หมวดหมู่ทั่วไป > ห้องพักผ่อนรวม (Common Room)
แก่อย่างเดียวดาย-ตายอย่างโดดเดี่ยว ปัญหาหนักกว่า สังคมผู้สูงวัย แต่ไม่เคยถูก
(1/1)
story:
อยู่ตามลำพัง ปัญหาหนึ่งของ สังคมผู้สูงวัย เมื่อสถิติชี้จะมี คนแก่ ที่ใช้ชีวิตตัวคนเดียว เพิ่มขึ้น นักวิชาการสะท้อน ผู้สูงอายุที่อยู่ตัวคนเดียวคือ กลุ่มเปราะบาง ที่ถูกมองข้าม
ปัญหาเรื้อรัง เพราะไม่ถูกวางแผนล่วงหน้า
เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ไทย ได้เข้าสู่ สังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์ แล้ว แต่ปัญหาหนึ่งคือ มีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ใช้ชีวิตอยู่ ตัวคนเดียว โดยไม่มีญาติหรือลูกหลานดูแล นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการทอดทิ้งคนแก่
แต่ด้วยโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป คนมีลูกกันน้อยลง เลือกใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น เหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ส่งผลถึงกัน และจากรายงาน ภาพสะท้อนสถานการณ์การของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียว ของ มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ระบุว่า...
สัดส่วนของ คนแก่ ที่อาศัยตามลำพัง เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในปี 2564 คือมีผู้สูงอายุที่ อยู่ตัวคนเดียว ถึง1.6 ล้านคน หรือคิดเป็น 12% ของจำนวนผู้อายุทั้งหมด
และอีก 21% อยู่ตามลำพังกับคู่สมรส บวกกับด้วยทุกวันนี้ คนไม่นิยมมีลูก ทำให้แนวโน้มผู้สูงอายุในอนาคต จะเป็นคนที่ต้องอยู่ตามลำพังโดยไม่มีลูกหลาน เพิ่มสูงขึ้น
ปัญหาของการที่ คนแก่ อยู่คนเดียว แน่นอนคือ สุขภาพ ที่ไม่มีใครคอยดูแล บางครั้งอาจร้ายแรงถึงขั้น เสียชีวิต โดยที่ไม่มีใครรู้เลยก็มี อย่างที่เราเคยเห็นกันในสื่อ
รศ.ดร.ศุทธิดา ชวนวันสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล สะท้อนปัญหาที่คนเหล่านี้ต้องเจอให้ทีมข่าวฟังว่าคือ การเข้าไม่ถึงบริการด้านสาธารธสุข หรือบริการสังคมอื่นๆ และคำตอบได้จากผู้สูงอายุเหล่านี้คือ...
ประมาณ 1 ใน 4 ของคำตอบ คือไม่มีคนพาไป มันก็เป็นคำถามนึงว่า แล้วเราจะทำยังไงให้คนกลุ่มนี้ เข้าถึงบริการสาธารณสุข หรือบริการทางสังคม จะทำยังไงกับคนกลุ่มนี้ดี
แม้จะตระหนักถึงปัญหาเรื่องผู้สูงอายุในภาพรวม แต่เราไม่เคยนิยามว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ตัวคนเดียว แบบไร้ญาติขาดมิตรนั้นเป็น กลุ่มเปราะบาง
เอาเข้าจริง ผู้สูงอายุกลุ่มนี้ ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษแต่ในเมื่อไม่ถูกนิยามว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง อย่างคนพิการ หรือผู้ป่วยติดเตียง เราอาจไม่ได้ตระหนักว่า พวกเขาจะอยู่ได้ไหม
การจะดูแลเหล่าผู้สูงอายุ จริงๆ อาจต้องเริ่มตั้งแต่ยังไม่เป็นผู้สูงอายุอย่าง การลงทะเบียนผู้สูงอายุ ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่อายุ 55 ปี เพราะอีก 5 ปีก็จะกลายเป็นผู้สูงอายุ
อาจจะต้องขึ้นทะเบียนสำหรับคนอาศัยอยู่คนเดียว เพราะเมื่อแก่ตัวขึ้น ความเสี่ยงเรื่องการดูแลมันจะตามมา คนกลุ่มนี้เองที่ภาครัฐและประชาสังคมต้องให้การดูแลเป็นพิเศษ
ปัญหาหนึ่งอย่างที่เจอเยอะเลยคือ ปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ ซึ่งมากกว่าร่างกาย บางคนถึงร่างกายจะดี แต่มีเรื่องซึมเศร้า ความเหงา ความกังวลที่จะอยู่คนเดียว
ความกังวลคืออีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุกลุ่มนี้ลำบาก เรื่องที่กังวลส่วนมากคือ ความปลอดภัย ผู้เฒ่าหลายคน อยากจ้างคนมาช่วยดูแล แต่ก็ห่วงเรื่องการถูกทำราย หรือลักขโมย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มีการเสนอไปในเชิงนโยบายว่า ควรจะหาหน่วยงานหลัก ที่เข้ามาดูแลผู้สูงอายุกลุ่มนี้ และบรรจุให้เป็นภารกิจหลัก ในทั้งองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น หรือในชุมชน
เพื่อนบ้าน-ชุมชน ระบบช่วยเหลือคนแก่
จากสภาพสังคมที่เห็น ดูเหมือนหลายคนในอนาคต คงต้องใช้ชีวิตวัยแก่อย่างโดดเดียว คำถามที่น่าสนใจคือ เรามีระบบที่ช่วยให้ผู้สูงอายุเหล่านั้น สามารถใช้ชีวิตได้ แม้จะไม่มีครอบครัวดูแลได้หรือเปล่า?
