เครือข่ายเยาวชนฯ เปิดโพลพบเหล้าปั่นเกลื่อนรอบมหาวิทยาลัย วัยรุ่นหญิงนิยมสั่งเป็นเมนูยอดฮิต ขณะที่ผู้ขายฟันกำไร 2 เท่าตัว ด้านนักศึกษาอเมริกันงงประเทศไทยขายเหล้าปั่นให้เยาวชน แนะรัฐบาลไทยออกกฎหมายคุมเข้ม หนุนโซนนิ่งรอบสถานศึกษา
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่โรงแรมเคยูโฮม กรุงเทพฯ มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกับมูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จัดเวทีแลกเปลี่ยนในหัวข้อ ปัญหาแอลกอฮอล์กับเยาวชนไทย โดยน.ส.ดวงกมล ทองมาอิ่ม แกนนำเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชนนับวันยิ่งน่าเป็นห่วง และเมนูยอดฮิตที่นิยมสั่งดื่มมากที่สุด คือ เหล้าปั่น ตามติดด้วยเบียร์ สะท้อนจากการสำรวจเมื่อวันที่ 20 -30 มิ.ย. 2555 ที่ผ่านมา โดยเครือข่ายเยาวชนฯได้สำรวจความคิดเห็นนักเรียน นักศึกษา 1,000 ราย แบ่งเป็นชาย 47% หญิง 53% อายุ 15-30 ปี ใน 10 มหาวิทยาลัย พบกลุ่มตัวอย่าง 35% ระบุว่า เหล้าปั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการทดลองดื่มของบรรดานักดื่มหน้าใหม่ รองลงมาคือเบียร์ 33% เหล้าสี 14% ค็อกเทล 7% และเหล้าขาว 2% ส่วนสาเหตุที่ดื่มเพราะเหมือนน้ำผลไม้ ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างเกินครึ่งหรือ 59% ยังระบุว่า จำนวนร้านเหล้าปั่นใกล้สถานศึกษามีเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบ คือ ปัญหาทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ ปัญหาการเรียน และถูกล่วงละเมิดทางเพศ จากข้อมูลกลุ่มผู้ประกอบการ พบว่า กำไรที่ได้จากการขายเหล้าปั่น ประมาณ 108 บาท หรือ 2 เท่าของต้นทุน โดยราคาต้นทุนอยู่ที่ 51 บาท แต่ขายในราคาเหยือกละ 99-219 บาท
น.ส.ดวงกมลกล่าวต่อว่า หากแยกผลสำรวจในเฉพาะเพศหญิง 526 ราย พบข้อมูลที่น่าตกใจ คือ หญิงเกินครึ่ง หรือ 75% เคยดื่มเหล้าปั่น และจำนวนร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยมีเพิ่มมากขึ้น ส่วนผลกระทบที่ผู้หญิงเคยพบเจอบ่อยที่สุดคือ ปัญหาการเรียน ที่น่าห่วงคือ มีเรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องถึง 15% อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจทั้งหมดนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการเพื่อควบคุมเหล้าปั่น หยุดการเพิ่มร้านจำหน่ายน้ำเมารอบสถานศึกษา และขอให้สถาบันการศึกษา รวมถึงกระทวงศึกษาธิการมีจุดยืนไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ขณะที่ น.ส.แองจิรา บาร์เทอร์ วัย 21 ปี นักศึกษายูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคลิฟอร์เนีย เดวิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในกิจกรรมนี้ กล่าวว่า ปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชนในอเมริกา และไทยที่เหมือนกันคือสามารถหาซื้อได้ง่าย และร้านที่ขายแอลกอฮอล์ก็มีอยู่มาก รอบๆมหาวิทยาลัยเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือ ที่อเมริกาไม่มีขายเหล้าปั่น จึงไม่เข้าใจว่าเมืองไทยทั้งที่มีกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชน แต่ทำไมยังขายได้ อย่างไรก็ตามที่อเมริกาเจ้าหน้าที่ไม่อยากดำเนินคดีต่อเยาวชนเท่าไหร่ ยกเว้นกรณีที่มีดื่มจนเกิดเสียงดังแล้วชาวบ้านแจ้ง ตำรวจถึงจะเข้ามาดำเนินคดี ซึ่งตนมองว่าตำรวจที่นั่นมองเรื่องการดื่มของเยาวชนเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่สร้างปัญหาตามมาอย่างมากนอกจากนี้ที่อเมริกายังมีบริษัทเอกชนที่ให้การสนับสนุนในการจัดปาร์ตี้ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนอย่างเปิดเผยและไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย ซึ่งตรงนี้อันตรายมาก ส่งผลให้เด็กและเยาวชนอยากเข้าไปปาร์ตี้เพื่อให้ได้ดื่มให้ดูเท่ห์ดูเป็นผู้ใหญ่ กลายเป็นค่านิยมที่กำลังสร้างปัญหาใหญ่
สำหรับประเทศไทยเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีองค์กรต่างๆ เข้ามาช่วยดูแลให้เยาวชนและประชาชนเลิกดื่มแอลกอฮอล์ และมีทัศนคติที่ที่ถูกต้องต่อปัญหาแอลกอฮอล์ และถ้าหากต้องการให้มาตรการได้ผล รัฐบาลไทยต้องควบคุมเหล้าปั่นอย่างจริงจังทั้งเรื่องการขายและการดื่ม รวมถึงจัดโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษาให้เข้าถึงยาก ซึ่งตนยังอยากให้ประเทศอเมริกามีกฎหมายใหม่ๆเพื่อควบคุมปัญหาแอลกอฮอล์ และอยากให้มีองค์กรเครือข่ายต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือเยาวชนให้ห่างไกลจากแอลกอฮอล์เหมือนประเทศไทยบ้าง น.ส.แองจิรากล่าว
