แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - story

หน้า: 1 ... 560 561 [562] 563 564 ... 653
8416
รมช.สาธารณสุขลงพื้นที่ล้างตลาดสดยิ่งเจริญ มอบอุปกรณ์และชุดสาธิตล้างตลาดมอบผู้ประกอบการ เร่งล้างตลาดสดจมน้ำทั่วประเทศ เหลือ 68 แห่งรอดำเนินการ...

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า เนื่องจากสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ “รวมพลังคืนสุขภาพดี สู่ประชาชน” และจากสถานการณ์น้ำท่วมมีตลาดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งต้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูหลังน้ำลด เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชน และป้องกันไม่ให้ตลาดเป็นแหล่งสะสม แพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งจากการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ตลาดถูกน้ำท่วม 14 จังหวัด รวมจำนวน 95 แห่ง ยังคงจมน้ำ 68 แห่ง กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 27 แห่ง และดำเนินการฟื้นฟูโดยการล้างตลาดตามหลักการสุขาภิบาล 22 แห่ง และยังมีตลาดที่ปิดกิจการชั่วคราวเพื่อปรับปรุงตลาดให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อของกรมอนามัย จำนวน 2 แห่ง         

"วันนี้ได้เริ่มล้างตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ ซึ่งเป็นตลาดสดที่ได้รับรองมาตรฐานตลาดสดน่าซื้อระดับดีมาก และเป็นตลาดขนาดใหญ่ลำดับต้นๆ ของกรุงเทพมหานคร มีแผงค้าขายกว่า 1,500 แผง ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2554 ขณะนี้ระดับน้ำได้ลดลง กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครและผู้ประกอบการค้า รณรงค์ล้างตลาดตามหลักสุขาภิบาล พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์ ชุดสาธิตการล้างตลาดให้กับผู้ประกอบการค้า เพื่อทำความสะอาดร้านค้า แผงจำหน่ายอาหาร และมอบถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด แก่ผู้ประกอบการค้าและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ใกล้เคียง" นายต่อพงษ์ กล่าว.

ไทยรัฐออนไลน์ 30 พย 2554

8417


เพลง  ผู้ปิดทองหลังพระ
ศิลปิน  คาราบาว

คำร้อง / ทำนอง : ยืนยง โอภากุล

เมื่อมายุ 19 พรรษา    ทวยไทยทั่วหล้ากราบบังคมทูล
โดยบุญญาบารมีเป็นที่ตั้ง   ถึงกระนั้นยังไม่พอ
พระราชกรณียกิจ    หนักหน่วงเหน็ดเหนื่อยปานใดไม่ท้อ
ประเทศไทยมีวันนี้หนอ   ก็ใครเล่าพระเจ้าแผ่นดิน

พระองค์ทรงเสียสละเพียงไหน  มีใครได้เห็นได้ยิน
ก็ใครหนอใครดวงใจใฝ่ถวิล   เป็นผู้ปิดทองหลังพระ
ผู้ปิดทองหลังพระ    ผู้ปิดทองหลังพระ

65 ปี ทำเพื่อราษฏร์    ทวยไทยทั้งชาติสมควรภาคภูมิ
มีพระมหากษัตริย์เฝ้าคอยห่วงใย  ทุ่มเทพระวรกายเพื่อเรา
ค้นคิดแนวทางพระราชดำริ   ตลอดการครองราชย์อันยืนยาว
ในน้ำมีปลาในนามีข้าว    ล้นเกล้าชาวไทยมีพระองค์ท่าน

พระองค์ทรงเสียสละเพียงไหน  มีใครเห็นใจสงสาร
ก็ใครหนอใครค่ำเช้าเฝ้าทรงงาน  เป็นผู้ปิดทองหลังพระ
ผู้ปิดทองหลังพระ    ผู้ปิดทองหลังพระ

* พระบาทสมเด็จพระปรมินทร   มหาภูมิพล อดุลยเดช
   มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
   ทรงสถิตย์เหนือเกล้าชาวไทย  เป็นดวงใจของแผ่นดิน
   ทรงสถิตย์เหนือเกล้าชาวไทย  ศูนย์รวมใจแผ่นดิน

(ซ้ำ *)
ศูนย์ดวงใจแผ่นดิน

(ซ้ำ *)
ศูนย์รวมพลังแห่งแผ่นดิน

ลิงค์ MV
http://www.youtube.com/watch?v=gsKCFpOICqM

8418
“เผดิมชัย” สั่งการบ้าน สปส.ศึกษาตั้ง “กองทุนช่วยเหลือสังคม” เล็งผนึกโรงเรียนแพทย์ ผลิตแพทย์-พยาบาล พร้อมขอเป็นหุ้นส่วน รพ. จัดมุมบริการรักษาพยาบาลโรคที่เกิดจากการทำงานโดยเฉพาะ เล็งเจรจา รพ.ในระบบประกันสังคมขอลดค่ารักษา
       
       วันนี้ (28 พ.ย.) นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) กล่าวว่า ภายหลังการหารือกับนพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงานและประธานคณะกรรมการประกันสังคม (สปส.) และนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เกี่ยวกับเรื่องระบบการจ่ายเงินค่ารักษา พยาบาลโรงพยาบาลที่อยู่ในระบบประกันสังคม ว่า ได้มอบให้สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ ไปรวบรวมข้อมูลความรุนแรงหนักเบาในแต่ละโรค และความยากง่ายในการรักษา เพื่อนำมาคำนวณอัตราค่ารักษาพยาบาลของโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับระบบกล่องเสียง ฯลฯ และนำไปหารือกับโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคเหล่านี้ ซึ่งอยู่ในระบบประกันสังคม เพื่อเจรจาขอลดหย่อนเงินค่ารักษาพยาบาลด้วย

       รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ตนยังมีแนวคิดที่จะให้ สปส.จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือสังคม โดยจัดโครงการความร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ต่างๆ เพื่อให้ทุนเด็กเรียนเก่งมาเรียนด้านแพทย์และพยาบาล ประเดิมปีแรก 100 ทุน โดยการให้ทุนเป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ 1.การให้เด็ก ม.ปลาย มาเรียนต่อด้านแพทย์และพยาบาล จนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และ 2.การให้ทุนบัณฑิตแพทย์ไปเรียนต่อเฉพาะทาง ทั้งนี้ เมื่อเรียนจบแล้วก็จะประสานไปยังโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม เพื่อจัดตั้งมุมรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน เช่น โรคหูตาคอจมูก โรคระบบทางเดินหายใจ โรคไต ฯลฯ และ สปส.จะเข้าไปร่วมหุ้นกับโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม 5-10% รวมถึงซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องฟอกไต เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับการบริการอย่างเต็มที่ โดยมีแพทย์เฉพาะทางซึ่งเป็นนักเรียนทุนของ สปส.คอยดูแล อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงพยาบาลต้นแบบของประกันสังคม เนื่องจากการบริหารงานยุ่งยาก และต้องใช้งบประมาณเยอะ

