ผู้เขียน หัวข้อ: แนะรถบรรทุกเลี่ยงด่านลอย! ช้างป่าอ่างฤาไน!! “ดักกินพืชผลเกษตร” อย่างปลอดภัย  (อ่าน 372 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน เข้าประจำจุดจัดการจราจร คอยแนะนำผู้ใช้รถ หลังมีช้างป่าตั้งด่านดักกินพืชผลทางการเกษตรท้ายรถบรรทุก พร้อมชี้แจงว่าเป็นพฤติกรรมเลียนแบบของช้างป่า ซึ่งเรียนรู้และเลียนแบบวิธีการดักรถบรรทุกมาหลายปีแล้ว

จากกรณีช้างป่าออกมาบนถนนในช่วงที่มีรถบรรทุกพืชผลทางการเกษตรสัญจรมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ย้อนไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว หลายท่านคุ้นชื่อ ”พี่ด้วน ด่านลอย” ช้างป่าสีดอตัวแรกที่เรียนรู้และปรับตัว จากกลิ่น เสียงและแรงสั่นสะเทือนของรถขนาดใหญ่ รวมถึงเศษพืชเกษตรกรรมที่หล่นร่วงบนท้องถนน ทำให้พี่ด้วนต้องออกมาตั้งด่าน เพื่อเรียกเก็บพื้ชผลในรถบรรทุก จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกมาควบคุมและให้คำแนะนำ รวมถึงกำหนดช่วงระยะเวลาในการใช้ถนนเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและช้าง

สำหรับช้างสีดอ ก็คือ ช้างตัวผู้ที่ไม่มีงา การต่อสู้เพื่อแย่งถิ่นอาศัยกับช้างป่ามีงาย่อมเสียเปรียบ การหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าจึงเป็นทางออกหนึ่งในการอยู่รอด อย่างไรก็ตามธรรมชาติก็ให้ช้างสีดอมีโหนกหัวที่ใหญ่ กระโหลกใหญ่ มันสมองใหญ่ รอยหยักเยอะ คิดและฉลาดกว่าช้างมีงา การคิดค้นหาทางออกในการเอาตัวรอดเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ไม่งั้น ช้างสีดอคงสูญพันธุ์ไปแล้ว

ต่อมาพฤติกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่ช้างสีดอเท่านั้นกับพบว่ามีช้างป่าตัวอื่นเลียนแบบและทำตามเช่นกัน โดยช้างป่าจะออกมาบนถนน เปิดทางให้รถวิ่งเลนเดียว พอรถจะวิ่งผ่าน ก็เดินเข้ามาขวางหน้ารถ ก่อนค่อยๆ เดินเลียบไปข้างรถ ดึงอ้อยและมันสำปะหลังออกมากินอย่างสบายใจ บริเวณดังกล่าวกลายเป็นด่านตรวจไปโดยปริยาย

เมื่อเจ้าด่วนได้ล้มลง ผลการชันสูตรของทีมสัตวแพทย์ พบบาดแผลมากมายจากการต่อสู้จากช้างมีงา เพื่อตัดคู่แข่งในการครองพื้นที่ตั้งด่านบนถนน พอต่างฝ่ายต่างเรียนรู้ แต่ผลชันสูตรที่น่าสนใจน่าจะเป็นเรื่องสุขภาพของ "พี่ด้วนด่านลอย" หลังสัตวแพทย์ผ่าซาก คาดว่าพี่ด้วนมีสารพิษตกค้างในร่างกายจำนวนมาก อาจเนื่องมาจาดการกินพืชที่มีการตกค้างของสารเคมีต่อเนื่อง เป็นเวลานาน หรือไม่ก็พิษในพืช ส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล เมื่อร่างกายไม่แข็งแรงก็เสียเปรียบช้างป่าตัวอื่น

ค้นหาราวกับว่า ตรวจหาสิ่งของผิดกฎหมาย

ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบช้างป่า 4 ตัว กระจายตามจุดต่างๆ บางจุดก็เดินมารุมแย่งกัน ต่อสู้กัน เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เพื่อความปลอดภัย เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จึงได้ประจำด่านทั้ง 2 ด้าน จะมีเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วในการจัดจราจรและให้ความปลอดภัยเมื่อเจอช้างดักบนถนน

