ผู้เขียน หัวข้อ: มะกันรวบ จนท.โรงหมอ แพร่เชื้อ 'ตับอักเสบC' ให้คนไข้ 31 ราย  (อ่าน 1286 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
ตำรวจสหรัฐฯ จับกุมตัวอดีตช่างเทคนิคของโรงพยาบาลในรัฐนิวแฮมเชียร์ ฐานแพร่เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี จากตัวเองสู่คนไข้อย่างน้อย 31 ราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ว่า ตำรวจสหรัฐฯ จับกุมนายเดวิด เควียตคอว์สกี อายุ 32 ปี อดีตช่างเทคนิคในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเอ็กซ์เตอร์ ในรัฐนิวแฮมเชียร์ พร้อมตั้งข้อหาแพร่เชื้อ ไวรัสตับอักเสบชนิดซี แก่คนไข้ที่มารักษาตัวในโรงพยาบาลดังกล่าวอย่างน้อย 31 ราย ด้วยการใช้เข็มฉีดยาแก้ปวดสำหรับคนไข้ มาฉีดตัวเองซึ่งเป็นโรคตับอักเสบก่อน แล้วเติมน้ำเกลือแทนยาไปฉีดให้คนไข้

สำนักงานอัยการประจำรัฐนิวแฮมเชียร์ ระบุว่า เควียตคอว์สกีตเริ่มแพร่เชื้อตับอักเสบให้กับคนไข้ หลังจากที่เขาทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคดังกล่าวเมื่อปี 2010 ซึ่ง ดร.ริชาร์ด เบสเซอร์ หัวหน้าบรรณาธิการฝ่ายข่าวสุขภาพและยา ของสำนักข่าวเอบีซี ระบุว่า พฤติกรรมของเขาสามารถเรียกได้ว่าชั่วร้ายอย่างแท้จริง เพราะใครก็ตามที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ ซึ่งจากข้อมูลมีอย๋ายน้อย 8 แห่งในหลายรัฐ ล้วมมีความเสี่ยงถูกแพร่เชื้อทั้งสิ้น

หลังจากเรื่องพฤติกรรมของเควียคอว์สกีถูกเปิดเผยออกมา โรงพยาบาลเอ็กซ์เตอร์ได้ประกาสผ่านสื่อว่า กระทรวงสาธารณสุขรวมถึงหน่วยงานสาธารณะ จะจัดให้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ให้แก่ทุกคนที่เคยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่เควียคอว์สกีเคยทำงานอยู่ ซึ่งคาดว่ามีจำนวนหลายหมื่นคน

ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเอ็กซ์เตอร์พบการระบาดของ เชื้อไวรัสตับอักเสบซี ในโรงพยาบาล ทำให้หน่วยงานรัฐทุกระดับ รวมถึงสำนักงานสอบสวนกลางแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้ ซึ่งชุดสืบสวนสงสัยนายเควียตคอว์สกี หลังพบเขากำลังขนเข็มฉีดยาเฟนทานิล (ยาแก้ปวดมีฤทธิ์แรงกว่ามอร์ฟีน) จำนวนมาก พร้อมผ้ากันเปื้อนเข้าไปในห้องปฏิบัติการ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น จึงสงสัยว่าเขาเป็นผู้สับเปลี่ยนยากับเข็มน้ำเกลือปนเปื้อนเชื้อตับอักเสบ

ต่อมาในวันที่ 13 ก.ค. เควียคอว์สกีพยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากมีพลเมืองดีแจ้งความกับตำรวจ และจากการตรวจสอบห้องของเข้า พบขวดยาจำนวนมากพร้อมจดหมายลาตาย เขาถุกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงและถูกจับกุมในวันที่ 19 ก.ค. ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์สินของโรงพยาบาลและเป้นภัยคุกคามต่อผู้อื่น ซึ่งหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาจะต้องโทษจำคุก 24 ปี ปรับอีก 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.9 ล้านบาท).