 “แต่ละปี สปส.เหมาจ่ายค่ารักษาให้แก่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก แต่ผมยังคิดว่า สปส.น่าจะสร้างคุณค่าให้แก่สังคมบ้าง ซึ่งการสร้างโรงพยาบาลของ สปส.ขึ้นมาใหม่ ต้องใช้งบประมาณมาก แถมยุ่งยากในการบริหารงาน ทั้งงบประมาณและบุคลากร ขณะที่แพทย์และพยาบาลยังมีปัญหาขาดแคลนอยู่ ถ้าให้ทุนผลิตแพทย์และพยาบาลจะเป็นประโยชน์มากกว่า อย่างไรก็ตาม ได้ให้ สปส.ไปศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึงเรื่องของกฎหมาย และเสนอกลับมาเร็วที่สุด” รมว.แรงงาน กล่าว

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554

8419
ครม.อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการ-คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายตำแหน่ง “พระนาย” นั่งประธานบอร์ดไฟฟ้านครหลวง “วัลลภ พลอยทับทิม” อดีตปลัด พม.ที่เคยโดนร้องเรียนเรื่องทุจริตและชู้สาว นั่งประธาน กพท.ในสังกัดกระทรวงท่องเที่ยว
       
       วันที่ 29 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมติเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการ ดังนี้ ครม.อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ 2.นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 3.นายนิทัศน์ ภู่วัฒนกุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
       
       แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ก.ต่างประเทศ
       
       ครม.อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 7 รายในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศจำนวน 5 ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ประกอบด้วย 1.นายปสันน์ เทพรักษ์ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 2.นายจักริน ฉายะพงศ์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมพิธีการทูต 3.นายบรรสาน บุนนาค อธิบดีกรมพิธีการทูต ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ 4.นายธฤต จรุงวัฒน์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล 5.นางสาวทัศนาวดี เมี้ยนเจริญ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย 6.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย และ 7.นายมารุต จิตรปฏิมา เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
       
       ตั้ง กก.ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค-กก.การประปานครหลวง
       
       ครม.อนุมัติแต่งตั้งตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอแต่งตั้งรองศาสตราจารย์ ประภาษ ไพรสุวรรณา รองศาสตราจารย์ระดับ 9 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทน นายสุกิจ เจริญรัตนกุล ที่ลาออก
       
       นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติแต่งตั้งตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอแต่งตั้ง นางวิภารัตน์ อัศววิรุฬหการ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
       
       ตั้ง คณะ กก.การไฟฟ้านครหลวง
       
       ครม.อนุมัติแต่งตั้งตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวงชุดใหม่ จำนวน 14 คน ประกอบ 1.นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย 2.นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 3.นายถวัลย์วงศ์ ธีระวิทยภิญโญ กรรมการผู้จัดการ โรงแรม ซีนิท (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 4.นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 5.นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 6.นายภาณุ อุทัยรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 7.ศาสตราจารย์ ธีรวุฒิ บุณยโสภณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 8.นายจุมพล สำเภาพล รองปลัดกรุงเทพมหานคร 9.พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 10.นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ อัยการพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด 11.นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 12.เรืออากาศเอก ศิริเดช จุลเปมะ อดีตกัปตัน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (อยู่ในบัญชีรายชื่อฯ) 13.นายเถลิง อยู่บำรุง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอสส์บ๊อกซิ่ง 2000 จำกัด และ 14.นายเดชบุญ มาประเสริฐ ประธานกรรมการ บริษัท ดูอิ้งเวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป ส่วนกรณีนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
       
       ตั้ง กก.ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
       
       ครม.อนุมัติแต่งตั้ง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งนายยงยุทธ กปิลกาญจน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) แทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
       
       แต่งตั้ง กก.บริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
       
       ครม.อนุมัติแต่งตั้งตามที่ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (กพท.) เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ลาออก ประกอบด้วย นายวัลลภ พลอยทับทิม เป็นประธานกรรมการ นายเฉลิมพร พิรุณสาร นายสมชัย เพียรสถาพร นายสุรินทร์ ประสิทธิ์หิรัญ นายพลทิตย์ ภุกพิบูลย์ และ รองศาสตราจารย์ วินัย ล้ำเลิศ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยให้เริ่มวาระการดำรงตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
       
       ตั้งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
       
       ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง นายชัยภัฎ สมบูรณ์ดำรงกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ทั้งนี้ นายชัยภัฎ จะต้องลาออกจากการเป็นพนักงานขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ก่อนวันที่ลงนามในสัญญาจ้าง
       
       ตั้งกรรมการผู้แทน ก.เกษตรและสหกรณ์
       
       ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง นายชวลิต ชูขจร ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แทน นายเฉลิมพร พิรุณสาร ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
       
       ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
       
       ครม.อนุมัติตามที่ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี 2.นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ 3.นายชาญวิทย์ เอนกสัมพันธ์ 4.นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง 5.นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล 6.นายโฆสิต สุวินิจจิต 7.พลตำรวจโท รชต เย็นทรวง และ 8.นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นไป
       
       เปลี่ยนรายชื่อประธานกรรมการและกรรมการองค์การอิสระฯ
       
       ครม.รับทราบตามที่คณะกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (กอสส.) เสนอการเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการและกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต ผู้แทนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการด้านสถาบันอุดมศึกษาด้านทรัพยากรธรรมชาติ เป็นประธานกรรมการโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
       
       นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พยอม รอตมงคลดี ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เป็นกรรมการสถาบันอุดมศึกษาด้านทรัพยากรธรรมชาติ พลตำรวจตรี ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์ ผู้แทนจากแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการด้านองค์การเอกชนด้านสุขภาพ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป และ นายกฤษฎา ให้วัฒนานุกูล ผู้แทนจากมูลนิธิประชาคมราชบุรี เป็นกรรมการด้านองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อทราบทั่วกันต่อไป
       
       ตั้งข้าราชการ ก.แรงงาน
       
       ครม.อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ประกอบด้วย นายปกรณ์ อมรชีวิน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง นายพานิช จิตร์แจ้ง รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และ นายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

ASTVผู้จัดการออนไลน์    29 พฤศจิกายน 2554

8420
รัฐสภาทิ้งทวนมีมติเอกฉันท์ 511 เสียง ให้ความเห็นชอบพ.ร.บ. 24 ฉบับ เปิดทางครม.ดำเนินการต่อไป พร้อมผ่านกรอบเจรจาเศรษฐกิจ 3 ฉบับรวด
 
 วันนี้ (28 พ.ย.) ตั้งแต่เวลา 11.30 น. ได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยมี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีวาระการพิจารณาให้ความเห็นชอบพิจารณาร่างพระราชบัญญติ (พ.ร.บ.) ที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ และยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 วรรคสอง ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอยืนยันจำนวน 24 ฉบับ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ... ร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ... ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่..) พ.ศ... ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ... และ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากระบบบริการสาธารณสุข พ.ศ... เป็นต้น หลังการอภิปรายอย่างกว้างที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ 511 เสียง ให้ความเห็นชอบทั้ง 24 ฉบับ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป
   
  หลังจากนั้นที่ประชุมยังได้ให้ความเห็นชอบพิธีสารฉบับที่ 2 เพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย พิธีสารเร่งเปิดเสรีทางการค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างไทย-เปรู และกรอบการเจรจาต่อเนื่องภายใต้ความตกลงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น สำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ
   
  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไป จากนั้น พล.อ.ธีรเดช มีเพียร รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 17.20 น.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554
...........................................................

