กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
สาธารณสุขอุดรธานี เผยยังเอาผิดแดนธรรมดึงพลังรักษาโรค ไม่ได้ เพราะยังไม่มีใครได้รับความเสียหาย

วันนี้ (17 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีน้องหญิงและอาจารย์ เปิด แดนธรรมสุขาววะดี ในพื้นที่กว่า 11 ไร่ ที่บ้านโนนตาแสง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ดึงพลังบุญจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ มาทำการรักษาโรคให้แก่คนที่ศรัทธาและไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษา

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.อุดรธานี , สาธารณสุข อ.บ้านผือ และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนา จ.อุดรธานี ได้เดินทางไปพบกับน้องหญิงและอาจารย์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แค่สังเกตุการณ์และเก็บข้อมูลในเรื่องสถานที่และสอบถามรักษาโรคให้แก่ประชาชน

อย่างไรตอนนี้เจ้าหน้าที่ฯยังทำอะไรไม่ได้ ได้แค่สำรวจและสอบถามเท่านั้น อีกอย่างยังไม่มีประชาชนที่เสียหายจากการรักษาโรค จึงได้แค่เก็บข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ก่อน

ขณะที่น้องหญิงและอาจารย์ ก็ให้นักข่าวที่เดินทางมาทำข่าวเรื่องนี้สามารถบอกอาการเจ็บป่วยของตนเองมาได้เลย แล้วจะดึงพลังบุญจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์มารักษาให้ ส่วนเรื่องเปิดแดนธรรมไม่ใช่เป็นการหลอกประชาชน เป็นความเชื่อ บอกแล้วว่าไม่ได้บังคับให้มาและไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษา และยังยืนยันให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเมื่อ ยืนยันไม่ได้ทำอะไรผิดและในเรื่องนี้ก็มีงานวิจัยของ ดร.วิภาณุดา ออกมาแล้ว

ล่าสุด นพ.สมชาย โชติปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี เปิดเผยว่าจากกรณีมีชายหญิงคู่หนึ่ง เปิดแดนธรรมฯรักษาโรคอ้างดึงพลังบุญจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ฯลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ว่าการรักษาโรคกรณีดังกล่าวจะส่งต่อประชาชนที่มารับบริการหรือไม่ เราดูแล้วไม่ใช่สถานประกอบการตาม พ.ร.บ.และไม่พบการใช้ยาต่อจิตประสาท เป็นแค่มานั่งไหว้สวดมนต์เป็นเรื่องของความเชื่อ

ตอนนี้ตนได้รายงานให้ผู้ตรวจและปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้ทราบแล้ว เราทำได้แค่เฝ้าระวังเท่านั้น ตอนนี้ได้บูรณาการกันหลายฝ่ายทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผุ้ใหญ่บ้าน จากนี้ไปให้เฝ้าระวังตลอด เผื่อมีเหตุที่ไม่คาดคิดจากการรักษาและจะทำความเข้าใจกับประชาชนที่เข้ามารับการรักษา ตอนนี้ยังไม่พบความเสียหายที่เกิดจากการรักษาแต่อย่างใด.

Amarin TV News
17 พ.ค.67
2
สสจ.บึงกาฬ แจงปมรพ.ขาดแคลนหมอต้องใช้พยาบาลตรวจ-จ่ายยาแทน คาดเดือนมิ.ย.แพทย์พร้อมให้บริการ ล่าสุดยกเลิกคำสั่ง เหลือให้พยาบาลตรวจคัดกรองอย่างเดียว

สืบเนื่องจากประเด็นข่าวของโรงพยาบาลชื่อดัง จังหวัดบึงกาฬ ขาดแคลนแพทย์ โดยเหลือแพทย์เพียง 1 คน ในช่วงระยะเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2567 นั้น

ล่าสุดวันที่ 16 พ.ค.2567 ดร.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า  ได้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทาง สสจ.บึงกาฬ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้คือ ปกติรพ.ดังกล่าว มีแพทย์ประจำอยู่ 5 คน ปลายเดือนพ.ค.จะมีแพทย์ลาออก 1 คน ลาศึกษาต่อ 3 คน จึงเหลือแพทย์ประจำ 1 คน

