ผู้เขียน หัวข้อ: แถลงการณ์ กลุ่มแพทย์ สมาพันธ์ รพ.ศ./รพ.ท.(ร.พ.นครปฐม)  (อ่าน 2503 ครั้ง)

pradit

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 322
    • ดูรายละเอียด


เรียน พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาใช้บริการทุกท่าน

          ตามที่ทราบกันดีว่ามี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขฯที่สร้างความขัดแย้งในสังคมอย่างรุนแรงซึ่งผลักดันโดยกลุ่มบุคคลหนึ่ง ประกอบด้วยNGOบาง คน และแพทย์ที่ไม่ได้รักษาคนไข้แล้ว และมีเจตนาที่อยากไปร่วมบริหารกองทุนนี้เป็นที่ตั้งโดยไม่ยอมรับเงื่อนไขว่า ถ้าทำเพื่อประชาชนจริงต้องไม่รับตำแหน่งกรรมการในกองทุนนี้ แสดงถึงความไม่โปร่งใส และไม่บริสุทธิใจตั้งแต่เริ่มแรก

          ข้อเท็จจริงคือกองทุนช่วยเหลือคนไข้ปัจจุบันมีอยู่แล้ว อยู่ใน มาตรา 41 ของ พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ที่มีข้อกำหนดให้กันเงินไว้ได้ปีละ 1% หรือราวหนึ่งพันล้านบาท นำมาช่วยผู้เสียหายจริงเพียง 70 ล้านบาทในปี2552 (เหลือกว่า 900ล้านบาท) ควรมาพิจารณาเพิ่มการช่วยเหลือคนไข้ในทุกกลุ่ม โดยอาจเพิ่มให้คนไข้ได้อีกถึง 10เท่าของเงินก็ยังเหลือเงินเข้ากองกลาง โดยไม่ต้องตั้งกองทุนใหม่

          ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ต้องการสร้างมาโดยอ้างว่าจะลดการร้องเรียน นั้น ไม่เป็นความจริงในทางปฏิบัติ เพราะเนื้อหาส่งเสริมให้ร้องเรียน ผู้ร้องเรียนแล้วจะได้เงินชดเชย โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด การแพทย์เป็นวิทยาศาสตร์ จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ถูกผิด เอาคนผิดมาลงโทษ  หาไม่จะกลายเป็นกองทุนช่วยแพทย์ทุรเวชแทน  แต่ส่งผลกระทบให้แพทย์สุจริตจะต้องไปพิสูจน์คดีที่ศาล   เมื่อรับเงินก้อนแรกแล้วสามารถฟ้องอาญาให้แพทย์ติดคุกได้ แม้จะพิสูจน์ในศาล ว่าแพทย์รักษาถูกต้องก็ใช้เวลาหลายปี ทำให้การรักษาพยาบาลเป็นด้วยความหวาดผวา นำไปสู่การสมองไหลออกจากวิชาชีพไปสู่ที่ปลอดภัยกว่า

ถ้า พ.ร.บ.นี้ออกใช้จริง แพทย์ต้องเปลี่ยนเป็นระบบที่ต่างประเทศใช้ คือ ทำเน้นหลักฐานเตรียมขึ้นศาลได้ทุกราย ต้องใช้เวลาบันทึกมากขึ้นเกินจำเป็นสำหรับคนไข้  ในปัจจุบันการตรวจคนไข้เร็วเป็นเพราะต้องการให้คนไข้ได้รับการตรวจทุกคน  หากกฎหมายบังคับใช้  อาจตรวจต่อวันได้เพียง 30-40ราย ทั้งที่ทุกวันนี้ที่มีการตรวจรักษา 60-200รายต่อแพทย์ต่อวัน   ส่งผลให้สถานการณ์ขาดแคลนในระบบ ยิ่งเลวลงโดยรัฐพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แก้ที่ต้นตอปัญหา  ขาดคน ขาด งบประมาณ  ขาดเครื่องมือแพทย์อย่างเป็นรูปธรรม

ในภาคเอกชน ประชาชนต้องจ่ายมากขึ้น เพราะที่มาของเงินกองทุน เน้นเก็บเงินจากสถานพยาบาล ที่ต้องไปเก็บจากคนไข้เพิ่ม     ส่วนภาครัฐ หากเก็บเงินผู้ป่วยไม่ได้ก็ต้องไปลดต้นทุน เครื่องมือแพทย์ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนยาลงแทน ยาดีที่ราคาสูงอาจไม่มีงบประมาณซื้อมาใช้ในอนาคต รวมถึงลดการจ้างงานแพทย์ พยาบาล ทั้งที่จริงๆยังขาดแคลนอยู่ ผลร้ายจึงตามมามากมาย

ร่าง พ.ร.บ.นี้กำลังจะเข้าสภาผู้แทนราษฎร วาระ 1 ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่ายในกรรมาธิการตามที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ เพราะท่านประกาศจะยุบสภาอยู่แล้ว  ท่านจะผลักภาระให้สภาสมัยหน้าหรืออย่างไร ทั้งนี้จึงควรยับยั้งก่อนเข้าให้นำมาประชาพิจารณ์ให้ประชาชนเข้าใจปัญหาและร่วมกันแก้ไขโดยสิ่งที่สำคัญคือ การขยายความช่วยเหลือคนไข้โดยกลไกเดิมให้คนไข้โดยตรง มิใช่โดยการนำเงินออกมาจาก กฎหมายเดิมมาตั้งกองทุนใหม่ๆที่มีปัญหามากมาย เช่นนี้

ขอวิงวอนรัฐบาลให้เห็นใจ ผู้ป่วย ตลอดจน แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ที่เดินเคียงคู่กันมาได้ถึงทุกวันนี้ อย่าให้ต้องล่มสลายด้วยระบบกองทุนใหม่ และอย่าให้เป็นผลงานที่สร้างในสมัยรัฐบาลพรรคหนึ่งแล้วมาสลายในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยการทิ้งทวนก่อนยุบสภา  เราจำเป็นต้องมอบโบว์ดำเพื่อเตือนสติท่านในวันนี้ ก่อนจะเป็นตราบาปต่อคนไทยทั้งชาติ เพียงขอให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมประชาพิจารณ์แบบมาตรฐานและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายก่อนจะก้าวเดินต่อไป.