28 พ.ย. 54 - ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเป็นเอกฉันท์ให้รัฐสภาดำเนินการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ค้างอยู่จากสภาชุดที่แล้ว ทั้ง 24 ฉบับ โดยจะมีการพิจารณาต่อในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. นี้

ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้รัฐสภาดำเนินการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ค้างอยู่จากสภาชุดที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 153 วรรคสอง จำนวน 24 ฉบับ โดยจะมีการพิจารณาต่อในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 21 ธ.ค.54 - 18 เม.ย.55   ประกอบด้วย
1.ร่าง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ...,
2.ร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ...,
3.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่..) พ.ศ...,
4.ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค (ฉบับที่..) พ.ศ...,
5.ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองภูเก็ต พ.ศ...,
6.ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองเพชรบุรี พ.ศ...,
7.ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองนครสวรรค์ พ.ศ...,
8.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่..) พ.ศ...,
9.ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาศาลแขวง (ฉบับที่..) พ.ศ...,
10.ร่าง พ.ร.บ.ความร่วมือระหว่างประเทศในทางแพ่งเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิควบคุมดูแลเด็ก พ.ศ...,
11.ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินประจำ ตำแหน่ง และประโยชน์แทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจกาแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่..) พ.ศ...,
12.ร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ...,
13.ร่าง พ.ร.บ.สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ...,
14. ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ...,
15.ร่าง พ.ร.บ.สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ...,
16.ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ...,
17.ร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย พ.ศ...,
18.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ...,
19.ร่าง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..,
20.ร่าง พ.ร.บ.ตั้งจังหวัดฝาง พ.ศ. ..,
21.ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ...,
22.ร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ...,
23.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... และ
24.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากระบบบริการสาธารณสุข พ.ศ...

เรณู เขมาปัญญา / ข่าว / เรียบเรียง
radioparliament.net
.................................................

8421
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ห้องพิจารณาคดี 10 ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธ ศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่ นายธวัชสิทธิ์ และนางธัญญพัฒน์ ตวงสินกุลบดี สามีภรรยา และเป็นบิดามารดา นายพีรวีร์ ตวงสินกุลบดี ผู้ตาย เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทโรงพยาบาล (รพ.) ศิครินทร์ ที่ 1 บริษัทโรงพยาบาลไทยนครินทร์ ที่ 2 นพ.ดำรงค์ ประกายทิพย์ นพ.สุทธิศักดิ์ ไชยอัชนรัตน์ และ นพ.หิรัญย์ ศรีจินไตย แพทย์ รพ.ไทยนครินทร์ เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายในฐานะผู้บริโภค เรียกค่าเสียหาย 31.2 ล้านบาท

คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2552 ด.ญ.ชญาณ์พิศา โฆษิตเบ็ญจพล ป่วยเป็นไข้หวัด 2009 และเข้ารักษาโรงพยาบาลศิครินทร์ โดยนายพีรวีร์ ลูกพี่ลูกน้องกับ ด.ญ.ชญาณ์พิศา ได้แวะไปเยี่ยมดูแลเป็นประจำ จนนายพีรวีร์ต้องเข้ารักษาตัวในวันที่ 24 มิถุนายน 2552 เนื่องจากมีอาการตัวร้อนและไอ โดยมีจำเลยที่ 3 เป็นผู้รักษา และให้กลับบ้าน ทั้งๆ ที่อาการยังไม่ดีขึ้น จนญาติต้องส่งโรงพยาบาลศิครินทร์ อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ญาติขอให้จำเลยที่ 4 เป็นผู้รักษาแทนพบว่าเป็นปอดบวม เมื่อเอกซเรย์ปอดเป็นฝ้าขาว แล้วอุทานว่าอาจารย์ (จำเลยที่ 3) ปล่อยกลับไปได้ยังไง จากนั้นจำเลยที่ 4 จึงเดินมาแจ้งญาติว่าจะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ เนื่องจากมีแพทย์เฉพาะทางโดยไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสหวัด 2009 ต่อมาจำเลยที่ 5 ได้วินิจฉัยว่านายพีรวีร์เป็นโรคปอดบวมและไม่ได้ซักประวัติโรคหวัด 2009 เมื่ออาการไม่ดีขึ้นญาติขอย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จนนายพีรวีร์ ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงฟ้องเรียกค่าเสียหายรวม 31.2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเบิกความขัดแย้งกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะพยานโจทก์ปาก นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ของกระทรวงสาธารณสุข ที่เบิกความรับว่า จำเลยที่ 3-5 ซึ่งเป็นแพทย์ของโรงพยาบาล จำเลยที่ 1 และ 2 ได้ทำการตรวจรักษาผู้ตายตามหลักการแพทย์และได้นำน้ำมูกซึ่งเป็นสารคัดหลั่งของผู้ตายส่งไปตรวจพิสูจน์เพื่อหาเชื้อเอช 5 เอ็น 1 ซึ่งผลออกมาเป็นลบ อีกทั้งแพทย์ รพ.บำรุงราษฎร์ ก็ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตายว่าเนื่องจากปอดวายเฉียบพลัน ไม่ใช่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตเพราะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำเลยทั้งห้าจึงไม่จำต้องรับโทษฐานกระทำการประมาทในการตรวจรักษา พิพากษายกฟ้องและให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแก่จำเลยทั้งห้ารวมเป็นเงิน 1 แสนบาท ภายใน 30 วันหลังจากศาลมีคำพิพากษา

ภายหลัง นางธัญญพัฒน์  มารดาผู้ตาย กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวน้อมรับผลคำพิพากษาของศาล และยืนยันจะขอต่อสู้คดีต่อไปให้ถึงที่สุดเพื่อทวงความยุติธรรมเพราะยังเชื่อว่าต้องสูญเสียลูกชายไปเพราะการตรวจรักษาที่ขาดความรอบคอบของแพทย์ 

มติชนออนไลน์ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

8422
 พบยารักษามะเร็งเม็ดเลือด Gilvec ขอรับสิทธิบัตรที่มีลักษณะไม่มีวันสิ้นสุด ถึง 6 คำขอ หวังสิทธิบัตรผูกขาดยาวถึงปี 69
       
