ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 11-17 ส.ค.2556  (อ่าน 1000 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9763
    • ดูรายละเอียด
สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 11-17 ส.ค.2556
« เมื่อ: 06 กันยายน 2013, 23:02:09 »
1. “ทนายสุวัตร” เผย “บอล” สารภาพนายเก่าคนสนิท “ทักษิณ” จ้างฆ่า “เอกยุทธ” 3 ล้าน คนมีสีลงมือ ด้าน ตร.รีบชิงส่งฟ้องต่ออัยการฐานฆ่าชิงทรัพย์!

       เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิการเมืองและสิทธิพลเมือง กสม. พร้อมด้วยอนุกรรมการฯ และ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะที่ปรึกษาอนุกรรมการ ได้แถลงผลตรวจสอบการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง โดยยืนยันว่า หลังตรวจสอบกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวน ,แพทย์นิติเวชที่ชันสูตรศพ ,แพทย์ที่ตรวจสอบศพ รวมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักนายเอกยุทธ และจุดที่ฝังศพแล้ว พบว่า นายเอกยุทธถูกฆ่าโดยมืออาชีพ และฆ่าด้วยท่าพิเศษ ไม่ใช่การบีบคอหรือรัดคอตามที่พนักงานสอบสวนและผู้ต้องหาให้การแต่อย่างใด
       
       โดยการตรวจสอบได้ข้อสรุป 3 ประเด็น เช่น 1.แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพพบว่า นายเอกยุทธถูกทำให้ขาดอากาศหายใจด้วยการใช้ท่าพิเศษ ซึ่งทำโดยมืออาชีพที่ไม่ใช่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม สังเกตได้จากร่อยรอยบาดแผล 3 แห่ง ได้แก่ รอยฟกช้ำบริเวณปลายจมูก โคนลิ้นและลิ้นด้านซ้าย เนื้อเยื่อลำคอด้านขวา ซึ่งไม่พบรอยบีบรัดคอแต่อย่างใด แต่เป็นการกดบีบลำคอและปิดจมูกทำให้ขาดอากาศหายใจ ซึ่งท่านี้ทำให้ผู้ถูกกระทำเสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่นาน 2. มีการเปลี่ยนแปลงสภาพศพหลังเสียชีวิต โดยมีการเตรียมการชัดเจนจากผู้ชำนาญการในการฆ่าคน เช่น มีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ห่อศพและลำเลียงศพจาก กทม.ไปพัทลุง มีการถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับออก เหลือแต่เสื้อกล้ามและกางเกงบอกเซอร์ มีการห่อศพและรัดศพด้วยเทคนิคเฉพาะของผู้มีความรู้และความชำนาญ เชื่อว่าศพถูกเก็บไว้ในที่มิดชิด เช่น ในรถตู้ไม่เกิน 3 วัน โดยไม่พบหนอนในศพ แสดงว่านายเอกยุทธถูกห่อหุ้มอย่างดี ส่วนการขุดหลุมฝังศพลึกไม่เกิน 50 ซม. แสดงว่าไม่ต้องการปกปิดศพ แต่ต้องการเปิดเผยเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเชื่อว่าศพอยู่ในหลุมไม่เกิน 1 วัน
       
       นพ.นิรันดร์ เผยด้วยว่า ในการตรวจสอบคดีนายเอกยุทธ อนุกรรมการไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากตำรวจ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบพยานหลักฐานบางชิ้นได้ เช่น ไม่ให้ตรวจสอบรถตู้ ทั้งนี้ อนุกรรมการฯ จะทำรายงานผลการตรวจสอบเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาว่า ควรนำข้อเสนอของ กสม.ไปประกอบในสำนวนการสอบสวนหรือไม่ และไม่อยากให้ตำรวจเร่งสรุปสำนวนว่าเป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์
       
       ส่วนความเคลื่อนไหวของญาตินายเอกยุทธ ได้มีการเข้าแจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวันที่ 13 ส.ค. เพื่อขอเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนคดีนายเอกยุทธ เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพราะมีประเด็นขัดแย้งกันอยู่เดิม
       
       ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ตำรวจทำคดีตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และว่า พยานหลักฐานในขณะนี้เพียงพอที่จะส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ โดยยังตั้งประเด็นไว้ที่การฆ่าชิงทรัพย์เพราะมีน้ำหนักมากสุด แต่ประเด็นอื่นก็ไม่ตัดทิ้ง
       
       ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ ได้ออกมาเผย(14 ส.ค.)ว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจากนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีฆ่านายเอกยุทธ ผ่านทางญาติ ขอให้ตนไปพบในเรือนจำ ตนจึงส่งทนายความไปพบ ซึ่งนายบอลรับสารภาพผ่านทนายความว่า นายบอลไม่ได้ลงมือฆ่านายเอกยุทธ แต่เป็นฝีมือคนมีสี โดยมีการลงมือ 3 ครั้ง สองครั้งแรกนายบอลลงมือแต่ไม่สำเร็จ ครั้งที่ 3 คนจ้างวานจึงให้ทีมคนมีสีลงมือ มีค่าจ้าง 3 ล้านบาท ส่วนแบ่งนายบอลจะได้ระดับแสนบาท โดยมีหน้าที่รับส่งพาไปทิ้งศพ แต่หลังงานสำเร็จ นายบอลถูกเบี้ยวค่าจ้าง จึงรับสารภาพ ทั้งนี้ นายสุวัตร ได้ประกาศเลิกยุ่งเกี่ยวกับคดีฆ่านายเอกยุทธแล้ว เนื่องจากญาตินายเอกยุทธบอกให้เลิก เพราะกลัว ขณะที่ตนก็ถูกขู่ฆ่ารายวัน “ผมทราบจากสายว่า มีคนร้ายเป็นกลุ่มที่ฆ่านายเอกยุทธจะดักฆ่าผมที่ถนนแห่งหนึ่ง โดยใช้รถบรรทุกทรายสองคันวิ่งประกบหน้าหลังแล้วอัดก๊อบปี้ ผมก็กลัวตายเหมือนกัน แถมยิ่งขุดคุ้ย ทางญาติบางคนก็ตำหนิผมว่าทำไมไม่ให้เรื่องจบ ผมก็ขอประกาศตรงนี้ว่า คดีเอกยุทธ ผมจบแล้ว”
       
       อย่างไรก็ตาม วันต่อมา(15 ส.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) และ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ได้เปิดแถลงข่าว 2 รอบ รอบเช้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บอกว่า ไม่เข้าใจว่าท่าพิเศษคืออะไร พร้อมแขวะคนที่ออกมาพูดถึงคดีนายเอกยุทธว่า อย่าดีแต่พูด อย่าเอาชื่อนายเอกยุทธมาหากิน อย่ามาหาชื่อเสียงจากศพ ส่วนการแถลงรอบบ่าย มีการยืนยันว่า ได้เข้าไปสอบปากคำนายบอลแล้ว บอกว่า ตั้งแต่ถูกจับกุม ไม่มีทนายหรือผู้แทนของนายสุวัตรมาเยี่ยมแต่อย่างใด และว่า นายบอลยืนยันด้วยว่า ไม่เคยพูดว่ามีคนมาจ้างให้ฆ่านายเอกยุทธโดยจะให้ค่าจ้าง 3 ล้านบาท รวมทั้งการจ้างฆ่านายเอกยุทธจากกลุ่มคนมีสีด้วยเงิน 3 ล้านก็ไม่มีแต่อย่างใด พล.ต.ต.อนุชัย บอกด้วยว่า ผบช.น.เร่งรัดให้สรุปคดีนี้ เพราะมีระยะเวลาการฝากขัง แต่ก่อนศาลจะมีคำพิพากษา หากพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็สามารถส่งเพิ่มได้
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า วันต่อมา(16 ส.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และ พล.ต.ต.อนุชัย ได้เปิดแถลงอีกครั้ง โดยยืนยันว่า ได้มีการส่งสำนวนคดีนายเอกยุทธให้พนักงานอัยการกองคดีอาญา 6 แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เนื่องจากหลักฐานพอฟ้อง และว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะใช้ดุลพินิจส่งฟ้องต่อศาล
       
