ผู้เขียน หัวข้อ: "ดร.อาจอง" เผยความจริงที่ทุกบ้านควรรู้เกี่ยวกับ "มังสวิรัติ"  (อ่าน 1290 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9779
    • ดูรายละเอียด
 กล่าวได้ว่า สาเหตุสำคัญของการเกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ มากมายในทุกวันนี้ หนึ่งในสาเหตุหลักมาจากวิถีแห่งการ "รับประทาน" ทำให้หลาย ๆ ครอบครัวเริ่มตระหนัก และหันมาให้ความสำคัญกับอาหารสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในอาหารทางเลือกที่หลายคนเชื่อว่าเป็นทางรอดเพื่อสุขภาพนั้น เราคงจะปฏิเสธอาหาร "มังสวิรัติ" ไปไม่ได้
       
       เช่นเดียวกับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อีกหนึ่งบุคคลที่ตระหนักถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ "มังสวิรัติ" อย่างถ่องแท้ และเป็นต้นแบบและผู้นำทางความคิดในเรื่องนี้อย่างจริงจัง นับเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขบนวิถีแห่งมังสวิรัติได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับบรรดาเด็กนักเรียนและบุคลากรในรั้วโรงเรียนสัตยาไส ซึ่งท่านบอกเล่าให้ฟังว่า เลิกกินเนื้อสัตว์ตั้งแต่อายุ 30 ปี เพราะไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการฆ่าสัตว์ และที่สำคัญอยากมีสุขภาพดี และมีชีวิตที่ยืนยาวถึง 120 ปี
       
       "ทุกวันนี้ 72 ปีแล้ว ไม่เจ็บไม่ป่วย หรือมีปัญหาด้านสุขภาพเลย ตรวจสุขภาพแล้วไม่มีคอเลสเตอรอล ไม่มีไขมัน ไม่มีน้ำตาล" ดร.อาจองเผยถึงผลต่อสุขภาพที่เห็นได้ชัดหลังจากหันมากินมังสวิรัติ
       
       ลึกลงไปในประเด็นเรื่อง "มังสวิรัติ" ดร.อาจอง ให้ข้อเท็จจริงในงานเปิดตัวหนังสือแท้จริงแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืชของสำนักพิมพ์ฟรีมายด์เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า มนุษย์ไม่เหมาะกับการกินเนื้อสัตว์ เพราะหากพิจารณาลักษณะทางกายภาพของมนุษย์แล้ว เราไม่เหมือนกับสัตว์กินเนื้อตรงที่ระบบการย่อยของมนุษย์มีความยาวมากกว่าร่างกาย 9 เท่า ในขณะที่สัตว์กินเนื้อมีเพียง 3 เท่า ซึ่งเป็นผลดีสำหรับพวกมันเพราะจะทำให้เนื้อสดที่กินเข้าไปย่อยสลายได้เร็วและขับถ่ายออกมาก่อนที่มันจะบูดเน่าอยู่ในท้อง แต่สำหรับมนุษย์ การกินเนื้อสัตว์เข้าไปมาก ๆ ยิ่งทำให้เนื้อเหล่านั้นเน่าเสียอยู่ในท้องเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาในภายหลัง
       
       "การกินเนื้อสัตว์ เหมือนเราเอาซากศพเข้าไปไว้ในท้อง เนื่องจากลำไส้มนุษย์จะยาว ผิดกับสัตว์กินเนื้อที่มีลำไส้สั้นแค่ 3 เท่าของร่างกาย นั่นเป็นผลดีสำหรับพวกมัน ในขณะที่สัตว์กินพืชมีความยาวของลำไส้ประมาณ 12 เท่าของร่างกาย ทำให้อาหารที่กินเข้าไปมีเวลาอยู่ในท้องได้นาน แต่เมื่อมันกินแต่พืชผักก็ไม่เป็นปัญหา เพราะอาหารเหล่านั้นย่อยและขับออกมาจากร่างกายได้ง่าย มนุษย์ก็เหมือนกับสัตว์กินพืชที่มีลำไส้ยาว การกินผักจึงดีกว่าเนื้อสัตว์อย่างแน่นอน" ดร.อาจองขยายความ
       
       นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมนุษย์ควรลดเนื้อสัตว์ลงมาบ้าง เพราะนอกจากจะย่อยยาก และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาในภายหลังแล้ว ยังทำให้มนุษย์อายุสั้นอีกด้วย
       
       "สัตว์กินเนื้อส่วนใหญ่มีอายุไม่ยืน อย่างสิงโต อายุเฉลี่ยแค่ 18 ปี เมื่อเทียบกับสัตว์ที่กินพืชผักอย่างช้าง อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 60 ปี หรือม้า วัว และควาย อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40 ปี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสัตว์กินเนื้อตายเร็วกว่าสัตว์กินพืช เหมือนกับชาวเอสกิโมที่กินเนื้อ และไขมันจำนวนมาก มักจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 29 ปีเท่านั้น ขณะที่ชาวหันสา ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในปากีสถาน กินเมล็ดธัญพืช อาหารสด ผลไม้ และผัก เราพบว่า คนกลุ่มนี้มีอายุยืนถึง 110 ปีเลยทีเดียว" ดร.อาจองเผย

       อย่างไรก็ดี การหันมากินมังสวิรัติ หรือช่วยกันลดเนื้อสัตว์ ไม่เพียงแต่จะมีผลดีต่อร่างกายและจิตใจของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดปัญหาความอดอยากขาดแคลนของผู้คนบนโลกใบนี้ได้อีกนับหลายล้านคน เนื่องจากธัญพืชที่ถูกนำไปเลี้ยงสัตว์จำนวนมากจะเหลือเพียงพอกับคนทั้งโลก และไม่มีใครต้องทนหิวอีกต่อไป
       
       "ทุกวันนี้ 1 ใน 3 ของธัญพืชที่ผลิตได้ทั้งโลก ถูกนำไปใช้ในการทำปศุสัตว์เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงวัวเลี้ยงสัตว์ แทนที่จะนำไปเป็นอาหารแด่เพื่อนร่วมโลก 1,500 ล้านคนที่อดอยากทุกข์ยากเพราะความหิว"
       
       นอกจากนี้ การหันมากินมังสวิรัติยังช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้อีกด้วย
       
       "การกินผักช่วยให้โลกเย็น แต่การกินเนื้อสัตว์เป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดโลกร้อนเพราะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าอย่างป่าอเมซอนในบราซิล เริ่มถูกโค่นลง เพื่อทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ไม่เพียงเท่านั้นในมูลสัตว์มีก๊าซมีเทนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า ซึ่งเป็นตัวการทำให้โลกร้อนขึ้น" ดร.อาจองให้ข้อมูล
       
       ดังนั้น การทานมังสวิรัติจึงไม่ใช่แค่เรื่อง "การกินผักแล้วได้บุญ" แต่ยังส่งผลกระทบที่ดีอีกกว้างไกล
       
       อ่านถึงบรรทัดนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเห็นข้อเท็จจริงในหลากหลายมิติเกี่ยวกับการทานมังสวิรัติกันได้ดีขึ้น ซึ่งทีมงาน และดร.อาจองไม่ได้มุ่งหวังให้ทุกคน หรือทุกครอบครัวเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้ว แต่ต้องการเป็นเสมือนตัวแทนการบอกเล่าความจริงเกี่ยวกับการทานมังสวิรัติ เพื่อนำเสนอเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้อ่าน Life & Family นำไปพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าหนทางไหนเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเองครับ   

ASTVผู้จัดการออนไลน์    31 มกราคม 2555