เนื่องจากช่วงเวลาเดือนพ.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่แพทย์โยกย้ายไปศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทาง ทำให้เป็นช่วงเวลาที่ต้องมีการบริหารจัดการ หมุนเวียนแพทย์จากโรงพยาบาลอื่น ในจังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดข้างเคียง อาทิ สกลนคร มาให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยในช่วงระยะเวลา 5 วันดังกล่าว

ซึ่งอยู่ในแผนการบริหาร อัตรากำลังของสสจ.บึงกาฬ ที่ได้เตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว ในปี67 กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยจัดสรรแพทย์ใช้ทุนจบใหม่ให้เขตสุขภาพที่ 8 ในจำนวนมากที่สุด เป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับทั้ง 12 เขตสุขภาพทั่วประเทศ

คือ จัดสรรแพทย์จำนวน 252 คน เพิ่มขึ้น 74 คน เมื่อเทียบกับปี66 ที่จัดสรรแพทย์มาบรรจุจำนวน 178 คน ทำให้ทุกจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 8 มีจำนวนแพทย์ใช้ทุนจบใหม่ที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 มิ.ย.67 อย่างเพียงพอ

นอกจากนั้น จังหวัดบึงกาฬยังได้รับการสนับสนุนแพทย์ใช้ทุนปีที่1 เพิ่มเติมจากจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร มาปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลชุมชน ในจังหวัดบึงกาฬทั้ง 7 แห่ง เพิ่มขึ้นเท่าตัว สสจ.บึงกาฬ จึงมีความเชื่อมั่นที่จะสามารถให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ให้ทำหน้าที่ตรวจและสั่งจ่ายยาแทนแพทย์ กรณีผู้ป่วยเรื้อรัง เช่นโรคเบาหวาน ความดัน ก็ให้จ่ายยาเดิมได้ แต่วันนี้ก็ได้ยกเลิกให้พยาบาลทำหน้าที่แทนแพทย์แล้ว และให้ทำหน้าที่คัดกรองผู้ป่วยอย่างเดียว จึงขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการที่รพ.ดังกล่าว ได้มีความเชื่อมั่น และไว้วางใจกับบุคลากรทางการแพทย์เหมือนเดิม

https://www.khaosod.co.th
16 พ.ค.2567
3
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. อัปเดตข่าวดีสำหรับผู้ที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) โดย สปสช. ร่วมกับ สภาเภสัชกรรม อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเพื่อลดความแออัดของสถานพยาบาลในการให้บริการและเพิ่มการเข้าถึงบริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจ ภายใต้นวัตกรรมระบบบริการใหม่ที่ชื่อว่า "บริการเภสัชกรรมปฐมภูมิ"

กรณีผู้มีสิทธิบัตรทองทุกคน เมื่อมีอาการเจ็บ ไข้ ไอ ปวด หรืออาการเจ็บป่วยเล็กน้อยใน 16 กลุ่มอาการต่าง ๆ ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ สามารถเข้ารับยาที่ร้านยาได้ทันทีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงแสดงบัตรประชาชนใบเดียว ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการกับ สปสช.

กรณีเด็กเล็กให้แสดงสำเนาสูติบัตร หรือใบเกิดคู่กับบัตรประชาชนของผู้ปกครองได้

ทั้งนี้ สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ จากสติกเกอร์หน้าร้านที่มีคำว่า "ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย" ที่ติดไว้บริเวณหน้าร้านยาดังกล่าวโดยจะได้รับการดูแลจากเภสัชกร ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่ประจำอยู่ในร้านยาที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั่วประเทศ พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ การจ่ายยา และติดตามอาการหลังรับยา 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมงของการจ่ายยา
หากพบว่า มีอาการรุนแรงขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงก็จะแนะนำให้ไปรักษาที่สถานพยาบาลประจำตามสิทธิของผู้ป่วยเพื่อเข้าสู่การรักษาต่อไป

เจ็บป่วย 16 กลุ่มอาการ มีอะไรบ้าง ?