       ภญ.ดร.อุษาวดี มาลีวงศ์ ทีมวิจัย “สิทธิบัตรยาที่จัดเป็น evergreening patent ในประเทศไทย และการคาดประมาณผลกระทบที่เกิดขึ้น” ได้เปิดเผยความคืบหน้าของการวิจัย พบว่า ยาตัวสำคัญๆหลายตัวที่จำเป็นต่อการรักษาโรค มีคำขอสิทธิบัตรที่เข้าข่ายการขอรับสิทธิบัตรที่มีลักษณะ evergreening หรือเรียกว่า สิทธิบัตรที่มีลักษณะแบบไม่มีที่สิ้นสุด เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากได้รับสิทธิบัตรไป อุตสาหกรรมยาข้ามชาติจะได้สิทธิผูกขาดมากไปกว่าที่ควรได้ โดยในยาบางตัวพบว่าจะมีระยะเวลาการผูกขาดในตลาดยานานขึ้นถึง 10 ปี
       
       “เราพบว่า ยา Imatinib หรือชื่อทางการค้าคือ ยา Glivec ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ก่อนหน้านี้ อยู่ในกลุ่มการประกาศบังคับใช้สิทธิ (CL) มีคำขอรับสิทธิบัตรของยาตัวนี้ในประเทศไทยถึง 6 คำขอ ทั้งการใช้, การขอในรูป salt form และการขอในรูปของ polymorph ซึ่งอยู่ในข่ายที่เป็น evergreening ชัดเจน หากเทียบกับสิทธิบัตรตัวตั้งต้นของสหรัฐอเมริกา ยาตัวนี้น่าจะหมดสิทธิบัตรในไทยในปี 2559 แต่หากคำขอสิทธิบัตรแบบ evergreening เหล่านี้ได้รับการอนุมัติ ผู้ขอจะได้สิทธิผูกขาดทำให้ไม่มีใครสามารถผลิตยาชื่อสามัญเข้ามาแข่งได้จนถึงปี 2569 ซึ่งมากกว่าสิทธิที่พึงจะได้ถึง 10 ปี อย่างไรก็ตาม คำขอเหล่านี้พ้นระยะเวลาที่จะนักวิจัยและภาคประชาชนจะสามารถทำคำคัดค้านได้ เพราะตามกฎหมายในบ้านเรานั้นกำหนดระยะเวลาในการคัดค้านก่อนการได้รับสิทธิบัตรไว้เพียง 90 วัน ซึ่งถือว่าน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับกฎหมายสิทธิบัตรในต่างประเทศ เราจึงทำได้เพียงนำส่งข้อมูลให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาและแจ้งต่อสาธารณชน”
       
       ด้าน นส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล ทีมวิจัยฯ กล่าวว่า ยากลีเวคกำลังกลับมาเป็นที่สนใจของสาธารณะอีกครั้ง เพราะในวันพรุ่งนี้ (29) ศาลสูงสุดของอินเดียจะเริ่มการไต่สวนคดีที่ บ.โนวาร์ติส กล่าวหารัฐบาลอินเดียทำผิดรัฐธรรมนูญ ไม่แก้กฎหมายสิทธิบัตรให้เป็นไปตามองค์การการค้าโลก หลังจากที่สำนักงานสิทธิบัตรอินเดียปฏิเสธที่จะให้สิทธิบัตรกับคำขอที่เป็น evergreening ในยาตัวนี้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีนวัตกรรมที่สูงขึ้น
       
       “คดีนี้มีความสำคัญต่อการเข้าถึงยาของประชาชนทั่วโลก เพราะการยอมให้จดสิทธิบัตรในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย จะส่งผลกระทบมหาศาล โดยไปขัดขวางยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด และนำไปสู่การเข้าไม่ถึงยาของประชาชนในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังจำกัดการวิจัยเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าด้านเภสัชศาสตร์ซึ่งเป็นผลกระทบตั้งแต่ต้นน้ำด้วย ซึ่งนี้เป็นข้อสรุปที่สะท้อนในงานวิจัยเรื่องสิทธิบัตรที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่ทำใน 5 ประเทศ คือ อาร์เจนตินา บราซิล โคลอมเบีย อินเดีย และ แอฟริกาใต้ ของสถาบันเซาท์เซ็นเตอร์ สถาบันวิชาการด้านการค้าระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ซึ่งเพิ่งเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้”
       
       ทีมวิจัยฯกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้มีการแถลงผลการวิจัยเบื้องต้นในคำขอสิทธิบัตรทางยาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เข้าข่าย evergreening ถึงร้อยละ 96 นั้น ทางเครือข่ายผู้ป่วยและทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เชิญทีมวิจัยไปให้ข้อมูลเพื่อทำความรู้ความเข้าใจกับเรื่องนี้มากขึ้น
       
       “ทราบมาว่า ขณะนี้ทางสมาคมบริษัทยาข้ามชาติ หรือ พรีม่า ก็พยายามที่จะขอเข้าไปให้ข้อมูลกับกรมทรัพย์สินฯ ว่า สิ่งที่เขาขอนั้น เป็นนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่เดิม (Incremental Innovation) ซึ่งก็เป็นสิทธิของทางพรีม่าในการให้ข้อมูล แต่เราเชื่อว่าขณะนี้หน่วยราชการและผู้กำกับนโยบายมีความตระหนักถึงปัญหาการผูกขาดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกินเลย ก็ต้องฝากทั้งผู้กำกับนโยบายและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เนื่องจากจะมีผลกระทบที่เกิดกับการเข้าไม่ถึงยาของประชาชนทั้งประเทศ”

ASTVผู้จัดการออนไลน์    29 พฤศจิกายน 2554

8423
 สบส.ประเมินโรงพยาบาลที่เสียหาย เซ่นมหาอุทกภัย 561 แห่ง เบื้องต้นพบมูลค่าเสียหาย 340 ล้าน รพ.อยุธยา หนักสุดพุ่ง 160 ล้าน ห่วงห้องผ่าตัด ห้องคลอด ไอซียู เปื้อนเชื้อรา กำชับทุกแห่งเร่งดูแล
       
       นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงแผนการฟื้นฟูสถานบริการสาธารณสุขหลังน้ำลด ว่า ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ ถือเป็นมหาอุทกภัยที่ถือว่ารุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อสถานบริการสาธารณสุข (สธ.) ขนาดใหญ่ถึงขั้นปิดบริการหลายแห่ง โดยมีโรงพยาบาล (รพ.)ได้รับความเสียหายทั้งหมด 561 แห่ง เป็นโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ. รพท.) 16 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 70 แห่ง และที่เหลืออีก 468 แห่ง เป็น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โรงพยาบาลสังกัดกรมต่างๆ และสังกัด กทม.โดยเบื้องต้นได้สำรวจความเสียหายใน รพ.11 แห่ง มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 340 ล้านบาท แค่ รพ.พระนครศรีอยุธยา แห่งเดียวเสียหายราว 160 ล้านบาท และยังมี รพช.ที่ประเมินเบื้องต้นในพื้นที่เสียหาย 70 แห่ง ประมาณ 50 ล้านบาท
       
       นพ.สมชัย กล่าวอีกว่า ในการซ่อมแซมสถานพยาบาลที่ได้รับความเสียหายนั้น เมื่อประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมดเสร็จสิ้น จะเสนอของบประมาณตามแผนปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากอุทกภัยของรัฐบาล และในส่วนของสถานพยาบาลที่มีความเสียหายต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็น รพ.สต.ประมาณ 400 แห่ง จะประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในแต่ละพื้นที่เพื่อขอให้ประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด วิทยาลัยอาชีวศึกษา หรือมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ในการเข้าไปประเมินความเสียหายและรายงานกลับมายังกรม ซึ่งหากต้องการความช่วยเหลือด้านใดสารมารถประสานยังกรมได้
       