"หลายคันหยุดให้ช้างรื้อค้น เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ผู้ขับขี่ขับรถไปหยุดข้างหน้า เมื่อสังเกตุว่าช้างเดินมาข้างรถเพื่อที่จะหยิบพืชผลจากในรถ ถ้าด้านหน้ารถถนนว่างก็ขับรถออกไปได้เลย โดยไม่ต้องกระชากตัวแรง แต่ถ้ามองกระจกหลังพบว่าช้างป่าตัวยังเหนี่ยวรถไว้ ก็อย่าพึ่งออกตัว รอจังหวะช้างผ่อนแรงดึง แล้วค่อยๆขับผ่านไป"

อย่างไรก็ตาม ในจุดที่มีช้างป่าออกมาบนถนนจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกท่านและยังเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกันของคนกับช้างป่า

ถนนผ่าป่าสาย 3076 ด่านลอยขาประจำของช้างป่าอ่างฤาไน

ทางหลวงหมายเลข 3076 ที่ช้างป่าอ่างฤาไนออกมาดักสกัดรถบรรทุกพืชผลทางการเกษตร เป็นถนนตัดผ่านป่าช่วงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จนแบ่งฝืนป่าเขาอ่างฤาไนแยกจากกันเป็นสองส่วน เชื่อมต่อระหว่างอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา กับ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว

ซึ่งในอดีตเป็นถนนสายความมั่นคง หรือถนนเดิม 3259 (สร้างเพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงทางทหาร) ฝีมือก่อสร้างของทหารช่าง กองทัพบก เมื่อปี 2532 รวมระยะทางตลอดเส้นทางหนึ่งร้อยกิโลเมตร

ข้อมูลอ้างอิง ประชาสัมพันธ์
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

 6 ก.พ. 2564  โดย: ผู้จัดการออนไลน์

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9760
    • ดูรายละเอียด
เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.2564) บดินทร์ จันทศรีคำ (ลุงหมู สาริกา) ผู้ก่อตั้ง ชมรมฅนรักษ์สัตว์-ป่า ได้โพสต์ภาพคนกับช้างป่า บนถนนทางหลวงหมายเลข 3076

เป็นอีกภาพที่สะท้อนถึงการใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างแบ่งปัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอ่างฤาไน ที่มักมีช้างป่าโผล่ออกมาเดินผ่านถนน เนื่องจากแต่ดั้งเดิมก่อนตัดถนน เป็นพื้นที่ป่าซึ่งก็คือบ้านของช้างป่ามาก่อน

ลุงหมูถ่ายภาพรถขนอ้อย ขณะจอดรถให้ช้างป่าอ่างฤาไนซึ่งยืนรอดักมาก่อนหน้าเพื่อขอกินอ้อยสักหน่อย และคนขับก็อดไม่ได้ที่จะแบ่งปัน ทั้งที่รู้ว่าผิด

ลุงหมู บรรยายว่า “ชีวิตไม่ซับซ้อน บนถนนกลับบ้าน”

ใกล้ค่ำวันนี้ (3 ก.พ.2564) ลุงเดินทางกลับบ้านนครนายก พบสองชีวิตต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน ต่างมีความจำเป็นต้องใช้ถนนสายนี้หาเลี้ยงชีพเช่นเดียวกัน ลุงเห็นช้างป่าอ่างฤาไนยืนรอกินอ้อยที่อยู่บนรถสิบล้อขอแค่อิ่ม ส่วนคนขับรถสิบล้อก็มีรายได้จากการรับจ้างขนอ้อยเข้าโรงงาน แต่ถ้าเห็นช้างก็หยุดรถทุกครั้งแบ่งปันอ้อย

“ก็รู้ว่าผิดกฎราชการ แต่เพราะรักช้าง จึงยอม”

สำหรับทางหลวงหมายเลข 3076 ในอดีตเป็นถนนสายความมั่นคง หรือถนนเดิม 3259 (สร้างเพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงทางทหาร) ฝีมือก่อสร้างของทหารช่าง กองทัพบก เมื่อปี 2532 รวมระยะทางตลอดเส้นทางหนึ่งร้อยกิโลเมตร

เชื่อมต่อระหว่างอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา กับ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว โดยตัดผ่านป่าช่วงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จนแบ่งฝืนป่าเขาอ่างฤาไนแยกจากกันเป็นสองส่วน

ลุงหมู สาริกา ถือว่าเป็นหัวจักรและฟันเฟืองสำคัญของการขับเคลื่อนงานอาสามาอย่างยาวนานจนเป็นที่รู้จักดี โดยเฉพาะงานอาสาด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า ซึ่งรวมถึงปัญหาคนกับช้างป่าใช้พื้นที่ทับซ้อนกันจนทำให้เกิดปัญหาไม่รู้จบ

4 ก.พ. 2564  โดย: ผู้จัดการออนไลน์