สพฉ. เร่งสอบข้อเท็จจริง สายด่วน 1669 ไปช่วย อดีตกองหลังทีมชาติ ช้า คลี่ปมเพื่อน โทร.แจ้งเวลาใด ย้ำ ระบบบันทึกข้อมูลช่วงเวลา 17.23 น. ส่งรถพยาบาลไปช่วยใน 7 นาที ปัดเจ้าหน้าที่ สพฉ. ไม่เอาเครื่อง AED ไปช่วยเหลือ เผย นำเครื่อง AED ไปช่วยแล้ว แต่เพื่อนนำผู้ป่วยส่ง รพ. ก่อน
จากกรณีการเสียชีวิตของ นายบุญธรรม บูรณธรรมานันท์ อดีตกองหลังทีมชาติไทย ที่เกิดอาการหัวใจวายขณะซ้อมฟุตบอลภายในสนามกีฬากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการประสานสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ว่า ใช้เวลานาน 10 - 15 นาที รถพยาบาลก็ยังไม่มา ขณะที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ยืนยันว่า ใช้เวลาเพียง 7 นาที ในการมารับตัวผู้ป่วย แต่ไม่พบเนื่องจากเพื่อนผู้ป่วยทำการส่งตัวผู้ป่วยเอง
วันนี้ (23 ก.พ.) นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า เบื้องต้นเมื่อมีการโทร.เข้ามาที่ระบบ 1669 จะมีการบันทึกเวลาทุกนาทีเมื่อมีการติดต่อ การรับโทรศัพท์ หรือการปล่อยรถพยาบาล โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ในระบบได้บันทึกไว้ว่าศูนย์สื่อสารและสั่งการ 1669 ได้รับแจ้งการขอความช่วยเหลือในเวลาประมาณ 17.23 น. และได้ประสานไปยังสถาบันบำราศนราดูร ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด ในเวลา 17.24 น. และภายใน 2 - 3 นาที รถโรงพยาบาลก็ออกมาจากสถาบันบำราศนราดูร เพื่อไปรับตัวผู้ป่วย แต่ญาติได้นำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลด้วยตนเอง รถพยาบาลเลยไม่ได้เข้าถึงจุดเกิดเหตุ เพราะมีการนำตัวผู้ป่วยออกมาก่อนแล้ว ซึ่งทั้งหมดใช้เวลาเพียง 7 นาที ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คือ ต้องไม่เกิน 8 - 10 นาที อย่างไรก็ตาม หากญาติมีความติดใจ สพฉ. จะตรวจสอบไปที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของผู้ โทร.แจ้ง 1669 ว่า แท้จริงโทร.มาเวลาใด โดยจะตรวจสอบว่า ก่อน 17.23 น. ได้มีการโทร.แจ้งมาที่สายด่วน 1669 หรือไม่ และหากแจ้งแล้วเกิดอะไรขึ้นในระหว่างนั้น เพื่อที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงและนำกลับมาพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
บ่อยครั้งคนทั่วไปเมื่อเจอผู้ป่วยฉุกเฉินจะเข้าไปช่วยผู้ป่วยก่อน ซึ่งใช้เวลาเป็น 10 กว่านาที พอรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วถึงจะเริ่มโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ ซึ่งเวลาที่เสียไปถือว่านานพอสมควร ดังนั้น เมื่อพบผู้ป่วยฉุกเฉินขอให้ โทร.แจ้งสายด่วน 1669 ก่อน ส่วนที่ต้องมีการซักถามอาการผู้ป่วย ก็เพื่อประเมินอาการผู้ป่วยว่าหนักเบาแค่ไหน จะได้ส่งรถที่มีศักยภาพที่เหมาะสมกับอาการป่วย และระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังเดินทางมา เราก็เข้าไปให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนได้ หากในที่เกิดเหตุมีคนมากกว่า 1 คน ก็ทำควบคู่กันไปได้ รองเลขาธิการ สพฉ. กล่าว
นพ.ภูมินทร์ กล่าวว่า แต่ละปีมีผู้ป่วยฉุกเฉินใช้บริการผ่านสายด่วน 1669 เป็นล้านคน โดย 4 ปีที่ผ่านมา สถิติการใช้งานยิ่งเพิ่มมากขึ้น เฉพาะปี 2559 มีผู้ใช้บริการถึง 1,169,136 คน ซึ่งระบบเรากำลังพัฒนาไปได้ด้วยดี ประชาชนก็รู้จักสายด่วนมากขึ้นและเราก็ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินมากขึ้นด้วย
เมื่อถามถึงเพื่อนผู้ป่วยมาขอความช่วยเหลือที่ สพฉ. ซึ่งใกล้ที่สุด แต่ไม่มีการนำเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ออกไปใช้ นพ.ภูมินทร์ กล่าวว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยเมื่อรับแจ้งเหตุ ก็รีบวิ่งมาบอกศูนย์สื่อสารสั่งการที่ชั้น 2 ทันที และศูนย์สื่อสารสั่งการได้รีบโทร.แจ้งศูนย์สั่งการจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ส่งรถส่งอุปกรณ์ที่มีความพร้อมมารับตัวผู้ป่วย ขณะเดียวกัน ก็เตรียมวิ่งออกไปช่วยผู้ป่วยที่จุดเกิดเหตุ พร้อมเครื่อง AED ที่มีอยู่แล้ว แต่ระหว่างเข้าให้การช่วยเหลือก็ได้รับแจ้งจากวิทยุ ว่า มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปสถาบันบำราศนราดูรแล้ว ไม่ใช่ไม่มีใครมาช่วยเหลืออย่างที่เข้าใจ และยังมีการสอบถามไปที่สถาบันบำราศนราดูรด้วย โดยได้รับแจ้งว่าผู้ป่วยไปถึงเวลา 17.30 น. ซึ่งเวลาที่เขาวิ่งมาขอความช่วยเหลือที่ สพฉ. ก็ประมาณ 17.30 น. แล้ว เรื่องนี้คาดว่าเป็นความคลาดเคลื่อนในช่วงเวลาที่ไม่พอดีกัน
โดย MGR Online 23 กุมภาพันธ์ 2560