Richard FitzWilliam พร้อมด้วยเงินทุนในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ โดยตั้งชื่อพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ก่อตั้งจนกลายมาเป็นชื่อพิพิธภัณฑ์ “FitzWilliam” นั่นเอง

       ของสะสมอันทรงคุณค่าในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประกอบได้ด้วย ภาพวาดต้นฉบับของศิลปินชื่อดัง Dutch Masters กว่า 144 ชิ้น, โน้ตเพลงที่เขียนด้วยลายมือของศิลปิน Handel Purcell และโน๊ตเพลงของนักแต่งเพลงชื่อดังอีกมากมาย นอกจากนั้นยังมีโบราณวัตถุ และประติมากรรมในยุค อียิปต์ กรีก และโรมัน สามารถให้นักศึกษาเข้ามาศึกษาทั้งศิลปะ โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ทั้งหมดนี้ถูกรวมไว้ที่นี่
       
       9. Yale University Art Gallery and Museum

       อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอย่างมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ก็มีหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ที่สวยที่สุดในโลกตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย โดยปรับปรุงใหม่ล่าสุดขยายตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อปี ค.ศ. 2012 นี่เอง ภายในมีผลงานที่จัดแสดงอยู่มากมาย อาทิเช่น ผลงานศิลปะแอฟริกัน, ภาพวาดและประติมากรรมอเมริกัน, เหรียญโบราณ และแบบจำลองวัฒนธรรมโบราณของชนพื้นเมืองชาวอเมริกัน นอกจากนี้ยังมีคอลเลคชั่นภาพวาดขนาดใหญ่ของอิตาลีในยุคต้นๆ และภาพวาดผลงานมาสเตอร์พีชของศิลปินในยุคฟื้นฟูวิทยาการของอิตาลีอีกด้วย

       10. The Oriental Institute

       พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ “The Oriental Institute” แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1919 โดย เจมส์ เฮนรี่ เบรสท์ (James Henry Breasted) และยังเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับปริญญาเอกในสาขาวัฒนธรรมและวัตถุโบราณของอียิปต์ ได้เปิดทำการสอนวิชาอียิปต์ศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

       ซึ่งผลงานส่วนใหญ่ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณคดีของโลกตะวันออกกลาง ในช่วงปี ค.ศ.1920, 1930 และ 1940 โดยเป้าหมายของสถาบันโอเรียลเต็ล แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกแห่งนี้ คือ การเป็นศูนย์กลางของการศึกษาอารยธรรมโบราณของโลกตะวันออก ผ่านศิลปะจำนวนมากทั้ง เครื่องแกะสลัก เครื่องปั้นดินเผา เซรามิก ของใช้เครื่องตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับอันทรงคุณค่าต่างๆ มากมาย       
 
       11. Mary & Leigh Block Museum of Art

       อีหนึ่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สวยที่สุดในโลก นั่นก็คือ “Mary & Leigh Block Museum of Art” ของมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น (Northwestern University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ได้เก็บรวบรวมผลงานศิลปะเก่าแก่มากกว่า 5,000 ชิ้น มีทั้ง ภาพวาด, ภาพพิมพ์, รูปถ่าย และงานสิ่งทอ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 จนถึงปัจจุบัน รวมถึงผลงานโครงสร้างทางด้านสถาปัตยกรรมในยุคโบราณที่ถูกถ่ายทอดไว้ในภาพวาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เขื่อน สะพาน และอาคารสาธารณะต่างๆ เท่านั้นยังไม่พอพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังได้มีการจัดฉายภาพยนตร์ร่วมสมัยและคลาสิคให้ได้ชมกันอย่างต่อเนื่อง หากใครสนใจก็สามารถดูโปรแกรมการจัดฉายภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ผ่านทางเวปไซด์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เลย เรียกได้ว่าครบรสทุกความบันเทิงกันเลยทีเดียว

       12. Vanderbilt University Fine Arts Museum

       พิพิธภัณฑ์ศิลปะของมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ (Vanderbilt University) ตั้งอยู่ที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมิรกา เกิดขึ้นการบริจาคผลงานศิลปะและภาพเขียนจากภาคเอกชน ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ได้รวบรวมผลงานจัดแสดงกว่า 6,000 ชิ้น ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.1960 และงานภาพพิมพ์ที่มีชื่อเสียงกว่า 105 ชิ้น จากการบริจาคของ "แอนนนา ฮอยต์ (Anna Hoyt)" ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะต้นฉบับจากศิลปินในยุโรป ศิลปินร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเช่น  Arion Press, Frank O’Hara, Louis Bourgeois และอื่นๆ อีกมากมายก็ถูกรวบรวมและจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมกัน ณ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งนอกจากศิลปะภาพวาดแล้ว ยังได้เก็บรวบรวมศิลปะวัตุในยุคอียิปต์โบราณ เครื่องเซรามิก เหรียญบรอนซ์ และประติมากรรมในยุคกรีกโบราณอีกด้วย

       นอกจากจะใช้เป็นสถานที่ในการจัดงานแสดงศิลปะแล้ว Vanderbilt University Fine Arts Museum ยังใช้เป็นเป็นแหล่งศึกษาข้อมูลในด้านต่างๆ ทั้งศิลปะ และประวัติศาสตร์ให้กับเหล่าบรรดานักศึกษาได้เป็นอย่างดี รวมถึงผลงานของนักศึกษาก็สามารถนำมาจัดแสดงให้กับประชาชนทั่วไปได้เข้าชม พร้อมสร้างรายได้ด้วยการขายผลงานศิลปะได้อีกทางหนึ่ง เรียกว่าครบวงจร สะสม ศึกษา จัดแสดง และเป็นสถานที่ขายผลงานศิลปะได้อีก เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์
       
