ผู้เขียน หัวข้อ: หมออ้วนทอล์ค  (อ่าน 427 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
หมออ้วนทอล์ค
« เมื่อ: 29 เมษายน 2015, 23:26:09 »
"หมอ ช่วงนี้โรงพยาบาลเราขาดทุน ช่วยลดการจ่ายยาหรือสั่ง Lab. ที่ไม่จำเป็นลงหน่อยนะ"

เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะอย่างที่ทราบๆกันครับว่าโรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่ของประเทศนี้ ประสบปัญหาขาดทุนกันแทบจะถ้วนหน้า พอมีปัญหาก็ต้องแก้กันประมาณนี้ล่ะครับ ลดอะไรได้ลด ตัดอะไรได้ตัด บางทีก็ต้องตัดยาบางตัวเลยด้วยซ้ำเพื่อความอยู่รอด หนำซ้ำลามไปถึงการเลื่อนการจ่ายเบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทนต่างๆไป เพราะไม่มีเงิน

คำถามคือ เราอยากจะจ่ายยาเยอะๆ หว่านตรวจ Lab สารพัด เพื่อให้เปลืองเงินเล่นๆรึป่าว?

ตอบเลยครับว่า ไม่

แม้ทุกวันนี้บางทีทำงานไปก็นึกอยู่ว่าตัวเองเป็นหมอหรือแค่พนักงานจ่ายยาและออกใบรับรองแพทย์ตามสั่งก็เถอะ

อ้าว ไม่แล้วจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ ?

เพราะโลกความจริงที่ต้องเจออยู่มันไม่ได้สวยแบบมีม้ายูนิคอร์นวิ่งอยู่หลังบ้านท่ามกลางเนินเทเลทับบี้ส์โดยมีรุ้งเจ็ดสีเป็นแบคกราวน์ด้านหลัง

คนไข้ของเราหลายๆคน ไม่ได้ฟัง ไม่ได้สนใจสิ่งที่แพทย์บอก สนใจแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยไม่ใส่ใจว่ามันจำเป็นหรือไม่

ภาพที่คุ้นชินคือเราตรวจคนไข้คนนึงด้วยโรคๆนึงจบปุ๊บ มักจะมีประโยคเหล่านี้ตามมา

"ช่วงนี้ตามองไม่ชัด ขอยาหยอดตาด้วยหน่อย"

"เอ้อ ปวดเมื่อยตามตัวด้วย ขอยาแก้ปวดยานวดด้วยหน่อย"

"แถมช่วงนี้ปวดท้องเหมือนเป็นกระเพาะ ขอยากระเพาะไปด้วย"

"แล้วก็นอนไม่ค่อยหลับ ขอยานอนหลับด้วย"

"กินข้าวไม่ค่อยอร่อยด้วยช่วงนี้ ขอยากินข้าวให้อร่อยด้วย"

"เอ้อ ละก็ถ่ายไม่ค่อยคล่อง ท้องผูกบ่อย ขอยาถ่ายด้วย"

อธิบายไปเถอะครับ ให้กินข้าวให้ตรงเวลา ให้ทำนู่นทำนี่ ปรับพฤติกรรมสุขภาพ พูดไปเถอะครับ ไม่ฟังหรอก ต้องได้ยา ไม่งั้นไม่จบ หรือไม่งั้นมีเรื่อง

แล้วพอมีเรื่องร้องเรียน เชื่อเถอะครับ กลุ่มคนที่เคยบอกให้ลดการจ่ายยา ก็จะกลับมาบอกว่า จ่ายให้ไปเถอะ ลดข้อร้องเรียน

ลักลั่นยอกย้อนกันซะไม่มี

นี่ยังไม่นับรวมประเภทอยู่ดีๆเดินเข้ามาโรงพยาบาล ไม่มีอาการอะไร แต่อยากเจาะเลือด อยากเอกซเรย์ อยากอัลตราซาวน์ ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆในการตรวจ แค่อยากตรวจ และเมื่อมาแล้วถ้าหมอไม่ตรวจให้ล่ะก็ พ่อแม่ที่บ้านหมอเตรียมจามเพราะถูกด่าได้เลย

ยังครับ ถ้ายังไม่หนำใจ ก็จะมีประเภทอยากนอนโรงพยาบาลด้วยอาการ"เหมื่อย" เหนื่อยเพลีย กินไม่ได้ ขอเข้าน้ำเกลือ ขอนอนฉีดยา สารพัดสารเพจะขอ

พอทำเรื่องเบิกเงินคืนหน่วยงานที่คุณก็รู้ว่าใคร (ไม่ขอเอ่ยนาม เพราะความร้ายน่าจะพอๆกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์) ก็โดนหักนู่นหักนี่ ทำไมวินิจฉัยแบบนี้ ไม่เข้าเกณฑ์ หักเงิน เขียนไม่ครบ หักเงิน

คือแค่รักษาคนไข้ก็ปวดประสาทพออยู่ละ ยังต้องมานั่งสรุปชาร์ต หาเงินให้เข้ามากที่สุด โดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด และคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี คนไข้ต้องหาย

พอสุดท้ายทำไม่ได้ตามเป้า ขาดทุน ก็นั่นแหละครับ ก็ต้องมาบีบกัน ขอความร่วมมือกัน ปัญหาก็เกิด คือส่วนตัวก็เข้าใจผู้บริหารโรงบาลนะครับ ว่าก็ต้องพยายามรักษาสถานภาพทางการเงินของโรงบาลเหมือนกัน

แต่บางทีบางคนก็คงเข้าใจไม่ไหว เพราะลำพังต้องดราม่ากับคนไข้แต่ละวัน ภาระงานอยู่เวรสารพัด ไหนจะต้องมาโดนบีบด้วยเรื่องพวกนี้อีก สุดท้าย ลาออกไปสบายใจกว่า

หมอลดลง คนไข้เพิ่มขึ้น(ทั้งในด้านจำนวนและความต้องการส่วนตัว) โรงบาลก็เริ่มจะเจ๊ง

มันดูน่าจะรอดจริงๆนะครับ ระบบสาธารณสุขบ้านเรา

ส่วนผู้หลักผู้ใหญ่ เปิดวิทยุเมื่อหกโมงเย็น(ไม่ได้อยากฟังหรอก แต่รถติดบนทางด่วนแถวพระรามเก้าเป็นชั่วโมง หนีไปฟังอย่างอื่นไม่ได้ 55) ยังเห็นสนุกกับการโปรโมทโปรเจกต์หมอครอบครัวกันอยู่ (เป็นโปรเจกต์ที่ดีนะครับ ช่วยเหลือคนสูงอายุนอนติดเตียงหรือผู้ป่วยระยะสุดท้าย ถ้าไม่ติดว่าทุกวันก็ตรวจคนไข้เยอะชิบสัตว์ทะเลมีเปลือกอยู่แล้ว ไหนจะอยู่เวร ไหนจะปวดหัวเรื่องข้างต้น แล้วต้องมาคอยรับโทรศัพท์รับปรึกษาอีกว่าคนไข้ที่อยู่บ้านที่ไม่เห็นสภาพตอนที่โทรมา ควรทำยังไง ว๊าว เมพจริงๆ)

ก็เหมือนเดิมล่ะครับ คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด อะไรที่มันควรเร่งแก้กว่าก็ไม่เห็นจะทำอะไร

สุดท้ายคนทำก็ทำไม่ไหว ก็ออกไป

ลาออกมั่งดีมั้ย ชักเบื่อจะบ่นจริงๆ