ผู้เขียน หัวข้อ: แดนสนธยา ของวงการสุขภาพไทย  (อ่าน 621 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
แดนสนธยา ของวงการสุขภาพไทย
« เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2015, 15:59:37 »
.....ตลอด 4-5 ปีหลัง เมื่อผ่านพ้นช่วงฺเริ่มต้นที่แสนงดงามของระบบหลักประกันสุขภาพ ปัญหาสถานการณ์การเงินของรพ.เริ่มผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะๆ แต่ไม่ค่อยมีผู้สนใจมากนัก จนเมื่อกลุ่มประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาระบบบัญชีของรพ.ทั้งประเทศขึ้น จึงเห็นภาพชัดเจนขึ้นของปัญหาร้ายแรงที่หมักหมมอยู่ ภายใต้แสงไฟสีสันอันงดงาม ที่ชาวโลกยกย่อง (ตามภาพที่นำเสนอของสปสช.เอง)
.....เมื่อกระทรวงสาธารณสุขได้รวบรวมข้อมูลการใช้เงินของสปสช.ให้เป็นระบบ เพียงพอที่จะวิเคราะห์ถึงวิธีคิด วิธีใช้เงินกองทุน วิธีตกแต่งบัญชี วิธีการหาเงินสวัสดิการ และอื่นๆอีกมากมาย ทำให้สิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้ ไม่เคยมีใครเห็น กลับเผยออกมาชัดเจนขึ้นว่า น่าจะมีความผิดปกติเกิดขึ้นในการบริหารกองทุนประกันสุขภาพขนาดใหญ่ของประเทศกว่าแสนล้านบาทต่อปี มีคำถามถึงความไม่มีประสิทธิภาพ มีคำถามถึงความไม่สุจริต มีคำถามถึงการกระทำผิดกฎหมาย มีคำถามถึงการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องในเครือข่าย โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เพราะมั่นใจในพลังอำนาจของบอร์ดว่าสามารถแก้ผิดให้เป็นถูกได้
.....ถ้าถอยออกมามองให้กว้างกว่ากระทรวงสาธารณสุขและสปสช. เราจะเห็นภาพเครือข่ายตระกูล ส. ที่มักเกิดขึ้นมาในช่วงการเมืองไม่ปกติและมีพรบ.ของตนเอง บางองค์กรได้รับเงินกองทุนจากภาษีบาปเพื่อมาดำเนินการเรื่องส่งเสริมสุขภาพ ใช้เงินไปปีละมากมาย แต่ไม่เคยประเมินผลลัพธ์ว่า สิ่งที่ทำไป โดยเฉพาะการออกสปอร์ตโฆษณา ได้ผลต่อสุขภาพของประชาชนมากน้อยเพียงใด และกก.สามารถบริหารเงินตามระเบียบของตนเองได้ โดยไม่ต้องสนใจระเบียบของกระทรวงการคลัง เงินกองทุนที่เหลือใช้แต่ละปี ไม่ต้องส่งคืนคลัง (เพราะเหตุใด?) ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่องค์กรตระกูล ส.เหล่านี้กลับมีเงินใช้ได้อย่างเต็มที่
.....บางองค์กรที่เกิดมาเก่าแก่ ก็มีปัญหา conflict of interest และมีการรับเงินต่างชาติมาแล้วพบมีการบริหารเงินไม่โปร่งใส จนต้องมีการตรวจสอบ และมีการพยายามใช้อำนาจมาตั้งกก.ในหมู่เครือข่ายเข้ามาเพิ่ม จนมีผู้ร้องเรียนต่อปปช. จนที่สุด ปปช.มีมติต่อข้อกล่าวหา ส่อทุจริตของรัฐมนตรีในปัจจุบันทั้งรมว.และรมช. โดยตั้งอนุกก.เพื่อไต่สวนโดยละเอียด (แสดงว่ามีมูล น่าเชื่อได้ว่า...)
จนบัดนี้ พวกเรายังไม่เห็นการแสดงสำนึกความรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่อันมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีเลยจากรัฐมนตรีทั้งสองท่าน (นี่หรือ นักการเมืองในยุคปฏิรูป เดินหน้าประเทศไทย ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น)
.....บางองค์กรในตระกูล ส. ที่ดูแลเรื่องระบบคุณภาพของรพ. ได้รับงปม.จากรัฐบาลทุกปี แต่ยังมาหากินกับรพ.ต่างๆ ทั้งเรื่องค่าตัวของผู้เยี่ยมสำรวจที่แพงเหลือเกิน ทั้งเรื่องการจัดหลักสูตรอบรมที่ค่าลงทะเบียนแพงพอๆกับภาคเอกชนจัด ทั้งๆที่ได้รับงปม.จากรัฐบาล สุดท้ายรพ.ของรัฐต้องจ่ายเงินสองต่อ ทั้งเข้าอบรม และขอให้มาตรวจเยี่ยมเพื่อรับรองคุณภาพ
.....บางองค์กรบทบาทควรจะเป็นสนับสนุนด้านวิชาการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน แต่กลับออกมาเล่นบทบาทผู้ให้บริการซะเอง ทั้งๆที่ไม่มีบุคลากรในมือเลย (ในภูมิภาค) การดำเนินการการแพทย์ฉุกเฉินเกือบทั้งหมดอยู่ที่รพ.รัฐเป็นหลัก และเสริมด้วยภาคเอกชน และมูลนิธิต่างๆที่เข้าร่วม แต่คงด้วยต้องการบริหารงปม.จึงต้องแสดงบทบาท Provider ด้วย ทำให้ดูเสมือนไม่เข้าใจบทบาทตนเองดีพอ
.....เมื่อมองในมุมของบุคคลที่เข้ามาในเครือข่ายองค์กรตระกูล ส. จะเห็นว่าเป็นคนเพียงกลุ่มเดียว ที่หมุนเวียน สลับผลัดเปลี่ยนกันเป็นกก.บอร์ดขององค์กรโน้นบ้าง องค์กรนี้บ้าง เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี (ฤา ประเทศนี้จะไม่มีคนดี ไม่มีคนเก่งเหมือนพวกนี้อีกแล้วกระมัง)
..
.....ไม่ผิดที่จะเรียกเครือข่ายนี้ว่า เป็น แดนสนธยา ของวงการสุขภาพไทย
..
.....ประเด็นคือ ทหารรู้หรือไม่ ทหารคิดอะไรอยู่ มาตรา 44 คงพอที่จะเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพไทย ให้เดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกที่ควร


วงการแพทย์และสาธารณสุขไทย.