       วันเดียวกัน นายสุวัตรได้เปิดแถลง พร้อมด้วย น.ส.อัจฉรา แสงขาว 1 ในทีมทนายของตน โดยยืนยันอีกครั้งว่า นายบอลได้ให้คนติดต่อมาหาตนเมื่อวันที่ 18 ก.ค. จากนั้นตนได้ส่งทนาย คือ น.ส.อัจฉรา เข้าไปพบนายบอลเมื่อวันที่ 26 ก.ค. เวลาประมาณ 14.00น. โดยนายบอลได้เล่าเหตุการณ์ให้ น.ส.อัจฉราฟัง พร้อมฝากขอให้ตนช่วยนายบอลและครอบครัวด้วย เพราะกำลังลำบาก เนื่องจากคนที่จ้างวานฆ่านายเอกยุทธเบี้ยวค่าจ้าง 3 ล้านบาท โดยนายบอลได้รับเพียงหลักแสนบาทเท่านั้น นายบอล ยังเล่าด้วยว่า ก่อนมาขับรถให้นายเอกยุทธ เคยทำงานเป็นคนขับรถที่บริษัท ทีซีเอ็ม ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ทรีวิว จำกัด ซึ่งเจ้าของบริษัท คือ นายสมชาย จิตปรีดากร และมีภรรยาชื่อเล่นว่า เกียว พักอาศัยอยู่หมู่บ้านชิชา พระราม 2 และมีคอนโดมิเนียมเดอะ เลค ซึ่งเป็นคอนโดฯ เดียวกับที่นายเอกยุทธพักอยู่ และว่า นายสมชายเป็นลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนายบอลและนายสมชายได้เข้าออกพรรคเพื่อไทยเป็นประจำ ภายหลังนายบอลลาออกมาอยู่กับนายเอกยุทธ เมื่อนายสมชายทราบเรื่องจึงติดต่อมายังนายบอลว่าสนใจรับงานหรือไม่ จากนั้นได้ให้นายบอลติดต่อทีมอุ้มซึ่งเป็นคนมีสี โดยก่อนหน้านี้เคยตกลงวางแผนฆ่านายเอกยุทธมา 2 ครั้งแล้ว แต่ไม่สบโอกาส กระทั่งวันเกิดเหตุ นายบอลเห็นนายเอกยุทธลืมปืนไว้ในรถ จึงตัดสินใจประสานทีมอุ้มฆ่าเพื่อลงมือ นายบอล ยังบอกด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุ คนที่ว่าจ้างได้ไปพบนายเอกยุทธด้วยและได้มีการพูดคุยกัน จากนั้นทีมอุ้มฆ่าจึงลงมือ
       
       ด้าน น.ส.อัจฉรา ได้ยกคำพูดบางช่วงบางตอนของนายบอลเพื่อยืนยันว่า งานนี้มีคนจ้างวานฆ่านายเอกยุทธจริง “พี่ลองคิดดูว่า ผมจะนำศพนายเอกยุทธลงไปที่พัทลุงได้อย่างไร โดยที่ไม่เจอด่านตำรวจ เพราะปกติผมจะขับรถชิดขวาตลอด และเมื่อพบด่านตำรวจ กลับปล่อยรถผมผ่านไป และในการทำงานครั้งนี้ ผมมีเบอร์พิเศษในการทำงาน สำหรับเรื่องฮาร์ดดิสก์ ผมไม่ได้ทุบทำลายตามที่เคยให้การกับตำรวจไว้ แต่ผมนำไปฝังดิน เนื่องจากฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถทำลายได้ง่าย ดังนั้นหลักฐานทุกอย่างยังคงอยู่ และสามารถสาวไปยังผู้บงการเรื่องนี้ได้”
       
       ขณะที่นายสุวัตร บอกว่า อยากขอให้ทีมพนักงานสอบสวนสอบสวนนายบอลใน 5 ประเด็น คือ 1.นายบอลเคยทำงานอยู่บริษัท ทีซีเอ็ม โฮลดิ้ง จริงหรือไม่ 2.นายสมชายมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย 3.นายบอลและนายสมชายเคยไปที่ทำการพรรคเพื่อไทยหรือไม่ 4.ขอให้พนักงานสอบสวนหาฮาร์ดดิสก์มาให้ได้ และ 5.ที่นายบอลอ้างว่า มีรถนำศพนายเอกยุทธไปยัง จ.พัทลุง 3 ช่วง เพื่อเป็นใบเบิกทางมีอยู่จริงหรือไม่ และเป็นรถของใคร โดยนายสุวัตรได้ให้ตัวแทนนำสำเนาเอกสารคำสารภาพของนายบอลให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วเมื่อวันที่ 17 ส.ค. เพื่อสอบสวนประเด็นดังกล่าวต่อไป
       
       ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รีบออกมายืนยันว่า สิ่งที่นายสุวัตร และ น.ส.อัจฉราแถลงเป็นความเท็จ กุเรื่อง ใช้จินตนาการเพื่อใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ “ผมขอเรียนว่านายสมชาย ไม่ใช่คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่เคยเห็นกันในต่างประเทศ เพราะนายสมชายเป็นคนไทยที่ไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา และมีกิจการขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกไปทั่วโลก พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยสั่งการหรือขอให้นายสมชายไปฆ่านายเอกยุทธ ผมได้ขอให้ทีมทนายไปแจ้งความเอาผิดนายสุวัตร และน.ส.อัจฉรา และทราบว่านายสมชายก็จะไปแจ้งความเอาผิดจนถึงที่สุด”
       
       ขณะที่นายสมชาย จิตปรีดากร ประธานกรรมการบริษัท ทรีวิว จำกัด ได้เข้าพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. โดยยืนยันว่า ตนไม่ได้จ้างฆ่านายเอกยุทธ และไม่เคยรู้จักนายเอกยุทธมาก่อน รวมทั้งไม่รู้จักนายสันติภาพ หรือนายบอลเช่นกัน เพิ่งรู้จากผู้จัดการฝ่ายในบริษัทว่านายสันติภาพเคยมาสมัคร และบริษัทรับเข้าทำงานได้เพียง 1 เดือน ก็ลาออกไป นายสมชาย ยังยืนด้วยว่า ไม่รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว เคยพบในงานเลี้ยงนักธุรกิจเท่านั้น และไม่เคยเข้า-ออกพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด
       
       2. รัฐบาล เตรียมถกปฏิรูป 25 ส.ค. ด้าน ปชป.ซัด แค่ละครการเมือง ขณะที่ “สนธิ” ชี้ ถึงเวลา ปชป.ต้องกล้าทุบหม้อข้าวเพื่อชาติ!

       ความคืบหน้ากรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผุดไอเดียเรื่องสภาปฏิรูป โดยอ้างว่าเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง พร้อมมอบหมายให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ทาบทามบุคคลสำคัญมาร่วมคณะทำงานเพื่อปฏิรูปการเมืองนั้น ปรากฏว่า รัฐมนตรีทั้งสองได้เดินสายทาบทามบุคคลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายคนตอบรับเข้าร่วมแล้ว เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ,นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ,นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ยืนยันว่า การเข้าร่วมของนายพิชัยทำในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค เพราะพรรคเห็นว่า หากรัฐบาลจริงใจปฏิรูปการเมือง ต้องถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ ออกจากสภาก่อน แต่รัฐบาลกลับเดินหน้าใช้เสียงข้างมากในสภาผ่านวาระ 1 ร่างกฎหมายดังกล่าว
       
       ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การเดินสายเชิญบุคคลต่างๆ เข้าร่วมสภาปฏิรูปของรัฐบาลนั้น เป็นละครทางการเมืองเพื่อลดกระแสกดดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเท่านั้น พร้อมเตือนคนที่ถูกทาบทาม ระวังจะตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่กำลังจะออกกฎหมายล้างผิดให้คนที่ฆ่าประชาชน เผาทรัพย์สินของรัฐ-เอกชน และหมิ่นสถาบัน
       
       สำหรับท่าทีของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.) ต่อสภาปฏิรูปของรัฐบาลนั้น นายไทกร พลสุวรรณ โฆษกกองทัพประชาชนฯ ยืนยันว่า ทางกลุ่มจะไม่เข้าร่วม เพราะยึดมั่นในอุดมการณ์โค่นล้มระบอบทักษิณ พร้อมชี้ว่า บุคคลที่รัฐบาลไปทาบทามให้เข้าร่วมสภาปฏิรูป ส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณมาแล้วทั้งสิ้น จึงไม่มีประโยชน์ในการตั้งสภาปฏิรูป
       