1.ปวดหัว
2.เวียนหัว
3.ปวดข้อ
4.เจ็บกล้ามเนื้อ
5.ไข้
6.ไอ
7.เจ็บคอ
8.ปวดท้อง
9.ท้องผูก
10.ท้องเสีย
11.ถ่ายปัสสาวะขัด, ปัสสาวะลำบา, ปัสสาวะเจ็บ
12.ตกขาวผิดปกติ
13.อาการทางผิวหนัง ผื่น คัน
14.บาดแผล
15.ความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตา
16.ความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับหู

ขั้นตอนการเข้ารับบริการ

1.คนไข้ติดต่อไปยัง สปสช. ผ่านสายด่วน จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการรับบริการที่ร้านยาชุมชนอบอุ่นใกล้บ้าน
2.ดูรายชื่อร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ สปสช. หรือ สังเกตสติกเกอร์ติดหน้าร้านยาภายใต้ชื่อ "ร้านยาคุณภาพของฉัน" ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย

ที่มา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

Thansettakij
16 พค 2567
4
สิงห์อมควันต้องรู้! สถานที่สาธารณะปลอดบุหรี่ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีที่ไหนบ้าง เปิดโทษทางกฎหมาย สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ

ห้ามสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข ประกาศออกมาอย่างชัดเจน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562

นอกจาก โรงพยาบาล แล้ว ยังมีสถานที่ไหนอีกบ้างที่เป็นเขต "ห้ามสูบบุหรี่" อมรินทร์ทีวีออนไลน์ ขอรวบรวมไว้เป็นข้อมูลเพื่อป้องกันเหตุ "สูบผิดที่" ซึ่งต้องได้รับบทลงโทษตามกฎหมาย

จาก ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำาหนดประเภทหรือชื่อของสถานที่สาธารณะ สถานที่ทางาน และยานพาหนะให้ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของสถานที่และยานพาหนะ เป็นเขตปลอดบุหรี่ หรือ เขตสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ พ.ศ. 2561 ระบุไว้ว่า

เขตปลอดบุหรี่ 100% รวมทั้งระยะ 5 เมตร จากทางเข้า - ออกของสถานที่

กำหนดให้สถานที่ดังต่อไปนี้เป็น "เขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด" ไม่ว่าจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งระยะ 5 เมตร จากทางเข้า - ออกของสถานที่ ได้แก่
1.1 สถานบริการสาธารณสุขและส่งเสริมสุขภาพ
- คลินิก สหคลินิก โรงพยาบาล รวมถึงสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
- คลินิก โรงพยาบาลสัตว์ รวมถึงสถานพยาบาลสัตว์ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์
- สถานีอนามัย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สถานบริการสุขภาพทุกประเภท

1.2 สถานศึกษา หรือสถานที่เพื่อการเรียนรู้และฝึกอบรม
- สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัย
- สถานศึกษาระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา
- สถานกวดวิชา สถนที่สอยกีฬา ดนตรี ขับร้อง การแสดง ศิลปะป้องกันตัว ศิลปะภาษา และสถานที่ที่ประกอบกิจการในลักษณะเดียวกัน

1.3 สถานที่สาธารณะอื่นๆ
- สถานรับดูแลหรือสงเคราะห์เด็ก ผู้เยาว์ หรือสมาคมมูลนิธิ หรือสถานประกอบการในลักษณะเดียวกัน
- สนามเด็กเล่น หรือสถานที่ให้บริการสำหรับเด็กในลักษณะเดียวกัน

 
เขตปลอดบุหรี่ 100 % ไม่รวม ระยะ 5 เมตร จากทางเข้าออกของสถานที่
- สถานบริการเพื่อสุขภาพ เช่น นวด สปา อบสมุนไพร
- สถานศึกษา หรือสถานที่เพื่อ การเรียนรู้และฝึกอบรม เช่น สถานฝึกอบรม อุทยานการ เรียนรู้ ศูนย์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์ สถานที่จัดแสดง ศิลปวัฒนธรรม ห้องสมุดสาธารณะ
- สถานที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
- สถานที่ออกกาลังกายทั้งในร่ม และกลางแจ้ง
- สถานที่ให้บริการ ร้านค้า และสถานบันเทิง ปั๊มน้ำามัน ฯลฯ
- สถานที่จัดงานเลี้ยง ตลาด ศาสนสถาน สวนสาธารณะ สวนสนุก
- ยานพาหนะ และป้ายรถประจำทาง (ไม่ใช่สถานีขนส่งโดยสาร)

เขตปลอดบุหรี่ 100 % แต่สามารถจัดเขตสูบบุหรี่ได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข คือ
- สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
- สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
- ท่าอากาศยาน

