4.ครม.เคาะงบซื้อยาง 4,500 ล้าน เริ่มรับซื้อ 25 ม.ค. ด้าน กยท.ไฟเขียวงบก้อนแรก 500 ล้าน รับซื้อยาง 834 จุด!
ความคืบหน้าการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำของรัฐบาล หลังคณะกรรมการแก้ปัญหาราคายาง ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีมติรับซื้อยางแผ่นดิบจากเกษตรกรโดยตรงในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ส่วนยางชนิดอื่นจะรับซื้อในราคาลดหลั่นตามที่เคยรับซื้อมา ซึ่งเบื้องต้นกำหนดจะรับซื้อจำนวน 1 แสนตัน โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 19 ม.ค. เพื่อพิจารณางบประมาณทั้งหมดที่จะใช้ในการรับซื้อ
ปรากฏว่า หลังประชุม ครม.เมื่อวันที่ 19 ม.ค. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ครม. มีมติอนุมัติราคารับซื้อยางโดยตรงจากเกษตรกรที่ 45 บาท/กก. สำหรับยางแผ่นดิบ วงเงิน 4,500 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับซื้อตั้งแต่ 25 ม.ค. นี้ เป็นต้นไป
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีแผนรับซื้อยางด้วยเงิน 5,479 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่จะใช้รับซื้อยางจากเกษตรกร 4,500 ล้านบาท เป็นค่าจ้างแปรรูป ค่าขนส่ง 739 ล้านบาท ค่ารักษา 150 ล้านบาท และค่าดำเนินการตามที่จ่ายจริง 90 ล้านบาท สาเหตุที่ต้องมีค่าจ้างแปรรูป เนื่องจากยางที่รับซื้อจากเกษตรกร บางครั้งเป็นน้ำยางสด ถ้าไม่แปรสภาพเป็นน้ำยางข้นก็จะเสีย ยางแผ่นดิบก็แปรสภาพเป็นยางแผ่นรมควัน จากยางก้อนถ้วยก็อัดเป็นก้อน จึงต้องมีการจัดงบไว้รองรับการแปรรูป
พล.ต.สรรเสริญ เผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงว่า เกษตรกรที่ขายยางออกไปหมดแล้ว จะเอายางกลับมาวนเวียนขายอีก ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ได้ประสานความร่วมมือกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้าไปตรวจสอบคลังเก็บยางว่า มีการนำออกมาหมุนเวียนขายอีกหรือไม่ จึงยืนยันได้ว่ามีกระบวนการตรวจสอบทุกขั้นตอน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. คณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ได้ประชุมร่วมกับนางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อวางแนวทางดำเนินการรับซื้อยาง 1 แสนตันจากชาวสวนยาง วงเงิน 4,500 ล้านบาท ตามโครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ
หลังประชุม นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เผยว่า จะเริ่มรับซื้อยางจากเกษตรกรรายย่อยโดยตรงในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นตั้งจุดรับซื้อ 834 จุด เพื่อนำมาใช้ตามความต้องการของกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะขายยางได้ราคาสูงกว่าตลาด ยืนยันว่าการรับซื้อจะไม่มีเกษตรกรตัวปลอมแน่นอน เพราะมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรสวนยาง นอกจากนี้ คสช.ได้ส่งกำลังทหารมาร่วมดูแลด้วย
ด้านนายเชาว์ ทรงอาวุธ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่า กยท. กล่าวว่า เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนกับ กยท. มี 1.2 ล้านราย เป็นคนกรีดยาง 2 แสนราย และได้เปิดให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเพิ่มด้วย โดยจะมีการรับซื้อยางทั้ง 3 ชนิด ทั้งยางแผ่นดิบ น้ำยางสด ยางก้อนถ้วย โดยบอร์ด กยท.เห็นชอบวงเงินก้อนแรกที่จะใช้ในโครงการนี้ 5,479 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความแล้ว กยท.สามารถใช้เงินทุนประเดิมก้อนแรก 500 ล้านบาท ที่บอร์ด กยท.สามารถอนุมัติได้ โดยจะเข้ารับซื้อวันที่ 25 ม.ค.นี้เป็นวันแรก เริ่มเวลา 09.00 น. ให้สิทธิรายละ 150 กิโลกรัม ตั้งจุดรับซื้อในภาคใต้ 400 กว่าจุด ภาคตะวันออก 30 จุด ภาคอีสาน 200 จุด และภาคเหนือ 200 จุด โดยจะเปิดจุดรับซื้อถึงวันที่ 30 มิ.ย.
5.อัยการยื่นฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส พร้อมคนไทย 7 คน คดีเลี่ยงภาษีนำเข้าบุหรี่ 2 หมื่นล้าน ด้าน ฟิลลิป มอร์ริส ยันไม่จริง!
