ข้อมูลจาก บล๊อก ของคุณปรียานันท์http://thai-medical-error.blogspot.com/2010/10/6.htmlครึ่งหนึ่งผู้ป่วยที่เสียชีวิต เป็นการเสียชีวิตที่ป้องกันได้ = 65,000 คน (1 ต่อ 6)
แหล่งที่มาของข้อมูลรายงานของนายแพทย์สรรธวัช อัศวเรืองชัย ใน การประชุมองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงนิวเดลีระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2549 นำเสนอสถิติข้อมูลสถานการณ์ความปลอดภัยของคนไข้ในประเทศไทย โดยอ้างถึงข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบบันทึกทางการแพทย์ ของโรงพยาบาลหลักขนาดใหญ่ 2 แห่ง พบว่า 10% ของผู้ป่วยในเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ ในจำนวนนั้น 10 % นำไปสู่การเสียชีวิต และครึ่งหนึ่งของภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวสามารถป้องกันได้
จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขไทย : มีผู้ป่วยในทั้งหมด ปี 2552 จำนวน 13 ล้านคน เสียชีวิต397,327 คน ดังนั้นจึงคำนวณได้ว่าจาก 13 ล้านผู้ป่วยในจะเกิดภาวะแทรกซ้อน ร้อยละ10 เป็นจำนวน1.3 ล้านคนนำไปสู่การเสียชีวิต ร้อยละ 10 คิดเป็นจำนวน 130,000 คน ครึ่งหนึ่งยอดผู้เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนที่ป้องกันได้ จึงเป็น 65,000 คนต่อปี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคนไข้ในโรงพยาบาลที่เสียชีวิต 1 ใน 6 คน จะเป็นการเสียชีวิตแบบป้องกันได้
Dr Santawat Asavaroengchai, Bureau of Policy and Strategy, Ministry of Public Health, who also participated in the Technical Discussions on Patienthttp://www.searo.who.int/LinkFiles/Quality_and_safety_in_health_care_HSD-297-First_Regional_Workshop_on_Patient_Safety.pdfA
Report / Page 16 / Safety at the CCPDM in June 2006, described the patient safety situation in Thailand. Based on an audit of medical records at two major hospitals, the prevalence of hospital-related adverse events in Thailand is similar to that prevailing in industrialized countries: 10% of inpatients developed adverse events, 10% of adverse events led to death, and half of the events were preventable.
เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2552
นพ. ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สอบผ่านการรับรองมาตรฐาน คุณภาพผู้ใช้รหัสโรคระดับกลางของกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2552 ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของเจ้าหน้าที่เก็บบันทึกข้อมูล สาเหตุการป่วยการตายของประชาชนในโรงพยาบาลทุกแห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวต่อว่า ข้อมูลดังกล่าวมีความสำคัญมาก ต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขของไทยและระดับโลก ในการนำมาใช้เพื่อวางแผนในการป้องกันเฝ้าระวังโรค และดูแลสุขภาพของประชาชนได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ โดยได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพผู้ลงรหัสโรค และขึ้นทะเบียนรับรองมาตรฐานผู้ลงรหัสโรค ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้สอบผ่านแล้ว 514 คน
ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการลงรหัสโรคผู้ป่วย มากกว่า 1,500 คน โดยในการรวบรวมวิเคราะห์จำนวนและสาเหตุการป่วยและการเสียชีวิตทั่วประเทศ นั้น มีรหัสแยกรายโรครวมกว่า 30,000 รหัส ซึ่งในปี 2552 มีผู้ป่วยใช้บริการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอก 190 ล้านครั้ง เฉลี่ยคนไทยป่วย 2.98 ครั้งต่อคน มีผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล 13 ล้านครั้ง โดยเฉพาะในปี 2551 ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด397,327คน