ผู้เขียน หัวข้อ: กลุ่มคนรักหลักประกันฯ ออกแถลงการณ์ ฉ.3 ค้านนโยบายเมดิคอลฮับ  (อ่าน 921 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9785
    • ดูรายละเอียด
 กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 เรียกร้องรัฐบาลเร่งออก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พร้อมคัดค้านนโยบายเมดิคอลฮับ ระบุ จะส่งผลเสียต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3/2555 ลงวันที่ 12กุมภาพันธ์ 2555 เรื่อง การคัดค้านนโยบายมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ศูนย์การรักษาเฉพาะทางระดับสูง (Excellent Center) และคัดค้านการขยายมาตรา 41 พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มีใจความดังนี้
       
       ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ได้ออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อมวลชนเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนให้มีศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ศูนย์การรักษาเฉพาะทางระดับสูง (Excellent Center)ในประเทศไทย เพื่อเปิดให้การรักษาพยาบาลคนต่างชาติและประชาชนทั่วไปแบบต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ประกอบกับมีข้อเสนอจากแพทยสภาต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ขยายการคุ้มครองการช่วยเหลือเบื้องต้นเมื่อเกิดความเสียหายในการรับบริการสาธารณสุข ตามมาตรา 41 พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ให้ครอบคลุมประชาชนทั้ง 65 ล้านคน ไม่ว่าประชาชนจะใช้สิทธิสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบบประกันสังคม ระบบสวัสดิการข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งผู้ไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน นั้น กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายและข้อเสนอของแพทยสภาดังกล่าว ซึ่งส่งผลคุกคามระบบหลักประกันสุขภาพให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ด้วยเหตุผลสำคัญดังต่อไปนี้
       
       1. นโยบายการมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ศูนย์การรักษาเฉพาะทางระดับสูง (Excellent Center) เป็นนโยบายที่ขัดต่อมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 พ.ศ.2553 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมตินี้เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 (มติในเรื่องนโยบายการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ) เป็นนโยบายที่ขัดแย้งกับนโยบายการทำให้ประชาชนไทยทุกคนมีสิทธิด้านสุขภาพและเข้าถึงบริการสาธารณสุข และจะส่งผลกระทบต่อระบบสุขภาพ รวมทั้งการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนไทย เนื่องจากปัจจุบันระบบสุขภาพของประเทศไทยยังมีข้อจำกัด บุคลากรสาธารณสุขไม่เพียงพอ จะก่อให้เกิดการดึงตัวบุคลากรที่เรียกว่า “สมองไหล” ไปรองรับบริการศูนย์กลางทางการแพทย์มากขึ้น อีกทั้งมีข้อมูลการศึกษาวิจัยที่ระบุชัดเจนว่านโยบายการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ศูนย์การรักษาเฉพาะทางระดับสูง (Excellent Center) จะส่งผลกระทบต่อระบบหลักประกันสุขภาพแน่นอน ไม่มี win-win (The effects of medical tourism: Thailand’s experience, http://www.who.int/bulletin/volumes/89/5/09-072249/en/index.html) จึงขอคัดค้านการใช้เงินสนับสนุนจำนวน 4,000 ล้าน รวมถึงการที่โรงเรียนแพทย์เอาเงินบริจาคสร้างตึกไปให้บริการคนเพียงบางกลุ่มและชาวต่างชาติ มากกว่าจะใช้เพื่อรองรับประชาชนทุกคนให้ได้รับสิทธิอย่างทั่วถึง เป็นธรรม รวมทั้งขอเสนอให้กระทรวงการคลังใช้มาตรการทางภาษีกับโรงพยาบาลที่ดำเนินตามนโยบาย Medical Hub เพื่อนำไปเป็นงบประมาณในการพัฒนาระบบบริการและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรสาธารณสุขในหน่วยบริการของรัฐที่ปฏิบัติงานเพื่อประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพ
       
       2. ข้อเสนอของแพทยสภา เป็นข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ให้แก่โรงพยาบาลเอกชน เป็นข้อเสนอที่ให้เอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายแทนโรงพยาบาลเอกชน ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนได้รับผลกำไรจากการให้บริการอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่โรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับคนไข้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นี่คือความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งสำหรับประชาชนผู้เสียภาษี โรงพยาบาลเอกชนต้องรับผิดชอบจ่ายค่าภาระความเสี่ยงของตนเองเมื่อเกิดความเสียหายในการให้บริการ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความระมัดระวังในการให้บริการมากขึ้น หากเกิดกรณีความเสียหายมากก็ต้องจ่ายมากตามสัดส่วน
       
       กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเร่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... ที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบนำเข้าบรรจุในวาระพิจารณาต่อเนื่องของรัฐสภา ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาการฟ้องร้องระหว่างแพทย์กับคนไข้ และพัฒนาการป้องกันความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกัน ขอให้กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, โรงเรียนแพทย์ทุกแห่งปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 เพื่อลดผลกระทบอันเกิดจากนโยบายการทำ Medical Hub ที่จะเกิดกับระบบสาธารณสุขของประเทศให้ได้มากที่สุด

ASTVผู้จัดการออนไลน์    12 กุมภาพันธ์ 2555