       13. Smart Museum of Art

       อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะสหวิทยาการ “Smart Museum of Art” แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago) สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1974 จัดแสดงผลงานศิลปะที่หลากหลายทั้ง Asian Art, Europe Art, Contemporary Art และ Modern Art และ Design เรียกได้ว่าเป็นแหล่งข้อมูลอย่างดีให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชิคาโก ที่กำลังศึกษาหรือสนใจในวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ สถาปัตยกรรม รวมถึงประวัติศาสตร์และโบราณคดีได้อีกด้วย ตัวอาคารถูกออกแบบได้อย่างโดดเด่นและสวยงามจากสถาปนิกชื่อดัง Edward Larrabee Barnes ที่ได้ออกแบบทั้ง Smart Museum of Art และ Cochrane-Woods Art Center ในปี 1970 ภายในได้เก็บรวบรวมผลงานศิลปะที่เก่าแก่มาก มีอายุมากกว่าห้าพันปีเลยทีเดียว

       นอกจากงานศิลปะที่เก่าแก่แล้ว ยังมีไฮไลท์เป็นภาพวาดสมัยใหม่จากศิลปินชื่อดัง เช่น Mark Rothko, Arthur Dove และ Matta ให้ได้ชมกันอีกด้วย เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันอังคาร-วันอาทิตย์ แต่ก็มีกฎข้อห้ามในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างจะเยอะอยู่สักหน่อย เช่น ต้องตรวจกระเป๋าและสัมภาระก่อนเข้าชม ห้ามเอามือแตะงานศิลปะ อาหาร น้ำและหมากฝรั่งห้ามเด็ดขาด หากนักศึกษาต้องการจะเข้าไปสเก็ตภาพต้องเป็นดินสอเท่านั้น (ถ้าไม่มีขอที่เคาท์เตอร์ได้) ปิดเสียงโทรศัพท์ก่อนเข้าชม อันนี้คล้ายเข้าโรงภาพยนตร์กันเลยทีเดียว โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเคร่งครัดเรื่องการถ่ายรูปมากจะต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้ง     
         
       14. Princeton University Art Museum

       พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University Art Museum) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1882 เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะของมหาวิทยาลัย เริ่มต้นมาจากการบริจาคผลงานศิลปะให้กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ จนปัจจุบันมีผลงานที่จัดแสดงอยู่มากกว่า 72,000 ชิ้นด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็นงานศิลปะเก่าแก่ตั้งแต่ยุคเมดิเตอร์เรเนียน วัฒนธรรมกรีกโบราณ, โรม, ไบเซนไทน์, สิ่งประดิษฐ์ในอียิปต์, ศิลปะจากประเทศจีน และศิลปะจากอเมริกาเหนือและใต้ เป็นต้น

       พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาชม และเป็นสถานที่สำหรับการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ศิลปะให้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันแห่งนี้ ภาพวาดกว่า 600 ชิ้น รวมทั้งประติมากรรมรอบๆ บริเวณมหาวิทยาลัยที่แสดงถึงความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ที่มีมากกว่า 10 ชิ้น พร้อมทั้งเปิดเป็นแหล่งการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนในระดับต่างๆ ได้เข้ามาศึกษาและเยี่ยมชมพร้อมทั้งทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับทางพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย เปิดทำการวันอังคาร-วันอาทิตย์ เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ         
       
       15. The Rose Art Museum

The Rose Art Museum of Brandeis University
       “The Rose Art Museum” ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ของมหาวิทยาลัยแบรนดิส (Brandeis University) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ.1961 ในนามของผู้บริจาค เอ็ดเวิร์ธ และ เบอร์ธา โรส เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งและบริจาคผลงาน จึงเป็นที่มาของชื่อ "Rose" นั่นเอง ผลงานที่เก็บรวมรวบไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้มีมากกว่า 8,000 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นผลงานของศิลปินจากอเมริกาในปี 1960-1970 และครอบคลุมไปจนถึงกลางศตวรรษที่ 20 และปัจจุบัน ร่วมถึงผลงานของศิลปินร่วมสมัยชื่อดังอีกมากมายที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์

       พิพิธภัณฑ์ในปัจจุบันประกอบด้วย 3 อาคารที่แตกต่างกัน คือ แกลอรี่เดิมที่สร้างโดย Max Harrison Abramovitz ในปี 1961, อาคารอิฐบล็อกที่สร้างในปี 1973 และ อาคาร “Lois Foster Wing” ที่สร้างใหม่ในปี 2001 แม้ว่าทั้ง 3 อาคารในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะความหลากหลาย ตรงตามคอนเซปที่ได้วางไว้นั่นก็คือ การรวมอาคารเก่าและใหม่เข้าด้วยกันภายใต้ความสุนทรีย์ของสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แค่ฟังคอนเซปของตัวอาคารก็รู้แล้วว่าอาร์ต แค่ไหน...
       

ASTVผู้จัดการออนไลน์    2 กันยายน 2557