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้นำทีมแถลงข่าวการยื่นฟ้องบริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) ลิมิเต็ด กรณีหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรนำเข้าบุหรี่ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. พนักงานอัยการคดีพิเศษได้ยื่นฟ้องบริษัทฟิลลิป มอร์ริส ฯ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีนายทรอย เจ มอดลิน (TROY J MODLIN) เป็นผู้แทน และพนักงานที่เป็นคนไทยอีก 7 คน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 -8 ต่อศาลอาญาแล้ว ในความผิดฐานร่วมกันเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ในการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร โดยเจตนาที่จะฉ้อค่าภาษีของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 , 115 จัตวา , พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 11 ) พ.ศ.2490 มาตรา 3 , พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 17 ) พ.ศ.2543 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 , พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ.2489 มาตรา 4-9 ซึ่งคดีมีอัตราโทษตามกฎหมายศุลกากร ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคารวมค่าอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ทั้งปรับและจำคุก
ทั้งนี้ คำฟ้องของอัยการสรุปว่า บริษัทดังกล่าวกับพวก ได้ร่วมกันนำเข้าบุหรี่มาในราชอาณาจักรและสำแดงราคาสินค้าอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งเหตุเกิดระหว่างเดือน ก.ค.2546-เดือน มิ.ย.2549 เป็นความผิดทั้งสิ้น 272 ครั้ง โดยรวมราคาของสินค้าบุหรี่บวกกับราคาภาษีอากรที่หลีกเลี่ยงเป็นเงินทั้งสิ้น 20,210,209,582.50 บาท ซึ่งศาลอาญาได้รับฟ้องแล้ว โดยนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลยวันที่ 25 เม.ย.เวลา 09.00 น. สำหรับจำเลย ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากจำเลยยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว 1 ล้านบาท
ด้านนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่หลบหนีอยู่ ศาลได้ออกหมายจับแล้ว หากได้ตัวมา จะนำตัวมาฟ้องภายในอายุความ นายชาติพงศ์ ยืนยันด้วยว่า ไม่มีการวิ่งเต้นให้สั่งหรือไม่สั่งฟ้องคดี ส่วนเหตุที่ฟ้องล่าช้า เนื่องจากหลังจากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อปี 2556 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ขอเลื่อนเข้ารายงานตัว ประกอบกับมีความคลาดเคลื่อนในเรื่องตัวเลข และมีเอกสารจำนวนมาก จึงต้องแก้ไขใหม่ ขณะที่ความผิดในส่วนของฝ่ายการเมืองยังไม่มีการแจ้งข้อมูลมาจาก ป.ป.ช.แต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้ต้องหาที่ทางอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องในคดีนี้มี 14 ราย ซึ่งอัยการได้ฟ้องเป็นจำเลยแล้ว 8 ราย ประกอบด้วย นิติบุคคล 1 ราย คือ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส ฯ , เอกชนซึ่งเป็นคนไทย 7 ราย ได้แก่ 1.นายศิลาเอก สุนทราภัย 2.นางดาลัค วารณะวัฒน์ 3.น.ส.เสาวลักษณ์ อาภาเบิกบาน 4.น.ส.จรรยานี วิสุทธิกุลพาณิชย์ 5.น.ส.สุจินดา ไตรรัตน์เกยูร 6.นางทรรศสม ลาภประเสริฐ และ 7.น.ส.วราภรณ์ อภิเสถียรสุข ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 รายนั้น แบ่งเป็น คดีขาดอายุความ 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย และหลบหนีอีก 4 ราย
ด้านบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) ลิมิเต็ด ได้ออกเอกสารข่าวยืนยันว่า ข้อกล่าวหาของอัยการไม่มีมูลความจริง และไม่ยุติธรรม รวมทั้งละเมิดต่อพันธกรณีที่ประเทศไทยมีต่อองค์การการค้าโลกในการปฏิบัติตามความตกลงว่าด้วยการประเมินราคาศุลกากร
ขณะที่นายทรอย มอดลิน ผู้จัดการสาขาของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) ลิมิเต็ด ยืนยันเช่นกันว่า บริษัทไม่ได้กระทำผิดแต่อย่างใด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจของนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ในการสั่งฟ้องบริษัทฯ รวมถึงการสั่งดำเนินคดีกับอดีตพนักงานและพนักงานปัจจุบันของบริษัทนั้นขัดแย้งกับคำสั่งไม่ฟ้องของสำนักงานอัยการสูงสุดเองในข้อหาเดียวกันเมื่อ 4 ปีก่อน นอกจากนี้ยังขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของกรมศุลกากร คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ สำนักตรวจสอบหลังการตรวจปล่อยสินค้า รวมถึงองค์การการค้าโลกก่อนหน้านี้ด้วย
โดย MGR Online 23 มกราคม 2559