เขตปลอดบุหรี่ ในพื้นที่เฉพาะส่วนที่ระบุ รวมถึงจากประตู หน้าต่าง ทางเข้า-ออก หรือช่องระบายอากาศ เป็นระยะทาง 5 เมตร
- พื้นที่ภายในอาคารและดาดฟ้าอาคาร ห้างสรรพสินค้า สถานที่ทำงานเอกชน โรงงานอุตสาหกรรรม อุทยานประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
- พื้นที่ภายในและดาดฟ้า อาคาร โรงเรือน และบริเวณชานชลา ได้แก่ สถานีขนส่ง ผู้โดยสาร สถานีรถไฟ ท่าเรือโดยสาร
- โถงพักคอย ห้องหรือสถานที่สาหรับใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทางเดินภายในอาคารโรงเรือน อาคารชุด ห้องเช่า โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ
- ร้านอาหารที่ไม่มีระบบปรับอากาศ

บทกำหนดโทษ (มาตรา 67 - 70)
1. ผู้ใดสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
2. ผู้ดําเนินการผู้ใดไม่จัดให้เขตปลอดบุหรี่หรือเขตสูบบุหรี่ มีสภาพและลักษณะตามที่กฎหมายกําหนด ปรับไม่เกิน 50,000 บาท
3. ผู้ดําเนินการผู้ใดไม่จัดให้มีเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่หรือเขตสูบบุหรี่ตามลักษณะและวิธีการในการแสดงตามที่กฎหมายกําหนด
ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
4. ผู้ดําเนินการผู้ใดไม่ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน ควบคุมดูแล ห้ามปรามหรือดําเนินการอื่นใด เพื่อไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่
ปรับไม่เกิน 3,000 บาท


Amarin TV News
14พค2567
5
ห้องพักผ่อนรวม (Common Room) / 10 อันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024
« กระทู้ล่าสุด โดย story เมื่อ 16 พฤษภาคม 2024, 11:10:38 »
รวม 10 อันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลกในปี 2024 ที่จัดอันดับโดย Banana Boat

ชายหาด คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยวิวทิวทัศน์สีฟ้าครามสุดลูกหูลูกตา พร้อมหาดทรายขาวสุดนุ่มนวล เสียงคลื่นที่เงียบสงบ นอกจากนี้ชายหาดในแต่ละประเทศต่างมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งที่พัก กิจกรรม ความสวยงาม และวิวทิวทัศน์ที่เป็นจุดเด่นที่แตกต่าง

โดยในแต่ละปี จะมีการจัดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางหลายพันคนที่เสนอชื่อชายหาดที่พวกเขาชื่นชอบ จากนั้นองค์กรจะจำกัดรายชื่อให้แคบลงด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ความเป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์โดยรอบ กิจกรรม ธรรมชาติ และคำนึงถึงสิ่งต่างๆ องค์รวมโดยรอบ เช่น น้ำนิ่งพอที่จะลงเล่นได้หรือไม่ หรือมีชายหาดอันงดงามที่คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป
โดยการจัดอันดับนี้ได้นำชายหาดที่ดีที่สุดในโลก จากการจัดอันดับขององค์กรต่างๆ มารวบรวมเพื่อจัดอันดับอื่นๆ อีกครั้ง ซึ่งจะมีการจัดอันดับของ TripAdvisor ที่ให้ Praia da Falésia ใน Olhos de Água ประเทศโปรตุเกส เป็นชายหาดที่ดีที่สุดในโลกเมื่อต้นปีนี้ และรวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ หาด Ghajn Tuffieha Bay ของมอลตา ก็ได้รับเลือกให้เป็นชายหาดที่สวยที่สุดในยุโรปโดย European Best Destinations อย่างไม่เป็นทางการ

ทั้งหมดจึงเป็น 10 อันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลกในปี 2024 ที่จัดอันดับโดย Banana Boat