       ส่วนกรณีที่รัฐบาลคุยโวว่า ได้เชิญบุคคลสำคัญของต่างประเทศมาให้ความรู้เรื่องการปฏิรูปด้วยนั้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ติดภารกิจ ไม่สามารถมาร่วมเป็นวิทยากรได้ ส่วนผู้ที่มาได้ ได้แก่ นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ,นายมาร์ตี อาห์ติซารี อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ และนางพริซิลลา เฮย์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน โดยทั้ง 3 ท่าน จะมาร่วมปาฐกถาพิเศษ “ผนึกกำลังสู่อนาคตเรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์ ครั้งที่ 1” ที่กระทรวงฯ จะจัดขึ้นในวันที่ 2 ก.ย. ทั้งนี้ มีข่าวสะพัดว่า รัฐบาลทุ่มงบ 20 ล้านเพื่อเชิญนายโทนี แบลร์ มาปาฐกถาพิเศษ แต่นายสุรพงษ์ ปฏิเสธว่า ไม่จริง เป็นการมาด้วยใจ จ่ายแค่ค่ารับรองและค่าที่พักเท่านั้น
       
       ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า การประชุมเรื่องการปฏิรูปการเมืองจะมีขึ้นในวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งเลื่อนจากกำหนดเดิมวันที่ 16 ส.ค. เนื่องจากยังไม่พร้อม สำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมพูดคุยมีจำนวน 50 คนขึ้นไป
       
       ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชี้ทางออกของประเทศ โดยเสนอให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุกคนลาออก แล้วมาเดินเกมการเมืองนอกสภาเพื่อปฏิรูปการเมือง โดยพันธมิตรฯ พร้อมจะร่วมสู้ด้วยนั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกและแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ได้หารือกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคน เกี่ยวกับข้อเสนอของนายสนธิ ซึ่งการพูดคุยเป็นไปด้วยดี แต่ยังไม่มีข้อสรุป
       
       ด้านนายสนธิ ได้พูดผ่านรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” เมื่อวันที่ 16 ส.ค. โดยแนะว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องกล้าเสี่ยงลาออกจาก ส.ส. มั่นใจจะมีมวลชนออกมาร่วมเคลื่อนไหวหลักล้าน ถึงเวลานั้น แม้แต่ทักษิณก็ต้องตกใจ และขอคุยด้วยเพื่อหาทางออกให้ประเทศ “ถ้าคุณทุบหม้อข้าวเนี่ยคุณไม่ต้องเป็นห่วงเลย คนใต้ทุกจังหวัดขนเสื่อขนหม้อขนไหขึ้นมากันหมดเลย คนอีสานก็มา... อย่าว่าแต่แสนคนเลยผมว่าล้านคนยังไม่พอ คุณชุมนุมกันแสดงข้อเรียกร้องคุณจากหน้ารัฐสภา ไม่ต้องถึงหน้ารัฐสภาเอาแค่แยกมิสกวันแถวคุณจะยาวไปถึงสนามหลวง... ผมพนันกับคุณได้ รัฐบาลแม้กระทั่งทักษิณยังต้องตกใจต้องขอเปิดคุยกัน ขอคุยว่าเราจะเอายังไงกับประเทศ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของทักษิณ เป็นเรื่องของคุณแล้ว เป็นเรื่องของประเทศไทย... เมื่อมาคุยกันก็หาทางออก แล้วใครจะบริหารประเทศชาติ ไม่เป็นไร ถวายคืนพระราชอำนาจ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งนายกฯ และรัฐบาลมาดูแลประเทศไทย 2 ปี กำหนดวาระมา แล้วให้รัฐบาลชุดใหม่ตั้งงบประมาณในการที่จะมาสรรหาจัดตั้งระบอบกติกากันใหม่ ที่ให้ทุกคนได้เหมือนกันหมด แล้วจะไม่มีระบบเดรัจฉานในสภาอีก”
       
       นายสนธิ ยังย้ำด้วยว่า ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียสละบ้าง ถ้าไม่ลาออกจาก ส.ส.มานำประชาชน การเปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมืองจะไม่เกิดขึ้น แล้วในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์จะต้องจบลงในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นพรรคที่เล็กลงๆ และถ้าประเทศไทยถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดเมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์คือตัวการ ถ้ายังไม่ออกมา เท่ากับเป็นการยกประเทศให้เขาไป
       
       3. สภา เลื่อนถกร่าง พ.ร.บ.งบ 57 หลังอภิปรายมาราธอน 3 วันไม่จบ ขณะที่ ส.ส.เพื่อไทย ทำฉาว ดูรูปโป๊กลางสภา อ้างมือไปโดน!

