มูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย" เตรียมเข้าหารือ สปสช. ผลักดันให้รักษา "โรคธาลัสซีเมีย" ฟรี โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองหญิงตั้งครรภ์ เผยหากไม่ดำเนินการอะไร ตัวเลขผู้ป่วยมีสิทธิ์สูงกว่าแสนราย
ศ.เกียรติคุณ พญ.สุดสาคร ตู้จินดา ประธานมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากรายงานข่าวทางด้านสาธารณสุขที่ผ่านมาพบว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีแนวโน้มจะล้มหลักประกันสุขภาพ ซึ่งจะจริงหรือไม่ก็ไม่สามารถรู้ได้ แต่ถ้าทำจริงจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยทั่วประเทศลำบากมาก ส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะเป็นการล้มระบบ แต่จะล้มสิทธิประโยชน์ในการรักษาโรคแนวดิ่ง หรือโรคเรื้อรัง โรคค่าใช้จ่ายสูงมากกว่า เพราะฉะนั้นเราต้องมาช่วยกันจับตาดู ส่วนเรื่องโรคธาลัสซีเมีย เราไม่ห่วง เพราะว่าถูกล้มไปแล้ว แต่ทางมูลนิธิฯ ยืนยันว่าจะพยายามผลักดันโรคนี้เข้าไปอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์อีกครั้ง
ด้าน ดร.วิปร วิประกษิต หัวหน้าโครงการ วิจัยธาลัสซีเมีย สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี ม.มหิดล กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยกรรมการมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทยจะเดินทางเข้าหารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นจะหารือเรื่องการรักษาฟรีในโรงพยาบาลก่อน เพื่อผลักดันให้การรักษาผู้ป่วยมีคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนการผลักดันให้มีการตรวจคัดกรองฟรีให้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกรายทั่วประเทศนั้นอาจจะต้องดำเนินการในภายหลัง เพราะต้องใช้การปรับเปลี่ยนโครงสร้างงบประมาณ ซึ่งเราพยายามที่จะพูดในเรื่องนี้อยู่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามูลนิธิฯ พยายามผลักดันเรื่องการควบคุมป้องกันโรคธาลัสซีเมียให้เป็นวาระของชาติ ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้น กระบวนการดังกล่าวถูกผลักดันและจัดสรรงบประมาณจากกรมอนามัย เพื่อให้มีการตรวจเลือดหญิงตั้งครรภ์ทุกรายในโรงพยาบาลของรัฐฟรีทุกแห่ง หากพบหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะของโรคก็อนุญาตให้พาสามีมาตรวจเพิ่มเติมว่าเป็นพาหะหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบว่าเด็กในท้องเป็นธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง กฎหมายได้อนุญาตหญิงคนนั้นยุติการตั้งครรภ์ได้ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้อยู่ทั่วโลก ก่อนจะถูกโอนไปอยู่ในความดูแลของ สปสช. และถูกยกเลิกสิทธิประโยชน์เมื่อปี 2551
"ถ้าไม่มีการควบคุม ป้องกัน เราจะมีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นจำนวน 12,000 คนทุกปี และได้มีการคำนวณโดยมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทยแล้วว่า ถ้าเราไม่ได้ดูแลรักษาผู้ป่วยแล้วจะมีผู้ป่วยเกิดขึ้นกว่า 150,000 คน และจะเสียชีวิตภายในระยะเวลาอายุประมาณ 10 กว่าปี" ดร.วิปรกล่าว และว่า ที่ผ่านมามีการเก็บข้อมูลในโรงพยาบาลใหญ่ๆ เช่น รพ.ศิริราช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ภายหลังยกเลิกสิทธิประโยชน์ในการตรวจคัดกรองฟรีสำหรับหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีอัตราการเกิดโรคสูงขึ้นมากกว่า 50% ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับประเทศไทย.
ไทยโพสต์ 13 กุมภาพันธ์ 2555