       อธิบดีกรม สบส.กล่าวด้วยว่า ในระหว่างการซ่อมแซม ฟื้นฟูสถานพยาบาลที่ได้รับความเสียหาย สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้ คือ ระบบปลอดการติดเชื้อ ซึ่ง รพ.จะต้องมีการดูแลความสะอาดและการป้องกันการติดเชื้อ ในการฟื้นฟูจึงทำได้ยากกว่าการฟื้นฟูบ้านทั่วไป โดยเฉพาะในห้องไอซียู ห้องคลอดและห้องผ่าตัด ซึ่งความชื้นจากน้ำที่ท่วมขัง ทำให้มีเชื้อรา อาจเป็นอันตรายได้
       
       สำหรับ รพ.ที่เสียหาย 11 แห่ง ได้แก่
รพ.พระนครศรีอยุธยา, รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์, สสจ.ปทุมธานี, สสจ.พระนครศรีอยุธยา, วิทยาลัยพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์, รพ.นพรัตน์ราชธานี กรมการแพทย์, สถาบันธัญยารักษ์ กรมการแพทย์, สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต, รพ.ปทุมธานี, รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี และ รพ.สระบุรี

ASTVผู้จัดการออนไลน์    29 พฤศจิกายน 2554

8424
 วิกฤตของมหาอุทกภัยในประเทศครั้งนี้ จะส่งผลให้เกิดวิกฤตต่างๆ ตามมาอีกหลายประการ หนึ่งในวิกฤตที่จะกระทบกับผู้คนส่วนใหญ่ก็คือเรื่องอาหาร ที่นาแหล่งผลิตข้าวหลายแสนไร่ สัตว์เลี้ยง พืชสวนผักผลไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำล้มตาย กว่าจะฟื้นตัว กว่าผลผลิตจะผลิดอกออกผลให้เป็นอาหารของผู้คนในสังคม จะต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน แต่สังคมไทยยังมีความโชคดีที่เรามีแหล่งอาหารโปรตีนตามธรรมชาติอยู่อีกมากโดยเฉพาะกุ้ง หอย ปู ปลา จากแหล่งน้ำ โดยเฉพาะจากทะเล การเร่งกู้วิกฤตของทะเลไทยจึงเป็นหนึ่งในการกู้วิกฤตแหล่งอาหารที่สำคัญ โดยเฉพาะแหล่งอาหารโปรตีนของสังคมจากทะเล
       
        โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญของร่างกาย ปกติร่างกายของคนเรา จะต้องการโปรตีนแตกต่างกันไปแล้วแต่ช่วงวัย เช่น ในวัยเด็กจะต้องการโปรตีนสูง 1.2 - 1.5 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในผู้ใหญ่ 0.8-1 กรัม /กิโลกรัม/วัน  มีการศึกษาจากการเปรียบเทียบเกี่ยวกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ในชาวเอสกิโม เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไป พบว่าชาวเอสกิโมมีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไปเพราะว่าชาวเอสกิโมรับประทานปลามากกว่าคนทั่วๆ ไป จึงทำให้ได้รับสารอาหารจากปลามากกว่า ซึ่งปลามีสารอาหารที่จะมีฤทธิ์ลดกรดของเกร็ดเลือด และลดไตรกลีเซอไรด์ได้ดี ทำให้คนมีความสนใจแหล่งโปรตีนที่ได้จากสัตว์น้ำโดยเฉพาะกุ้ง หอย ปู ปลา ในทะเลมากขึ้น
       
        นักวิชาการได้ศึกษาและให้น้ำหนักแหล่งอาหารโปรตีนที่จำเป็นและสำคัญต่อร่างกายเอาไว้คร่าวๆ ว่า โปรตีนที่ร่างกายของคนเราได้จากไข่ 94 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 100) จากนม/ผลิตภัณฑ์นม 82 คะแนน จากปลา 80 คะแนน เนื้อสัตว์ 68 คะแนน ถั่วเหลือง 61 คะแนนและจากเมล็ดพืชต่างๆ 37-58 คะแนน ซึ่งเมื่อเรามาพิจารณาโปรตีนที่สังคมไทยบริโภคหลักๆ ในปัจจุบันเราจะพบว่ามีปัญหาตามมาจากการผลิตโปรตีนไม่ว่า เนื้อหมู ที่มีสารเร่งเนื้อแดง ที่เรียกว่า “แรนดอน” ซึ่งพบว่า เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งในหนูทดลอง เนื้อไก่  มีฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาฆ่าเชื้อ หรือเชื้อโรคไข้หวัดนกที่ระบาดเป็นช่วงๆ เนื้อวัว บางครั้งก็มีปัญหาเรื่องเชื้อวัวบ้า   
       
       “ถั่ว” แม้จะเป็นแหล่งของโปรตีนที่มีคุณภาพในกลุ่มของพืชก็จริง แต่การเพาะปลูกก็มีการปนเปื้อน สารเคมีและยาฆ่าแมลง รวมถึง สารอัลฟาทอกซิน ซึ่งมักจะพบในถั่วลิสง เนื่องจากมีความชื้นสูง สารตัวนี้มักก่อให้เกิดมะเร็งในตับ นมแม้จะเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูงในกลุ่มของโปรตีนจากสัตว์ แต่โปรตีนคุณภาพสูงเหล่านั้น มีปริมาณเพียงแค่ 4% เพราะส่วนใหญ่นมจะมีองค์ประกอบของ “หางนม” ซึ่งมีสารอาหารหลักคือ “ไขมัน” นอกจากนี้นมหรือผลิตภัณฑ์นมยังต้องเสี่ยงกับ ยาและฮอร์โมน ที่ใช้เลี้ยงวัวปนเปื้อนมาอีกด้วย
       
        ปลาจึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุด เพราะปลาแม้จะมีโปรตีน 80 คะแนน ซึ่งต่ำกว่าน้ำนมเพียงเล็กน้อย ถ้าจะว่าไปแล้วเนื้อปลายังเป็นสารอาหารที่มีไขมันต่ำยกเว้นปลาดุก และปลาทุกชนิดที่ทำให้สุกโดยการทอด นอกจากเนื้อปลาจะมีสารอาหารโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตทางร่างกายแล้ว ในเนื้อปลายังมีสารอาหารชนิดหนึ่งมีชื่อว่า omega - 3 fatty acids ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคหัวใจ ปลาจึงเป็นโปรตีนที่จะเป็นทางออกของวิกฤตในเรื่องอาหารที่จะเกิดตามมาหลังมหาอุทกภัยในครั้งนี้อย่างมีนัยที่สำคัญ
       
        ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีความโชคดีในแง่ของการตั้งอยู่ในเขตภูมิประเทศ ที่สองฟากฝั่งอยู่ติดกับทะเลมหาสมุทร คือ ฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน มีจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลถึง 22 จังหวัด ประเทศของเรามีพื้นที่ชายฝั่งรวมกันทั้งสองฝั่งกว่า 2,600 กิโลเมตร และที่สำคัญประเทศของเราตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร ทำให้ท้องทะเลไทยเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ มีพันธุ์สัตว์น้ำหลากหลายชนิดและสามารถเจริญเติบโตในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่เราขาดการบริหารจัดการทะเลที่ผิดพลาดและเปิดโอกาสสร้างเงื่อนไขให้มีการทำลายแหล่งอาหารโปรตีนของสังคมลงอย่างรวดเร็ว
       
        วันนี้เราปล่อยให้ทะเลไทยอยู่ในขั้นวิกฤต มีสภาพที่เสื่อมโทรมลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับในอดีต จนอาจกล่าวได้ว่าวิกฤตที่จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อกู้วิกฤตของทะเลที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญแก่สังคมเราในอนาคต ดังจะเห็นได้จากอัตราการจับสัตว์น้ำด้วยเครื่องมืออวนลากของเรือสำรวจกรมประมงในอ่าวไทย ที่พบว่าในปี 2504  มีค่าเท่ากับ 297.8 กิโลกรัม/ชั่วโมง ลดลงเหลือ 62.11 กิโลกรัม/ชั่วโมง ในปี 2520 และลดลงเหลือ 40.59 และ 17.8 กิโลกรัม/ชั่วโมง ในปี 2530 และ 2552 ตามลำดับ
       
        เรืออวนลาก เรืออวนรุน เรือปั่นไฟ เป็นเครื่องมือทำการประมงแบบทำลายล้าง ที่อารยประเทศทั่วโลกเขายกเลิกกันเกือบหมดแล้ว เพราะเป็นเครื่องมือที่ทำลายพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน และเป็นตัวทำลายสัตว์น้ำให้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ร้อยละ 60 ของปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ทั้งหมดจากเรืออวนลาก เรืออวนรุน และเรือปั่นไฟประกอบด้วยลูกปลาทางเศรษฐกิจ เช่น ลูกปลาหลังเขียว ลูกปูม้า ลูกปลาจวด ร้อยละ 65 – 70 ของปริมาณปลาเป็ดที่จับได้ ในปีหนึ่งๆ สัตว์น้ำที่จับได้จากอวนรุนทุกขนาดมีประมาณ 26,289 ตัน ประกอบด้วยกุ้งใหญ่ ร้อยละ 15-16 ปูม้าร้อยละ 8-9 ปลาร้อยละ 7 ปลาหมึกร้อยละ 4-5 นอกนั้นเป็นสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ
       
        ซึ่งพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจดังกล่าวควรจะได้เติบโตมาเป็นอาหารให้กับผู้คน แต่ต้องถูกจับขึ้นมาในเวลาไม่อันควร สาเหตุหนึ่งที่สำคัญก็เพราะว่าการกวาดจับพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อนด้วยเครื่องมือทำลายล้างอย่างอวนลาก อวนรุน เรือปั่นไฟ ที่ไม่สามารถขจัดออกไปได้จากท้องทะเลไทยก็เพราะว่าไปตอบสนองบริษัทผลิตอาหารสัตว์หรือนายทุนนักธุรกิจที่ส่งออกปลาป่นที่มักมีอำนาจเหนือข้าราชการหรือนักการเมืองในบ้านเรามาทุกยุคทุกสมัย เราจะพบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาป่นไทยมีอัตราสูงขึ้น โดยในปี 2551 ประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกปลาป่น 2.4 หมื่นตัน ปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 2.6 หมื่นตัน และเฉพาะช่วงครึ่งแรกปี 2553 สามารถส่งออกสูงขึ้นถึง 8 หมื่นตัน นี่คือสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของวิกฤตสัตว์น้ำในทะเลของเรา
       
        วิกฤตทะเลไทยที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ เราสามารถที่จะกู้มันกลับขึ้นมาได้ หากเราต่างตระหนักว่า ทะเลคือแหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญของสังคม เป็นแหล่งประกอบอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับพี่น้องที่เป็นชาวประมงและอาชีพต่อเนื่องจากอาชีพประมงอีกมากมาย มีผู้คนที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งโดยตรงและอ้อมจำนวนมาก ที่สำคัญทะเลเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมไทย ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้ผู้คนที่มีฐานทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ต้องรับประทานแต่โปรตีนจากไก่เนื้อ วัวเนื้อ ปลานิลเลี้ยงกลายพันธุ์ที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ควบคุมเบ็ดเสร็จ ทั้งพันธุ์ อาหารและยารักษาโรค จนทำให้เราลืมแหล่งอาหารโปรตีนธรรมชาติที่สังคมไทยเรามีอย่างเหลือเฟือ.

โดย บรรจง นะแส    28 พฤศจิกายน 2554
manager.co.th

8425
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นางวิไลวรรณ สมความคิด มารดา นายวีระ สมความคิด ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำเพรย์ซอว์ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ขอนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากไทย เข้าไปรักษาโรครูมะตอย หรือโรคเก๊าท์ เนื่องจากเมื่อ 3 สัปดาหห์ที่ผ่านมานายวีระ มีอาการอ่อนเพลีย ปวดตามข้ออย่างหนัก ซึ่งตนเองได้ประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ให้ประสานกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ขอให้นำแพทย์เข้าไปรักษา หรือนำตัวนายวีระ ออกมารักษาชั่วคราว ซึ่งล่าสุดได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ว่า ทางกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา อนุญาตให้นำแพทย์จากไทย ทำการรักษาได้ทันที โดยกระทรวงการต่างประเทศจะประสานไปยังแพทย์ให้เดินทางไปรักษาโดยเร็วที่สุด
        ส่วนความคืบหน้าการขอพระราชทารอภัยโทษ นายวีระ และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ หลังสถานการณ์น้ำคลี่คลายจะนัดหารือกับ นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ภายในปีนี้ นอกจากนี้จะหารือ ถึงมาตรการชั่วคราวตามคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่รัฐสภาได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยังรอความชัดเจน เรื่องดังกล่าว
        นอกจากนี้จะหารือในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี และ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา หรือ เจซี ซึ่งจะนัดประชุมกับนายฮอร์ นัม ฮง ใกล้กับชายแดนไทยกัมพูชา ทั้งนี้มอบหมายให้ นายธีรกุล นิยม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ไปหารือกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.) ว่าจะสามารถประชุมจีบีซีได้เมื่อไหร่

ASTVผู้จัดการออนไลน์    28 พฤศจิกายน 2554

8426
เชื่อว่าหลายคนคงเคยค้นข้อมูลสุขภาพผ่านสื่อออนไลน์ และบ่อยครั้งต้องอยู่ในภาวะลังเลไม่แน่ใจในข้อมูลที่พบว่าถูกต้องหรือน่าเชื่อถือเพียงใด ทว่ายังดีที่มีเว็บไซต์ดีๆ http://haamor.com/ (หาหมอ ดอตคอม) ที่มุ่งให้ความรู้เรื่องสุขภาพที่มากกว่าความรู้พื้นฐาน เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพบแพทย์
       