10 อันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024
อันดับที่ 1: อ่าวทรังค์ (Trunk Bay) หมู่เกาะเวอร์จิน ประเทศสหรัฐอเมริกา
อันดับที่ 2 : กาลามาริโอลู (Cala Mariolu) ประเทศอิตาลี
อันดับที่ 3 : อ่าวมีดส์ (Meads Bay) ประเทศแองกวิลลา
อันดับที่ 4 : หาดเอนตาลูลา (Entalula) ประเทศฟิลิปปินส์
อันดับที่ 5 : หาดโวตูมี (Voutoumi) ประเทศกรีซ
อันดับที่ 6 : อ่าวเทอร์ควอยซ์ (Turquoise Bay) ประเทศออสเตรเลีย
อันดับที่ 7: พิงก์บีช (Pink Beach) ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับที่ 8 : อันเซ จอร์จัต (Anse Georgette) ประเทศเซเชลส์
อันดับที่ 9 : กรีนลากูน (Green Lagoon) ประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย
อันดับที่ 10 : เกาะฮอร์สชู (Horse Shoe Island, เกาะเกือกม้า) ประเทศเมียนมา

ข้อมูล : Forbes

Thairath Online
16 พค 2567
6
เกียว​โด​นิวส์​ (15​ พ.ค.)​ ข้อมูลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรวบรวมเมื่อวันอังคาร ระบุว่า มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปในญี่ปุ่นประมาณ 68,000 คน​ เสียชีวิตตามลำพังที่บ้านโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ตัวเลขเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม​ มีผู้เสียชีวิต “อย่างโดดเดี่ยว” ทั่วประเทศ 21,716 ราย เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนดังกล่าว หรือ 17,034 ราย มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

หน่วยงานตำรวจคาดว่าจะรวบรวมข้อมูลต่อไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้ ในขณะที่ประเทศกำลังต่อสู้กับสังคมสูงอายุอย่างรวดเร็ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับความโดดเดี่ยวทางสังคมและความเหงาในหมู่ผู้คนในญี่ปุ่น รวมถึงการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2566​ ที่ผ่านมา

การตายอย่างโดดเดี่ยวหมายถึงการที่บุคคลหนึ่งเสียชีวิตโดยไม่มีใครเห็น โดยมีช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปก่อนที่จะพบศพ

ข้อมูลระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม​ การเสียชีวิตในบ้านของกลุ่มคนที่อยู่ตามลำพัง รวมถึงกรณีการฆ่าตัวตาย พบว่ากลุ่มผู้ที่มีอายุ 85 ปีขึ้นไป​ มีจำนวนสูงสุดที่ 4,922 คน

ในบรรดาผู้ที่มีอายุ 75 ถึง 79 ปี มีรายงานผู้เสียชีวิต 3,480 ราย ขณะที่ผู้ที่มีอายุ 80 ถึง 84 ปีเสียชีวิตเพียงลำพัง 3,348 ราย ผู้ที่มีอายุระหว่าง 70 ถึง 74 ปี รวม 3,204 ราย รองลงมาคือ 2,080 รายในช่วงอายุ 65 ถึง 69 ปี


15 พ.ค. 2567  ผู้จัดการออนไลน์

7
ครูบาอริยชาติ มอบรถพยาบาลให้ รพ.พร้าว แทนคันที่ประสบอุบัติเหตุ ชนดับ 5 ศพ หนึ่งในนั้นเป็นสาวท้องแก่ คนแห่โฟกัสทะเบียนป้ายแดง

เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ (14 พ.ค.) ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณ บ้านใหม่แสงแก้ว ม.11 ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย พระภาวนารัตนญาณวิ. (ครูบาอริยชาติ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะ จ.เชียงราย และเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีมอบรถพยาบาลจำนวน 1 คันให้กับโรงพยาบาลพร้าว จังหวัดเชียงราย แทนรถพยาบาลคันเก่าที่ประสบอุบติเหตุถูกรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีเทาดำ ทะเบียน ผห 5347 เชียงใหม่ ที่ฝ่าฝนมาด้วยความไวพุ่งชนระหว่างส่งตัวผู้ป่วยห้องคลอด (น.ส.ภูษณิศา หนึ่งในผู้เสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์) ไปที่ รพ.สันทราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ถึง 5 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย มีนายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารรสุขจังหวัดเชียงรายเป็นประธานฝ่ายฆราวาส นายแพทย์นพดล บุญเฉลย รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลพร้าวนำคณะเข้ารับมอบ

