466
ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ / ร่าง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับการศึกษา พ.ศ......(ฮา)
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2010, 13:38:30 »
ร่าง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับการศึกษา พ.ศ......
มาตรา 1
ผู้เสียหายจากการรับการศึกษามีสิทธิ ได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้น และเงินชดเชย
ในกรณีที่ผู้รับการศึกษาได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรับการศึกษา โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด
มาตรา 2
บทบัญญัติในมาตรา 1 มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้
1. ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามปกติสำหรับระดับไอคิวนั้นๆ ของผู้รับการศึกษา
2. ความเสียหายซึ่งหลีกเลี่ยงมิได้จากการให้การศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
3. ความเสียหายที่เมื่อสิ้นสุดกระบวนการให้การศึกษาแล้วไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตตามปกติ
มาตรา 3
ประเภทของความเสียหาย และอัตราการจ่ายเงิน
ประเภท อัตราการจ่ายเงิน
เสียหายร้ายแรง (สอบตก ไม่มีสิทธิสอบ) 500,000 บาท
เสียหายมาก (เอ็นไม่ติด) 200,000 บาท
เสียหายเรื้อรัง (เอ็นติดคณะฯที่พ่อแม่ไม่พอใจ) 100,000 บาท
มาตรา 4
การชดเชยความเสียหายให้พิจารณาตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. ถ้าผ่านการเรียนพิเศษจากสถาบันที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง ให้ชดเชยเป็นสองเท่า
2. ถ้าผ่านการเข้าร่วมรายการ tutor channel ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้ชดเชยเป็นสามเท่า
มาตรา 5
ให้มีคณะกรรมการคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบการศึกษา มีหน้าที่กำหนดนโยบาย และมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้เสียหาย สนับสนุนการไกล่เกลี่ย และสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบการศึกษา
มาตรา 6
ให้มีคณะอนุกรรมการพิจารณาให้เงินช่วยเหลื่อเบื้องต้น และเงืนชดเชย ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ด้านสังคม ด้านคุ้มครองผู้รับการศึกษา และผู้แทนสถานศึกษา และผู้แทนผู้รับการศึกษา ด้านละหนึ่งคน
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
(เหตุผล วิชาการ ความจริงไม่ต้องเอามาพิจารณาก็ได้)
การวินิจฉัยของคณะกรรมการ หรืออนุกรรมการให้เป็นที่สุด
มาตรา 7
ให้จัดตั้งกองทุนขึ้น กองทุนหนึ่ง เพื่อจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น และเงินชดเชยให้แก่ผู้เสียหาย หรือ ทายาท
กองทุนประกอบด้วย
1. เงินที่สถานศึกษา(ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งโรงเรียนกวดวิชา)จ่ายสมทบ
2. เงินที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูจ่ายสมทบ
3. เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
มาตรา 8
หากผู้เสียหาย หรือทายาทไม่ตกลงรับเงินชดเชย สามารถฟ้องต่อศาลได้
มาตรา 9
หากผู้ให้ศึกษาถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดี ฐานกระทำการโดยประมาทเกี่ยวเนื่องกับการให้การศึกษา หากศาลเห็นว่าจำเลยกระทำผิด ให้ศาลนำข้อเท็จจริงของจำเลยเกี่ยวกับประวัติ พฤติการณ์แห่งคดี มาตรฐานวิชาชีพ การบรรเทาผลร้ายแห่งคดี การรู้สำนึกในความผิด การที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การชดใช้เยียวยาความเสียหาย และการที่ผู้เสียหายไม่ติดใจให้จำเลยได้รับโทษ ตลอดจนเหตุผลอื่นอันสมควร มาพิจารณาประกอบด้วยในการนี้ ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใด หรือจะไม่ลงโทษเลยก็ได้
มาตรา 10
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
..............นักร่างกฎหมายสมัครเล่น
มาตรา 1
ผู้เสียหายจากการรับการศึกษามีสิทธิ ได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้น และเงินชดเชย
ในกรณีที่ผู้รับการศึกษาได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรับการศึกษา โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด
มาตรา 2
บทบัญญัติในมาตรา 1 มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้
1. ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามปกติสำหรับระดับไอคิวนั้นๆ ของผู้รับการศึกษา
2. ความเสียหายซึ่งหลีกเลี่ยงมิได้จากการให้การศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
3. ความเสียหายที่เมื่อสิ้นสุดกระบวนการให้การศึกษาแล้วไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตตามปกติ
มาตรา 3
ประเภทของความเสียหาย และอัตราการจ่ายเงิน
ประเภท อัตราการจ่ายเงิน
เสียหายร้ายแรง (สอบตก ไม่มีสิทธิสอบ) 500,000 บาท
เสียหายมาก (เอ็นไม่ติด) 200,000 บาท
เสียหายเรื้อรัง (เอ็นติดคณะฯที่พ่อแม่ไม่พอใจ) 100,000 บาท
มาตรา 4
การชดเชยความเสียหายให้พิจารณาตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. ถ้าผ่านการเรียนพิเศษจากสถาบันที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง ให้ชดเชยเป็นสองเท่า
2. ถ้าผ่านการเข้าร่วมรายการ tutor channel ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้ชดเชยเป็นสามเท่า
มาตรา 5
ให้มีคณะกรรมการคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า คณะกรรมการสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบการศึกษา มีหน้าที่กำหนดนโยบาย และมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้เสียหาย สนับสนุนการไกล่เกลี่ย และสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบการศึกษา
มาตรา 6
ให้มีคณะอนุกรรมการพิจารณาให้เงินช่วยเหลื่อเบื้องต้น และเงืนชดเชย ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ด้านสังคม ด้านคุ้มครองผู้รับการศึกษา และผู้แทนสถานศึกษา และผู้แทนผู้รับการศึกษา ด้านละหนึ่งคน
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
(เหตุผล วิชาการ ความจริงไม่ต้องเอามาพิจารณาก็ได้)
การวินิจฉัยของคณะกรรมการ หรืออนุกรรมการให้เป็นที่สุด
มาตรา 7
ให้จัดตั้งกองทุนขึ้น กองทุนหนึ่ง เพื่อจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น และเงินชดเชยให้แก่ผู้เสียหาย หรือ ทายาท
กองทุนประกอบด้วย
1. เงินที่สถานศึกษา(ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งโรงเรียนกวดวิชา)จ่ายสมทบ
2. เงินที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูจ่ายสมทบ
3. เงินอุดหนุนจากรัฐบาล
มาตรา 8
หากผู้เสียหาย หรือทายาทไม่ตกลงรับเงินชดเชย สามารถฟ้องต่อศาลได้
มาตรา 9
หากผู้ให้ศึกษาถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดี ฐานกระทำการโดยประมาทเกี่ยวเนื่องกับการให้การศึกษา หากศาลเห็นว่าจำเลยกระทำผิด ให้ศาลนำข้อเท็จจริงของจำเลยเกี่ยวกับประวัติ พฤติการณ์แห่งคดี มาตรฐานวิชาชีพ การบรรเทาผลร้ายแห่งคดี การรู้สำนึกในความผิด การที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การชดใช้เยียวยาความเสียหาย และการที่ผู้เสียหายไม่ติดใจให้จำเลยได้รับโทษ ตลอดจนเหตุผลอื่นอันสมควร มาพิจารณาประกอบด้วยในการนี้ ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใด หรือจะไม่ลงโทษเลยก็ได้
มาตรา 10
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
..............นักร่างกฎหมายสมัครเล่น