       โดย วิชานน์ มานะวาณิชเจริญ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ เผยเหตุจูงใจที่ก่อตั้งว่า เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการแพทย์ที่น่าเชื่อถือได้ และการติดต่อพบแพทย์ในสมัยนี้เป็นไปได้ยากและเสียเวลา จึงทำเว็บที่ทุกคนสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อนจะไปพบแพทย์
       
       “คนใกล้ชิดป่วยเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งได้หาข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์แล้วพบว่าข้อมูลส่วนใหญ่ มาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ล้วนเขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษ บางครั้งยากต่อการเข้าใจเนื่องจากเป็นศัพท์ทางการแพทย์ จากเหตุการณ์นั้นจึงเกิดความคิดที่ว่า หากคนอื่นที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันคงเป็นเรื่องยากพอสมควรในการหาข้อมูล จึงอยากจะมีเว็บที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่สามารถเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับโรคและยาได้อย่างท่องแท้และนำไปปรับใช้ได้จริง”
       
       เช่นเดียวกันกีรติ อินโอชานนท์ กล่าวว่า ในประเทศไทยยังมีคนไทยจำนวนหลายล้านคนที่อาจไม่ได้รับข่าวสาร ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเพียงพอ จึงคิดทำเว็บไซต์สุขภาพวิชาการที่ครบวงจร ในระดับสากลที่ทุกคนสามารถเข้ามาตรวจสอบอาการเบื้องต้นก่อนได้

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง อย่าง ศ.เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์ บรรณาธิการกิตติมศักดิ์ของเว็บไซต์หาหมอ เสริมว่า คนยุคนี้ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงอยากให้คนไทยมีพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับยุคดิจิตัลที่คนมักเลือกค้นหาข้อมูลออนไลน์ เพราะสะดวกสบาย แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องก็ต้องอาศัยการสื่อสารโดยผู้เชียวชาญด้านสุขภาพ เพื่อเวลาไปพบแพทย์จะได้เข้าใจตรงกัน และแพทย์จะได้วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว
       
       แน่นอนว่านี้คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยคลายกังวล ลดเวลา สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาไปพบแพทย์ และเป็นคำแนะนำที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตนเอง แต่แม้จะมีข้อมูลที่แน่นอย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพให้ไกลจากโรคย่อมดีกว่าการรักษา

ASTVผู้จัดการออนไลน์    28 พฤศจิกายน 2554

8427
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเปิดโรงพยาบาลพระทองคำเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา
      
       วันนี้ (28 พ.ย.) เวลา 10.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงพยาบาลพระทองคำเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา โดยมีนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เฝ้ารับเสด็จฯ
      
       นายวิทยากราบบังคมทูลรายงานว่า โรงพยาบาลพระทองคำเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอพระทองคำ มีขนาด 30 เตียง เปิดให้บริการตั้งแต่ พ.ศ. 2549 เป็น 1 ใน 10 แห่งที่กระทรวงสาธารณสุขจัดสร้างและพัฒนาให้เป็นโรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ซึ่งประกอบด้วย

รพ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
รพ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ
รพ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู
รพ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี
รพ.เขาชะเมา จ.ระยอง
รพ.วัดจันทร์ จ.เชียงใหม่
รพ.เสาไห้ จ.สระบุรี
รพ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา
รพ.ยี่งอ จ.นราธิวาส
รพ.หาดสำราญ จ.ตรัง

เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานโดยนำระบบการบริหารจัดการแนวใหม่มาพัฒนาโรงพยาบาล เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนและองค์กรท้องถิ่น เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาร่วมกับทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ซึ่งจะส่งผลให้เป็นโรงพยาบาลใกล้บ้าน จัดบริการได้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและตรงกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริงและยั่งยืน ที่สำคัญมีการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นต้นแบบให้ชุมชน
      
       รพ.พระทองคำเฉลิมพระเกียรติ มีความพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้บริการรักษาพยาบาล คลอดฉุกเฉิน อุบัติเหตุ ทันตกรรม ส่งเสริมสุขภาพ และจัดคลินิกพิเศษดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยจิตเวช และผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยเปิดคลินิกแพทย์แผนไทยตรวจรักษาควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน เมื่อพ.ศ.2553 มีบริการนวดเพื่อการรักษาลดอาการปวดควบคู่กับการใช้ยาสมุนไพร อบ ประคบ นวดฝ่าเท้า ทับหม้อเกลือบริการหญิงหลังคลอดแทนการอยู่ไฟ โดยดูแลประชากร 43,986 คน มีบุคลากรให้บริการ 120 คน นอกจากนี้มีประชาชนในพื้นที่จำนวน 60 คน ที่จิตอาสาเข้ามาร่วมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการให้บริการดูแลอำนวยความสะดวกผู้ป่วย เช่น จัดเตรียมอาหาร ช่วยเข็นผู้ป่วย ช่วยทำความสะอาดโรงพยาบาล
      
       ผลการประเมินคุณภาพบริการในปี 2553 พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจบริการสูงถึงร้อยละ 80ในปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยนอกมารับบริการ 21,202ราย และผู้ป่วยใน 2,684 ราย โรคที่เป็นปัญหาในพื้นที่อันดับ 1 ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง รองลงมาคือ เบาหวาน และโรคถุงลมปอดโป่งพอง ส่วนด้านการแพทย์แผนไทย มีผู้ใช้บริการ 3,531 ราย มากที่สุดคือ การนวดเพื่อบำบัดอาการปวดเมื่อยจากการทำงาน เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
      
       ปัจจุบันโรงพยาบาลพระทองคำเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาได้พัฒนาคุณภาพบริการทุกแผนก ให้ได้ตามเกณฑ์โรงพยาบาลคุณภาพของสถาบันรับรองคุณภาพสถานบริการ (องค์การมหาชน) ซึ่งจะประเมินรับรองในเดือนธันวาคม 2554 นี้ และมีแผนพัฒนาสิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาลให้เป็นโรงพยาบาลสีเขียว เป็นสถานที่ทำงานสะอาด รณรงค์ปลูกต้นไม้เพื่อสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นและสดชื่น

