คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และมูลนิธิรามาธิบดีฯ มีความห่วงใยต่อสุขภาพของผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ จึงได้จัดโครงการ "รามาอาสา" ช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยส่งทีมแพทย์ พยาบาล ประจำศูนย์พักพิงที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง และลงพื้นที่ตรวจผู้ป่วยในชุมชนดอนเมืองและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นต้น รวมถึงระดมทุนซื้อสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ประสบภัยน้ำท่วม นอกจากนี้ยังรวบรวมวิธีดูแลรักษาสุขภาพให้ปลอดภัยจากโรคที่มาจากน้ำท่วม เผยแพร่ทางเว็บไซต์
www.ramafoundation.or.th อีกด้วย
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี และประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้แนะวิธีรับมือกับโรคต่างๆ ที่มากับน้ำ เพื่อให้ประชาชนที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วมได้ทราบ และสามารถดูแลตนเองในเบื้องต้น โดยโรคที่มากับน้ำส่วนใหญ่เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ สาเหตุมาจากการบริโภค ได้แก่ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ โรคบิด โรคไข้ไทฟอยด์ และสาเหตุที่มาจากการสัมผัสหรือการติดเชื้อ ได้แก่ ไข้หวัด ปอดบวม ไข้เลือดออก ตาแดง โรคผิวหนัง น้ำกัดเท้าจากเชื้อรา แผลพุพองเป็นหนอง และโรคฉี่หนู
อาการของโรคต่างๆ ที่มาจากการบริโภคสังเกตได้ดังนี้ อาการท้องเสียจะมีอุจจาระเหลว ถ่ายเป็นน้ำ มีมูกเลือดปน อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน แต่ถ้าปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย แสดงว่าอาจมีอาการอาหารเป็นพิษ ถ้าใครมีอาการคล้ายท้องเสีย แต่ถ่ายเป็นน้ำคล้ายน้ำซาวข้าวทีละมากๆ จะเป็นอาการของอหิวาตกโรค ส่วนโรคบิด ลักษณะจะคล้ายกับท้องเสีย ปวดท้อง มีอาการปวดเบ่งร่วมด้วย แต่มีอาการเรื้อรังมากกว่า ส่วนไข้ไทฟอยด์ จะมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ท้องผูก บางรายอาจท้องเสีย
สำหรับผู้ป่วยท้องเสียและอาหารเป็นพิษ ห้ามทานยาหยุดถ่าย เพราะจะทำให้เชื้อโรคค้างอยู่ในร่างกาย อันตรายมาก ควรดื่มน้ำหรืออาหารเหลว และดื่มเกลือแร่ทดแทน วิธีป้องกันโรคเหล่านี้ทำได้ง่ายๆ คือ ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงอาหาร รวมทั้งก่อนและหลังกินอาหาร ดื่มน้ำสะอาด
ในส่วนของโรคที่มีสาเหตุมาจากการสัมผัส หรือการติดเชื้อ โรคที่น่าห่วงได้แก่ ไข้เลือดออก จะมีอาการไข้ขึ้นสูงทั้งวัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย มีจุดแดงเล็กๆ ตามลำตัว แขน ขา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร ข้อควรระวัง ถ้าผู้ป่วยเริ่มมีไข้ลด แต่รู้สึกกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ไอมีเลือดปน ถ่ายเป็นสีดำ รีบนำมาพบหมอทันที ที่สำคัญห้ามใช้ยากลุ่มแอสไพรินเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกง่าย ให้ใช้กลุ่มพาราเซตามอลได้เท่านั้น
โรคปอดบวม อาจจะเกิดจากการสำลักน้ำที่มีเชื้อโรคเข้าไปในปอด ทำให้ปอดอักเสบ โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ทางลมหายใจ ต้องควรระวัง อาการจะมีไข้ขึ้นสูง ไอ หอบ เหนื่อย หายใจเร็ว ริมฝีปากซีด กระสับกระส่าย ถ้าใครมีอาการเหล่านี้ควรพบหมอทันที เพราะอาจก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ วิธีป้องกัน ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรลงน้ำที่เกินกว่าศีรษะ อย่าใส่เสื้อผ้าเปียกชื้น
นอกจากนี้ยังมีอีก 3 โรคยอดฮิตที่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมส่วนใหญ่จะเป็นกัน นั่นก็คือ โรคตาแดง โรคผิวหนัง เช่น น้ำกัดเท้าและโรคฉี่หนู แม้บางโรคจะดูเหมือนไม่น่ากลัว แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจจะเกิดการติดเชื้อได้ จึงควรป้องกันไว้ก่อน
ไม่เพียงแต่โรคภัยไข้เจ็บเท่านั้นที่จะมาคุกคามผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม แต่ยังมีอันตรายใกล้ตัวอีกอย่างหนึ่งที่พบกันมาก คือ การถูกไฟฟ้าดูด มีวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลว่า หากมีใครภายในบ้านถูกไฟดูดให้รีบไปตัดไฟในบ้านก่อน แล้วสวมรองเท้าให้เรียบร้อยก่อนที่จะจับตัวคนไข้ จากนั้นทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นดังนี้ จับผู้ป่วยนอนหงาย รีบโทร.ขอความช่วยเหลือ 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตรวจดูการหายใจด้วยการวัดชีพจร เปิดทางเดินหายใจผู้ป่วยด้วยการให้ผู้ป่วยนอนแหงนหน้าไปข้างหลังให้มากที่สุด เป่าปาก 2 ครั้ง หลังจากนั้นให้วางส้นมือตรงกึ่งกลางหน้าอกเหนือลิ้นปี่เล็กน้อย กดหน้าอก 15 ครั้ง โดยตั้งลำแขนให้ตรง ทำสลับกันจนกว่าจะถึงมือแพทย์
แต่ในกรณีที่ถูกสัตว์กัด หากไม่ทราบว่าเป็นสัตว์อะไร และมีพิษหรือไม่ ให้ทำความสะอาดบาดแผล โดยการล้างด้วยน้ำต้มสุกหรือน้ำด่างทับทิม ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด และใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณรอบๆ แผล แต่อย่าเช็ดลงไปที่แผลโดยตรง หากเรารู้ว่าถูกสัตว์มีพิษอย่างเช่นงูกัด ห้ามเด็ดขาดครับ ห้ามดูดพิษงูด้วยปาก ให้ทำความสะอาดแผลเหมือนที่กล่าวมา และรัดรอบแขนหรือขาเหนือปากแผลให้แน่น เสร็จแล้วรีบนำ ส่งโรงพยาบาล ในระหว่างที่นำส่งให้คลายเชือก หรือผ้าที่รัดทุก 10-15 นาที เพื่อไม่ให้เกิดการขาดเลือดไปเลี้ยง
สำหรับผู้มีความประสงค์จะช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ที่ประสบอุทกภัย สามารถบริจาคได้ที่ บัญชีชื่อ มูลนิธิรามาธิบดี (กองทุนผู้ประสบภัยน้ำท่วม) ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดี 026-4-26671-5 ธนาคารกรุงเทพ สาขาอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ รพ.รามาธิบดี 090-7-00123-4 สอบถามโทร. 0-2201-1111 ในวันและเวลาราชการ.
ไทยโพสต์ 22 พฤศจิกายน 2554