นายแพทย์นพดล บุญเฉลย รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลพร้าวเผยว่า รถพยาบาลของโรงพยาบาลพร้าวประสบอุบัติเหตุในปี 2567 ถึง 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ม.ค.เมื่อรถพยาบาลไปชนท้ายรถบรรทุกบริเวณ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาดังกล่าว เป็นผลทำให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยเสียชีวิต ในขณะที่รถพยาบาลพังเสียหายจนใช้การไม่ได้ ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบริการด้านสุขภาพดังนั้นการพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินจึงมีความสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของผู้ป่วยสิ่งสำคัญคือ อุปกรณ์การช่วยชีวิตและยานพาหนะรถพยาบาล

โครงการมอบรับพยาบาลทั่วประเทศจำนวน 108 คัน โดยความเมตตาพระภาวนารัตนญาณวิ. (ครูบาอริยชาติ) ทำให้โรงพยาบาลพร้าวได้รับมอบรถพยาบาลคันใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งมีความทันสมัยและมีอุปกรณ์ครบครันมีมูลค่าคันละประมาณ 2.5 ล้านบาท ช่วยสร้างขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในการส่งต่อผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุผู้ป่วยฉุกเฉินให้เพิ่มประสิทธิภาพและดูแลประชาชนให้ปลอดภัย

สำหรับพิธีการมอบรถพยาบาลคันใหม่ให้กับโรงพยาบาลพร้าวครูบาอริยชาติ ได้ทำการสวดคาถาพร้อมเจิมรถเพื่อความเป็นสิริมงคลและอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาปกปักษ์รักษารถพร้อมเคาะป้ายแดง ก-9110 กรุงเทพมหานคร สร้างความฮือฮาให้กับผู้เข้าร่วมพิธีในการนำไปเสี่ยวโชคในงวด 16 พฤษภาคม 2567 ที่จะถึงนี้

Amarin TV News
15 พฤษภาคม 2567
8
โรงพยาบาลดังบึงกาฬ(รพ.พรเจริญ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ) ประกาศผ่านเฟซบุ๊กเหลือแพทย์คนเดียว หลังหมอลาออก-ไปเรียนต่อ ต้องให้พยาบาลช่วยตรวจสั่งจ่ายยาแทน เร่งขอยืมหมอรพ.ใกล้เคียง

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากมีกรณีดราม่า เพจเฟซบุ๊กโรงพยาบาล โพสต์ประกาศประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ผ่านมา ระบุข้อความว่า ตั้งแต่วันที่ 27-31 พ.ค. 2567 โรงพยาบาลจะมีแพทย์ประจำเหลือ 1 คน และต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน

จึงได้กำหนดให้มีแนวทางแก้ปัญหาการให้บริการดังนี้
1.ประสานยืมแพทย์ช่วยตรวจจากโรงพยาบาลข้างเคียง
2.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, สุขภาพจิต, ไทรอยด์ ที่มีนัดในช่วงดังกล่าว ผู้ป่วยสามารถมารับบริการได้ตามปกติ โดยหากผลตรวจปกติ หรืออาการป่วยคงที่ พยาบาลวิชาชีพจะสั่งยาเดิมให้ (ไม่ต้องพบแพทย์) และจะปรึกษาแพทย์ ในรายที่มีผลเลือดผิดปกติ หรืออาการผิดปกติเท่านั้น
3. ผู้ป่วยคลอดและอุบัติเหตุฉุกเฉินให้บริการ 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลจึงขอแจ้งให้ผู้รับบริการทราบ และต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ หากการบริการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าปกติ โรงพยาบาลจะให้บริการได้ตามปกติ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.67 เป็นต้นไป

จากเหตุการณ์ดราม่าขาดแคลนแพทย์ดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางเข้าพบ เพื่อสอบถามปัญหากับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดยได้รับการชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า เนื่องจากมีแพทย์ได้ลาออกช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับแพทย์ที่มีอยู่ก็ไปศึกษาต่อ

ทำให้แพทย์ในโรงพยาบาลที่มีน้อยอยู่แล้วจึงขาดแคลน และอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้บริการไม่ทั่วถึง จึงได้แก้ปัญหา โดยให้พยาบาลช่วยตรวจ และประสานยืมแพทย์จากโรงพยาบาลข้างเคียงมาช่วย แต่ก็อาจช่วยได้ไม่เต็ม เพราะเรายืมมาเขาก็ขาด เหตุการณ์ก็จะวนอยู่อย่างนี้