ASTVผู้จัดการออนไลน์    28 พฤศจิกายน 2554

8428
เมื่อวันอาทิตย์ที่​แล้ว ​ได้มี​การ​เปิด​เผย ผล​การวิจัย​ในงาน Gerontological Society of America ที่บอสตัน สหรัฐอ​เมริกา จาก คู่สมรส 238 คู่ วัย 65+ ชาวอ​เมริกัน ​ได้ค้นพบว่า คู่สมรสที่มี​เพศสัมพันธ์​เป็นประจำนั้น มี​ความสุข​ในชีวิตมากกว่า (​ทั้งนี้นอก​เหนือ​ไปจากปัจจัย​เรื่อง อายุ ​เพศ สุขภาพ ฐานะทาง​การ​เงิน) กว่า 60 % ของ​ผู้ที่มี​เพศสัมพันธ์มากกว่า 1 ครั้งต่อ​เดือน ตอบว่า "มี​ความสุข​ในชีวิต​โดยรวม" ​เปรียบ​เทียบกับ 40% ของ​ผู้ที่​ไม่​ได้มี​เพศสัมพันธ์​ในปีที่ผ่านมา ​และ​เกือบ 80% ของ​ผู้ที่มี​เพศสัมพันธ์มากกว่าหนึ่งครั้งต่อ​เดือน ตอบว่า "มี​ความสุข​ในชีวิตคู่" ​เปรียบ​เทียบกับ 59% ของ​ผู้ที่​ไม่​ได้มี​เพศสัมพันธ์ปีที่​แล้ว

ทีมงานวิจัยกล่าวว่า ​การศึกษาครั้งนี้​ได้ช่วยกระตุ้น​การสื่อสาร​และพัฒนา​การ "คิดนอกกรอบ" ของ​เพศสัมพันธ์​ในวัยสูงอายุ ​เรื่องสุขภาพ-​เพศสัมพันธ์ ​ในวัยสูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน

แนวหน้า  27 พฤศจิกายน 2554

8429
คุณทราบ​ไหมว่า​การทานดาร์กช็อก​โก​แลต สามารถลด​ความ​เสี่ยงต่อ​โรคหัว​ใจวาย​ได้ ข้อมูลด้านสุขภาพจาก​เว็บ BBC รายงาน​การค้นพบ​ในประ​เทศสหรัฐ ว่า ​การขบ​เคี้ยวดาร์กช็อก​โก​แลตชิ้น​เล็กๆ นั้น ดีต่อ​ผู้หญิงวัยหมดประจำ​เดือน

​การทดลองกลุ่มตัวอย่างของ Boston Study ​ใน Journal of The American Heart Association รายงานผล​การทดลอง กลุ่มตัวอย่าง 32,000 คน อายุ 48-83 ​เป็น​เวลา 9 ปี พบว่า ​การรับประทาน​ในปริมาณ19-30 กรัม จำนวน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถลด​ความ​เสี่ยงต่อ​โรค หัว​ใจวาย​ได้ 32%

​ในขณะที่ช็อก​โก​แลตมี​แอนตี้ออกซิ​แดนท์ที่มีผลดีต่อหัว​ใจ ​แต่หากรับประทาน​ในปริมาณมาก​ก็​ไม่​เป็นผลดี​เพราะมีน้ำตาลสูง ​ความจริง​แล้วควรทาน​ในปริมาณที่​เหมาะสม ​แอนตี้ออกซิ​เดนท์ ยังสามารถหา​ได้​ในผัก​และผล​ไม้ชนิดอื่น ที่​ไม่มี​ไขมัน​แคลอรี่สูงอีกด้วย

แนวหน้า 27 พฤศจิกายน 2554

8430
กรมอนามัยจัดทีมลงพื้นที่ ให้ความรู้ประชาชนหลังน้ำลด พร้อมแนะ 5 ทางรอดปลอดโรค               
                   
       วันนี้ (23 พ.ย.) ดร.นพ. สมยศ  ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย  กล่าวถึงการจัดทีมลงพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพตนเองในพื้นที่น้ำท่วมขัง และน้ำลด ว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่หลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง  จึงได้จัดทีมนักวิชาการลงพื้นที่กระจายความรู้ให้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากโรค ทั้งนี้ยังได้นำสิ่งของที่จำเป็น เช่น เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย คู่มือประชาชนฉบับพกพาและคู่มือ รื้อ ล้าง หลังน้ำลด ซึ่งเน้นข้อปฏิบัติตนให้ปลอดภัยในช่วงน้ำท่วมและหลังน้ำลด พร้อมแนะนำ 5 ทางรอดปลอดโรค             
     
       “เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายลง สิ่งสำคัญที่ประชาชนจะต้องคำนึงถึง คือ การทำความสะอาดบ้านเรือน และการดูแลสภาพแวดล้อมในบริเวณบ้านและชุมชน เพราะน้ำท่วมจะพัดพาสิ่งสกปรกมากจากทุกสารทิศส่งผลให้เกิดการหมักหมม เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระบาดของโรคได้ ฉะนั้น จึงต้องมีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคและสัตว์มีพิษ โดยศึกษาได้จากคู่มือของกรมอนามัย ซึ่งมีข้อปฏิบัติดังนี้

1.ตรวจดูระบบไฟฟ้า ต้องไม่ตัวเปียกและพร้อมใช้งาน

2.สำรวจตรวบสอบความเสียหายของตัวบ้านและบริเวณบ้านเรือน

3.เตรียมการก่อนล้างโดยจัดเตรียมอุปกรณ์  สำหรับเก็บกวาดทำความสะอาด คัดแยกเศษวัสดุและขยะประเภทต่างๆ

4.ทำความสะอาดควรทำทันทีหลังน้ำลดจะช่วยให้ขจัดคราบสกปรกได้ง่ายโดยใช้ผงซักฟอก

5.ดูแลปรับปรุงห้องครัว  ภาชนะอุปกรณ์ต่างๆเพื่องป้องกันเชื้อราปนเปื้อนในอาหาร

6.ดูแลปรับปรุงห้องส้วม ชำระล้างให้ทั่วพื้นผิวโดยใช้น้ำผสมผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดขัด ในกรณีส้วมเต็มให้ใช้น้ำหมักชีวภาพเทราดลงในคอห่านหรือโถส้วม เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์และสิ่งปฏิกูลทำให้กลิ่นและแก๊สที่เกิดจากการหมักในบ่อเกรอะลดลง"อธิบดรกรมอนามัย กล่าว
                 
       
       ทั้งนี้ 5 ทางรอดปลอดโรคที่อธิบดีกรมอนามัยแนะนำมีดังนี้

1.อย่าทิ้งขยะ อุจจาระ  เศษอาหารลงในน้ำ ให้ใส่ถุงดำ มัดปากถุงให้แน่น

2.อย่าเล่นน้ำเน่าขัง   หากสัมผัสน้ำเน่าเสียต้องล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาด

3.กินอาหารปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำสะอาด

4.หลังน้ำลด  ล้างบ้านเรือน ห้องสุขา ภาชนะอุปกรณ์ต่างๆ

5.ช่วยกันล้างตลาด ประปาชุมชนและสถานที่สาธารณะตามหลักสุขาภิบาล เพื่อป้องกันโรค

พร้อมแนะนำผู้ที่ต้องทำความสะอาดควรสวมหน้ากากอนามัย ผ้าปิดปาก เพื่อลดการสูดดมกลิ่นขยะที่หมักหมม หรือสารเคมีที่อาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ สวมถุงมือ เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อโรคและล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค

ASTVผู้จัดการออนไลน์    23 พฤศจิกายน 2554

หน้า: 1 ... 560 561 [562] 563 564 ... 653