กูรูรายเดิมช่วยยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ตอนนี้บ้านเรามีบริการที่เรียกว่า ผู้ช่วยเหลือพาไป เป็นบริการ ที่พาไปโรงพยายาบาล พาไปทำธุระข้างนอก แล้วก็นำกลับมาส่งที่บ้าน
แต่ด้วยที่ว่าบริการรูปแบบนี้ มันยังไม่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีเฉพาะในเขตเมือง แต่ก็ถือเป็นบริการที่ดี และพอจะช่วยแก้ปัญหา การเข้าถึงบริการการรักษาของคนกลุ่มนี้ได้ในระดับนึง
ส่วนในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ลำพังในบ้านนั้น บางพื้นที่ก็เริ่มมีการผลักดันเรื่อง การบริการชุมชน โดย ดร.ศุทธิดา อธิบายแนวคิดเหล่านี้ไว้เพิ่มเติม
มีแนวคิดที่ว่า คนที่อยู่คนเดียวเนี่ย เราอยากให้เขาได้อยู่บ้านเดิม ชุมชนเดิมได้ โดยที่เขาไม่ต้องพึ่งพาใครได้ยาวนานที่สุด หมายความว่าแม้จะอยู่คนเดียวโดยไม่มีครอบครัวเลย แต่ก็จะมีการดูแลโดยชุมชน
ต่างกับ ยุโรป ที่จะเห็นว่า ส่วนใหญ่มักเลือกไปอยู่บ้านพักคนชรา หรือซื้อบริการสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ เพราะว่า สวัสดิการและเงินบำนาญของเขาสูง พวกเขาจึงสามารถดูแลตัวเองในตอนแก่ได้
แต่ตอนนี้บ้านเราก็เริ่มมีโมเดล ที่เรียกว่า การดูแลระยะยาว ในบางพื้นที่ คือมีการติดตั้งสัญญาณขอความช่วยเหลือ หรือกล้องวงจรปิดที่ส่งสัญญาญตรงไปยังหน่วยงานในท้องถิ่น
เขาจะมีกริ่งเรียก แล้วมันจะส่งสัญญาณไปยังหน่วยงานในชุมชน ให้รับรู้ว่าบ้านนี้ ผู้สูงอายุกำลังมีปัญหา
อีกอย่างที่ทีมวิจัยของ ดร.ศุทธิดา กำลังผลักดันคือ การดูแลโดยเพื่อนบ้าน หมายถึงในหนึ่งชุมชน จะมีการตั้งผู้นำที่รับผิดชอบในการดูแลผู้สูงอายุ เก็บข้อมูลว่าในชุมชนมีผู้สูงอายุกี่คน คนไหนที่อาศัยอยู่คนเดียว แล้วก็ให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นคนช่วยดูแล เพราะเพื่อนบ้านจะเป็นคนที่เข้าไปช่วยเหลือได้เร็วที่สุด ตรงนี้ก็อาจช่วยได้
อาจารย์เสริมอีกว่า จริงๆ แล้วการดูแลเรื่องเหล่านี้ ทางภาครัฐทำมาตลอด อย่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นคนคอยดูแลเรื่องเหล่านี้
แต่จากการลงพื้นที่วิจัยก็พบปัญหาหนึ่ง คือจำนวนบุคลากรน้อย และภาระงานที่เยอะ ทำให้บางพื้นที่ไม่ได้ถูกดูแลอย่างทั่วถึง อีกเรื่องคือ ข้อมูลที่กระจัดกระจาย ของแต่ละหน่วยงาน ถ้าตรงนี้สามารถบูรณาการรวมกันได้ ก็จะตอบโจทย์ในการดูแลผู้สูงอายุได้ดีขึ้น
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
14 เม.ย. 2567 ผู้จัดการออนไลน์
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version