อย่างไรก็ตามการขาดแคลนแพทย์ ก็มีหลายโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้โรงพยาบาลจะให้บริการกลับมาปกติช่วงเดือนมิ.ย.67 เป็นต้นไป แต่ก็คงจะยังให้บริการไม่ได้เต็มที่

15 พ.ค.2567
ข่าวสด
9
นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โต้กลับเหตุตบหน้า ด.ช.วัย 14 ชี้เป็นการกระทำที่สมควรเนื่องจากสูบบุหรี่ กลิ่นควันบุหรี่เข้าสู่ระบบปรับอากาศ ลั่นไม่รับรักษากุ๊ยอันธพาล และควันบุหรี่เป็นสารก่อมะเร็งแก่ผู้ใช้บริการรายอื่นๆ โดยที่เขาไม่สมควรได้รับ

จากกรณีแม่เด็กชายวัย 14 เข้าแจ้งความ เอาผิด นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ หลังตบหน้า-สั่งแก้ผ้า สั่งสอนเด็กชายที่สูบบุหรี่ในห้องน้ำภายในโรงพยาบาล ขณะรอภรรยาคลอดลูก ชี้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุนั้น

วันนี้ (14 พ.ค.) เฟซบุ๊ก “เหรียญทอง แน่นหนา“ หรือ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ออกมาตอบโต้ต่อกรณีดังกล่าว พร้อมชี้แจงระบุข้อมูลว่า ”ได้โปรดแชร์ให้ทราบข้อเท็จจริงทั่วกันว่าเมื่อดึกคืนวันที่ 13 พ.ค. 67 มีไอ้วัยรุ่นกุ๊ยมาสูบบุหรี่ในห้องสุขา แผนกผู้ป่วยนอก หรือโอพีดี ชั้น 1 อาคาร 3 ซึ่งเป็นอาคารใหม่ส่งกลิ่นควันบุหรี่เข้าสู่ระบบปรับอากาศคละคลุ้งทั่วพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ป่วยโอพีดีที่รอรับการตรวจ ทั้งๆ ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะก็ประกาศจัดการผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดรุนแรง แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้ก็ยังท้าทายลองดี ทั้งๆ ที่ภริยาของมันได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะด้วยสาเหตุทารกในครรภ์ไม่ดิ้น จนอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินค่ารักษา

แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้กลับตอบแทนโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะด้วยการท้าทายสูบบุหรี่ ณ โอพีดี รพ.มงกุฎวัฒนะ อาคาร 3 ชั้น 1 ส่งความรำคาญแก่ผู้ป่วยที่มารอตรวจได้สูดควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งปอดกันถ้วนหน้า ผมจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้อย่างดุเดือดรุนแรงตามที่ผมประกาศไว้ตามเสียงตามสายของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อไอ้กุ๊ยละเมิดสิทธิผู้ป่วยรายอื่นๆ สร้างความสุ่มเสี่ยงต่ออัคคีภัยใน รพ.ที่มีผู้ป่วยนอนจำนวนมาก สุ่มเสี่ยงต่อโศกนาฏกรรมแล้ว ทั้งเคยเกิดเหตุอัคคีภัย ณ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จากการสูบบุหรี่ในพื้นที่ของโรงพยาบาลมาแล้วถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2558 และ 2564

ดังนั้น ผมจึงจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้ด้วยตนเองด้วยการตบหน้าสั่งสอน ยึดโทรศัพท์มือถือ แล้วสั่งให้แก้ผ้าล่อนจ้อน ไล่ออกจากพื้นที่ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ไอ้กุ๊ยตัวนี้ยังยกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์มาข่มขู่หน้าทางเข้า โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ 6-7 คันเสียด้วย

แต่ขอบอกตามตรงว่ารู้สึกเฉยๆ ก็ลองแหยมเข้ามาท้าตีท้าต่อยก็จะโต้ตอบรุนแรงกลับไป แถมยังให้ข่าวว่าถูกผมตบคิ้วแตกเสียด้วย โกหกสิ้นดี ผมขอเรียนว่าผมประกาศต่อสาธารณะมาเสมอว่าเราไม่ง้อ ไม่สนผู้ใช้บริการที่เป็นกุ๊ยอันธพาลเกเร คิดจะฝ่าฝืนสูบบุหรี่ เกเร อวดเบ่งบุคลากรทางการแพทย์ กระทำอะไรตามอำเภอใจ ก็ขอเชิญไปโรงพยาบาลอื่นก็แล้วกัน