       เมื่อวันที่ 14-16 ส.ค. ได้มีการประชุมสภาฯ เป็นกรณีพิเศษ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 วงเงิน 2.525 ล้านล้านบาท โดยเป็นการพิจารณาในวาระ 2 หลังร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านวาระ 1 เมื่อวันที่ 31 พ.ค. และมีการตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญขึ้นมาพิจารณาเป็นเวลา 39 วัน ทั้งนี้ ได้มีการปรับลดงบลงประมาณ 3.1899 หมื่นล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ประเทศ
       
       สำหรับเนื้อหาการอภิปรายที่น่าสนใจ ได้แก่ กรณีที่นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย ขอปรับลดงบลง 5% หรือประมาณ 1.2625 แสนล้านบาท เนื่องจากเห็นว่างบปี 2556 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ยังเบิกจ่ายไม่หมด เหลือมากถึง 1.7 แสนล้านบาท จึงไม่เข้าใจว่ารัฐบาลกั๊กงบไว้ทำไม ไม่นำมาพัฒนาประเทศ “ข้าราชการอยากใช้งบให้หมด แต่ผู้มีอำนาจกั๊กเงินไว้ ฝ่ายค้านก็เอามาใช้ไม่ได้ เห็นใจฝ่ายค้าน ชาวบ้านก็รองบในการพัฒนาแหล่งน้ำ ถนนหนทาง ทั้งการแก้ปัญหาอีกร้อยแปด แต่รัฐบาลก็เอาเงินไปเก็บไว้ ไม่นำมาใช้ตามแผนงาน”
       
       ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ขอปรับลดงบในภาพรวมลง 10% เพราะตราบใดที่ กมธ.ใช้จ่ายงบโดยทุจริต ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอนุมัติงบปี’57 มากขนาดนี้ โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าวที่ปัจจุบันยังมีการทุจริตในรูปแบบเดิม เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครที่เล่นจากนายปาล์มมาเป็นมาดามกง
       
       ด้านนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายขอปรับลดงบกลางลง 0.1% จากที่ตั้งวงเงินไว้ 3.43 แสนล้านบาท เพราะเป็นงบที่สามารถใช้จ่ายเงินได้ตลอด 24 ชม.และมีความไม่ชอบมาพากลที่นายกรัฐมนตรีมีสิทธิอนุมัติงบได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และว่า งบส่วนนี้ควรเป็นงบช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ แต่ในอดีตมีการนำเงินส่วนนี้ 2,000 ล้านบาท ไปจ่ายเยียวยาให้คนเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกคุมขังทั่วประเทศ
       
       ทั้งนี้ หลังอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไปแล้ว 3 วัน ระหว่างวันที่ 14-16 ส.ค.โดยอภิปรายโต้รุ่งถึงเช้าวันที่ 17 ส.ค. แต่การอภิปรายก็ยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องมีผู้อภิปรายจำนวนมาก ดังนั้นหลังที่ประชุมได้อภิปรายและลงมติผ่านงบ มาตรา 17 ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเสร็จสิ้น ประธานจึงได้สั่งปิดประชุมเมื่อช่วงสายวันที่ 17 ส.ค. โดยยังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมครั้งต่อไปในวันใด
       
       เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างประชุมสภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 57 มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ดูรูปโป๊กลางสภาผ่านไอแพด คือ ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ซึ่งหลังถูกผู้สื่อข่าวนำภาพมาเผยแพร่ เจ้าตัวรีบอ้างว่า ใช้ไอแพดไม่ค่อยเป็น และจริงๆ แล้วต้องการหาข้อมูลเรื่องค่าขนส่งข้าวของกระทรวงพาณิชย์ แต่มือได้ไปโดนแถบหัวข้อแฟชั่น ทำให้มีภาพวาบหวิวปรากฏขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียลเน็ดเวิร์ก โดยไม่เชื่อคำอ้างของว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ แต่เชื่อว่าเจ้าตัวจงใจค้นหาในกูเกิลโดยพิมพ์คำว่า “นางแบบสาวสวย” จึงได้ปรากฎภาพโป๊ดังกล่าวขึ้นมา ไม่ใช่เกิดจากมือไปโดนแต่อย่างใด
       
       4. “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ทำลายสถิติคว้าแชมป์โลกคนแรกของไทย-อายุน้อยสุด ด้านต่างชาติยก “สาวน้อยมหัศจรรย์” ขณะที่เจ้าตัว ตั้งเป้าคว้าแชมป์โอลิมปิก!

