มาทำความเข้าใจกันใหม่กรมควบคุมโรคเตือน "หนูออฟฟิศ" เสี่ยงโรคฉี่หนูด้วยเช่นกัน ย้ำการติดต่อไม่แค่เดินย่ำน้ำ "อาหาร น้ำดื่ม หายใจ" มีโอกาสติดเชื้อแนะทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอย่าให้เป็นแหล่งอาศัย
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ ในฐานะโฆษกกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าโรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส จะพบได้เฉพาะในท้องทุ่งนา หรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงหนูที่อาศัยอยู่ตามอาคารบ้านเรือน หรือสำนักงานต่างๆ ก็เป็นพาหะของโรคนี้เช่นเดียวกัน
"คนเข้าใจผิดว่าจะติดโรคฉี่หนูต่อเมื่อเดินลุยน้ำ แล้วน้ำนั้นมีเชื้อโรคฉี่หนู และคนๆ นั้นมีบาดแผลเท่านั้น แต่ความจริงเชื้อโรคฉี่หนูสามารถติดต่อเข้าทางตา หรือการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่วางทิ้งไว้แล้วหนูมาฉี่ใส่ได้เช่นกัน หรือการหายใจเอาละอองนิวเคลียสจากของเหลวที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไปแต่พบได้น้อย
ส่วนภาชนะใส่อาหารที่หนูฉี่ใส่ แล้วคนนำมาใส่อาหารรับประทานต่อมีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน อาจจะเกิดขึ้นได้น้อยกว่าการรับประทานอาหารที่หนูฉี่ใส่โดยตรง อีกทั้งในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ จากหนูในออฟฟิศแพทย์อาจนึกไม่ถึงโรคนี้เพราะไม่มีประวัติลุยน้ำมาก่อน และหากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ ด้วยโรคฉี่หนูมีระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยประมาณ 10 วัน" นพ.รุ่งเรือง กล่าว
จากรายงานการเฝ้าระวังสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ในปีงบประมาณ 2554 พบจังหวัดที่มีอัตราป่วยด้วยโรคเลปโตสไปโรซีสสูงสุด 5 อันดับแรก คือ หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ สุรินทร์ พังงา และระนอง ตามลำดับ ส่วนภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อินโฟเควสท์
RYT9.COM 14 กุมภาพันธ์ 2555