แต่สำหรับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะแล้วจะมีผู้ใช้บริการที่รู้กฎระเบียบสังคมมาใช้บริการอย่างสบายใจ ผมไม่สนหรอกครับว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ ผมกลับเห็นว่าสมควรแก่เหตุเสียด้วยซ้ำ
ควันบุหรี่เป็นสารก่อมะเร็งแก่ผู้ใช้บริการรายอื่นๆ โดยที่เขาไม่สมควรได้รับ ดังนั้นความเด็ดขาดในการปกป้องโรงพยาบาลทุกแห่งในโลกให้เป็นเขตปลอดบุหรี่จึงต้องเด็ดขาดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

สาธารณชนจะตัดสินใจแยกแยะได้ว่าเมื่อเขาเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว เขาจะมาโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะได้อย่างปลอดภัยจากบุหรี่ รวมถึงปลอดกุ๊ยอันธพาลเกเรด้วย

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบข้อเท็จจริงทั่วกันครับ คนโลกสวยเห็นว่าเกินแก่เหตุไม่สมควรใช้บริการ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะครับ

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
14 พ.ค. 67 เวลา 12.58 น.

14 พ.ค. 2567 ผู้จัดการออนไลน์
10
จากกรณีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียล ถึงถุงใส่ขนมซึ่งพับจากเอกสารผู้ป่วยนอก (Out Patient Department : OPD) ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกรม สบส.ได้ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายนั้น

ล่าสุดวันนี้ (14 พ.ค.67) นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี กรม สบส. เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญต่อการรักษาความลับและความปลอดภัยข้อมูลของผู้ป่วยมาโดยตลอด กรม สบส. ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีบทบาทหน้าที่ในการควบคุม กำกับสถานพยาบาลเอกชน

ขอเน้นย้ำให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งปฏิบัติตามกฎกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการจัดให้มีและรายงานหลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและผู้ป่วย และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2545

หากสถานพยาบาลแห่งใด มิได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำหนดให้เก็บรักษาเอกสารของผู้ประกอบวิชาชีพ/ผู้ป่วย และเอกสารที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลไว้ให้อยู่ในสภาพที่สามารถตรวจสอบได้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่จัดทำ ก็จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินการสถานพยาบาล จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากมีการเก็บรักษาเอกสารไว้เกินระยะเวลาที่กำหนดแต่กลับปล่อยให้มีการเล็ดลอดข้อมูลของผู้ป่วยสู่สาธารณชนก็อาจจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้ โดย กรม สบส.ได้จัดทำหนังสือแจ้งเวียนกำชับสถานพยาบาลเอกชนทุกทั่วประเทศ ทั้งโรงพยาบาล และคลินิก ให้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายในการจัดเก็บและทำลายเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสถานพยาบาลอย่างเคร่งครัด

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า กรม สบส. ได้ประสานกับ สสจ.อุบลราชธานี ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว

เบื้องต้นได้ส่งหนังสือถึงโรงพยาบาลเอกชนที่ถูกกล่าวอ้างให้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเอกสารผู้ป่วยนอกที่หลุดออกจากระบบ รวมถึงชี้แจงแนวทางในการเก็บรักษาและทำลายเอกสารที่เกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล/ผู้ป่วย และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล และระบบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของโรงพยาบาลให้แก่ สสจ.อุบลราชธานี ภายในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567

หากตรวจสอบแล้วพบว่า โรงพยาบาลมิได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงสาธารณสุข ก็จะมีการดำเนินการตามเอาผิดตามกฎหมายแต่หากมิได้มีการกระทำผิดกฎหมายก็จะดำเนินการตักเตือนและชี้แจงแนวทางการทำลายเอกสารมิให้ข้อมูลหลุดออกไปสู่สาธารณชนต่อไป

Thansettakij
14 พ.ค.67
หน้า: [1] 2 3 ... 10