พบวัยรุ่นไทยป่องเพียบ กว่า 20% ป่องซ้ำ เกินครึ่งปล่อยบรรยากาศพาไปสู่สวรรค์ อีก 30% พร้อมอ้าขามีเซ็กซ์ มีเพียง 5% ที่ถูกบังคับขืนใจ ชี้ชัดผู้หญิงแสดงออกเรื่องเพศมาก กรมสุขภาพจิตชี้แก้ปัญหาต้องแยกตามกลุ่ม วอนพ่อแม่กล้าคุยกล้าสอนเรื่องเพศ ย้ำวาเลนไทน์โอกาสดีในการสอน จี้ ร.ร. ปรับการเรียน เน้นทักษะชีวิต ไม่ใช่แค่ข้อมูลในตำรา
วันนี้ (11 ก.พ.) พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวในเวที สช. เจาะประเด็น สานพลังสังคม...สกัดท้องวัยทีน จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ว่า อัตราการคลอดของหญิงอายุ 15 - 19 ปี ของไทยถือว่าสูงกว่าค่ามาตรฐาน โดยในปี 2556 สำรวจพบว่า มีสัดส่วนอยู่ที่ 52 คนต่อประชากรหญิงวัยเดียวกัน 1,000 คน สูงกว่าค่ากลางคือ 50 คนต่อประชากรหญิงวัยเดียวกัน 1,000 คน โดยพบมากในพื้นที่ กทม. ทั้งนี้ จากการสอบถามพบว่า สามารถแบ่งหญิงวัยรุ่นตั้งครรภ์เป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ถูกฝ่ายชายใช้กำลังบังคับ ร้อยละ 5 2. กลุ่มที่เลือกมีเพศสัมพันธ์เอง มีลักษณะยินยอมพร้อมใจ ร้อยละ 30 และ 3. กลุ่มที่ปล่อยให้บรรยากาศพาไป คือ ไม่ได้ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ แต่ด้วยบรรยากาศอีกร้อยละ 70 ซึ่งช่วงวันวาเลนไทน์จะพบกลุ่มนี้มาก เนื่องจากเทศกาลและบรรยากาศชักจูงง่าย
การป้องกันต้องพิจารณาเป็นกลุ่มๆ โดยกลุ่มแรกที่ถูกบังคับนั้น มักเป็นกลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อ่อนแอ และเรียบร้อย หากประมาท หรือไว้ใจคนมากเกินไป ก็มีโอกาสถูกล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนกลุ่มพร้อมใจมีเซ็กซ์ เราต้องให้ความรู้ในการป้องกันตัวเองจากโรคทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ เพราะหากจะห้ามอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ ต้องให้ตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมา และกลุ่มสุดท้ายที่ปล่อยให้บรรยากาศพาไป สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่อยู่กันสองต่อสอง หรือต้องรู้จักปฏิเสธ หักห้ามใจ และคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพ่อแม่ต้องรู้จักสื่อสารให้เป็นและกล้าที่จะคุยเรื่องเพศกับลูก โดยต้องหาโอกาสที่ดีในการสอน ซึ่งในเทศกาลวาเลนไทน์ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ส่วนการสอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียน อยากให้มีการปรับ เนื่องจากที่ผ่านมาสอนแต่ข้อมูลตามหลักสูตร คงช่วยไม่ได้มาก ต้องเน้นสอนวิธีรับมือ ทักษะในการใช้ชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความร่วมมือต่างๆ อย่างการอบรมครูในการสอนเด็กนักเรียนเรื่องนี้โดยเฉพาะ เป็นต้น
ปัญหาสำคัญคือ วัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปี มีการตั้งครรภ์ซ้ำถึงร้อยละ 20 จึงต้องมีมาตรการในการดูแลป้องกันอย่างบูรณาการ ทั้งการจัดบริการวัยรุ่น มีคลินิก หรือบริการที่เป็นมิตร โดยทุกอย่างต้องเริ่มจากพ่อแม่ในการสอนและรับฟัง อย่างที่ผ่านมามีเด็กมาปรึกษาเรื่องเพศ ยกตัวอย่างเด็กผู้ชายบอกว่ารู้สึกอึดอัดที่แฟน (ผู้หญิง) ขอมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีโอกาส ขณะที่เด็กผู้ชายอีกคนบอกว่า อยากฆ่าตัวตาย เพราะถูกฟันแล้วทิ้ง ซึ่งตรงนี้ทำให้เห็นว่าผู้หญิงมีการแสดงออกมากขึ้น สิ่งสำคัญต้องมีการสอนอย่างถูกวิธี เพราะไม่แค่นั้น ปัจจุบันผู้ชายก็มีความรุนแรงมากขึ้นด้วย พญ.พรรณพิมล กล่าว
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กุมภาพันธ์ 2558
