...วันนี้เช้า ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ อ่านข่าวเรื่องความขัดแย้งระหว่างทีมงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.) เกิดความรู้สึกได้หลายเรื่องราวเหลือเกิน อ่านมาถึงบทความที่ผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่งเขียนระบายความในใจที่รู้สึกต่อกรณี การแก้ปัญหาการล่มสลายทางการเงินของ โรงพยาบาลบางกล่ำ จังหวัดสงขลาที่สามารถแก้ไขได้สำเร็จ โดยการร่วมไม้ร่วมมือของ โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา และโรงพยาบาลบางกล่ำเอง แล้วถูกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแย่งผลงานไปเฉย...
...ผมนั่งมองสายฝนที่ตกมาเสมือนหนึ่งเศร้าเสียใจต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทบทวนเหตุการณ์นี้ที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในฐานะทีมีโอกาสทำหน้าที่ประธานการเงินการคลังสำนักงานสาธารณสุขเขต ๑๒ ในปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖...จำได้ดีว่า ตอนนั้นด้วยระบบจัดสรรทรัพยากรตามหัวประชากร ส่งผลให้โรงพยาบาลบางกล่ำเกิดภาวะวิกฤติทางการเงินอย่างหนัก ทีมงานเขตฯก็เข้าไปหาหนทางดูแล ผู้ตรวจราชการยุคนั้นร่วมมือกับทีมงานของเขตฯ...
ตอนนั้นจำได้ดีว่า โรงพยาบาลบางกล่ำถูกวิเคราะห์รากแก่นของปัญหาพบว่า ได้รับการสนับสนุนงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการบริหารโรงพยาบาลที่มีประชากรขนาดนี้และอยู่ในเขตเมือง ตอนนั้นทีมงานมองถึงการแก้ปัญหา ฟื้นฟูโรงพยาบาลด้วยการเกลี่ยเงินจากโรงพยาบาลอื่นมาช่วยกันตามประสาพี่น้องไม่ได้สนใจกติกาการให้เงินตามแนวทางของ สปสช. ซึ่งใช้การเงินนำในการบริหาร จากนั้นก็เพิ่มงานให้กับโรงพยาบาลโดยการร่วมมือจากโรงพยาบาลหาดใหญ่
ผู้บริหารจาก สป. เคยลงไปเยี่ยมเพื่อแก้ปัญหาหลายครั้ง จนในที่สุดวันนี้ โรงพยาบาลแกร่งพอที่จะยืนได้ด้วยตัวเองตามรูปแบบการดำเนินงานแบบใช้งานนำการเงิน มีการช่วยเหลือกันระหว่างโรงพยาบาลด้วยความมุ่งมั่นทำให้สร้างสุขให้กับสาธารณะ ใช้ปรัชญาการทำร่วมกับแบบสุนิยมแทนทุนนิยมที่กติกา สปสช. กำหนดไว้
จำได้ว่าครั้งหนึ่งผู้บริหารระดับสูงถามพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยตามแนวทางใหม่ ซึ่งปริมาณงานเพิ่มขึ้นว่า งานเยอะขึ้นต้องการงบประมาณค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นหรือไม่ คำตอบที่กระชากใจผมมาก ๆ คือ พยาบาลท่านนั้นตอบว่าโรงพยาบาลไม่มีเงิน เราทำงานช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยโรงพยาบาลของเราด้วยความเต็มใจ อยากช่วยโรงพยาบาลก่อน ถ้าโรงพยาบาลมีเงินแล้วคงดูแลพวกเราอย่างแน่นอน ตอนนี้ไม่ต้องการเงินจากการทำงานให้โรงพยาบาล เป็นความภูมิใจที่ตนเองมีส่วนช่วยองค์กร...
...วันนั้น ถ้าเราเชื่อมั่นในกติกาทางการเงินนำงานของ สปสช. แบบแบ่งพื้นที่แข่งขันกันแบบทุนนิยม ตอนนี้โรงพยาบาลบางกล่ำคงล่มสลายทางการเงินไปแล้ว แต่เมื่อหันมาใช้ระบบงานทุกขภาวะของประชาชนนำโดยจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสมกับงานภาพรวม โรงพยาบาลบางกล่ำภายใต้การบริหารงานระดับเขต ระดับจังหวัด ก็สามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้อย่างน่าชื่นชม เป็นผลงานที่ดี ดีจนเกิดปรากฏการณ์แย่งผลงานกันซึ่งหน้า ผู้บริหารระดับสูงที่ออกมาแฉข้างต้น คงทนไม่ได้ออกมาชำแหละ สำหรับผมวันนี้แม้ไม่ได้อยู่ในเขตฯ ๑๒ แล้ว แต่ด้วยความรักความผูกพันที่มีต่อเขตฯนี้ ทำให้อดไม่ได้ที่จะเฝ้าติดตามและยังคงปรึกษาหารือกับทีมงานตลอดมา
ในฐานะเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของโรงพยาบาลบางกล่ำด้วย จึงเห็นใจต่อผู้ที่ต่อสู้แก้ปัญหาที่เกิดจากนโยบายเงินนำงาน วันนี้ขอแค่เสียงปรบมือให้เกียรติกับพวกเขาที่แก้ปัญหาด้วยวิธีงานนำเงิน จนโรงพยาบาลพ้นวิกฤติการเงิน ประชาชนมีสุขภาวะ...หยุดเถิดครับ อย่าแสร้งแอบอ้างผลงานที่ตนไม่ได้ทำเสียทีเถอะ...คุณคือผู้ก่อปัญหา เขาคือผู้แก้ เมื่อเขาทำสำเร็จ แค่แสดงความขอบคุณ แล้วมาจับมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยสัมมาทิฐิเสียทีเถอะ...ฝนที่ตกจะได้เป็นสายน้ำแห่งความปิติเสียที.
นพ.ไพศาล เกื้ออรุณ
๒๕ ต.ค. ๕๗