       เมื่อวันที่ 11 ส.ค. รัชนก อินทนนท์ หรือน้องเมย์ นักตบลูกขนไก่มืออันดับ 3 ของโลกวัย 18 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการแบดมินตันไทย ด้วยการคว้าแชมป์หญิงเดี่ยวในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก “บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2013” ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน หลังเอาชนะสาวเจ้าถิ่น หลี่ เสวี่ยรุย มืออันดับ 1 ของโลกชาวจีน เจ้าของแชมป์โอลิมปิกเกมส์คนล่าสุด 2-1 เกม ด้วยสกอร์ 22-20 ,18-21 และ 21-24
       
        ทั้งนี้ การคว้าแชมป์โลกดังกล่าว ทำให้น้องเมย์ อดีตแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย กลายเป็นนักแบดมินตันที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครอง และยังเป็นนักแบดมินตันคนแรกของไทยที่คว้าแชมป์โลกสำเร็จ หลังจีนครองแชมป์มายาวนานถึง 8 สมัย โดยปีนี้ น้องเมย์คว้าแชมป์แล้ว 3 รายการ คือ แชมป์แบดมินตันชิงแชมป์โลก ,แชมป์โยเน็กซ์ ซันไรส์ อินเดีย โอเพ่น 2013 และแชมป์เอสซีจี ไทยแลนด์ โอเพ่น 2013
       
        เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังคว้าแชมป์โลกดังกล่าวได้ น้องเมย์ได้ประกาศขอยกแชมป์โลกให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขณะที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับน้องเมย์ทันทีที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค. ด้านสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2556 พร้อมมอบรางวัล “ลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่” ให้แก่น้องเมย์ด้วย
       
       ขณะที่สื่อต่างชาติต่างประโคมข่าวน้องเมย์คว้าแชมป์โลกครั้งนี้ พร้อมยกเป็น “สาวน้อยมหัศจรรย์” ด้านน้องเมย์ เผยว่า เป้าหมายต่อไปคือ การคว้าแชมป์โอลิมปิกเกมส์ 2016 ในอีก 3 ปีข้างหน้าให้ได้ ทั้งนี้ หลังคว้าแชมป์โลก 2013 หลายฝ่ายต่างอัดฉีดเงินให้น้องเมย์ รวมแล้วหลายล้านบาท ขณะที่โรงเรียนสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด ต้นสังกัดของน้องเมย์ ก็ได้รับเงินสนับสนุนจากหลายฝ่ายเช่นกัน
       
       ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับน้องเมย์เมื่อวันที่ 13 ส.ค. พร้อมมอบเงินสนับสนุนจากสำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ให้น้องเมย์ 7 แสนบาท พร้อมมอบให้โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด 3 แสนบาท ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผย(12 ส.ค.)ว่า ได้รับน้องเมย์เข้าเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเรียบร้อยแล้ว หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จะบรรจุเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรทันที อย่างไรก็ตาม น้องเมย์ ได้ออกมาปฏิเสธในภายหลังว่า ยังไม่ขอรับตำแหน่งข้าราชการตำรวจ เพราะตอนนี้เพิ่งเรียนอยู่ชั้นปี 1 และต้องฝึกซ้อมเพื่อเป้าหมายขึ้นไปเป็นมือ 1 ของโลก และว่า หากเรียนจบแล้ว ค่อยมาดูอีกทีว่าจะเข้ารับราชการตำรวจหรือไม่
       
       ด้านสหพันธ์แบดมินตันโลก(บีดับเบิลยูเอฟ) ได้ประกาศผลการจัดอันดับโลกประจำสัปดาห์เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งปรากฏว่า น้องเมย์ได้ขยับจากอันดับ 3 ขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ของโลกตามความคาดหมาย โดยมีคะแนนสะสม 78,028.1795 คะแนน เบียดจูเลียน เชงก์ นักหวดชาวเยอรมัน หล่นไปอยู่อันดับ 3 ซึ่งมีคะแนน 73,423.5663 คะแนน ขณะที่หลี่ เสวี่ยรุย สาวจีนที่แพ้น้องเมย์ในรอบชิงหญิงเดี่ยวแบดมินตันชิงแชมป์โลก ยังคงรั้งมือ 1 ของโลกต่อไป ด้วยคะแนนสะสม 85,819.9715 คะแนน


ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 สิงหาคม 2556