ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งที่ทุกคนต้องการ  (อ่าน 1167 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
สิ่งที่ทุกคนต้องการ
« เมื่อ: 26 ธันวาคม 2011, 01:26:59 »
“ทุกคน” ต้องการ “สิ่งนี้” แต่ น้อยคนนัก ที่จะ “รู้”

คนทั่วไป แทบทุกคน จะรู้ว่าตนเองต้องการอะไรบางอย่าง ที่จำเป็นสำหรับชีวิต
ยกตัวอย่างเช่น สิ่งที่เรียกว่า “ปัจจัยสี่” ซึ่งได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค. แม้บางคนจะไม่รู้ว่า สิ่งเหล่านั้นเรียกว่า “ปัจจัยสี่” ก็ตาม.
แต่เมื่อใครเหล่านั้น มีปัจจัยสี่ครบแล้ว เขายังคงไขว่คว้า หาสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากปัจจัยสี่ต่อไป ได้แก่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และสิ่งที่ให้ความเพลิดเพลินแก่จิตใจ รวมถึงลาภ ยศ สรรเสริญ

เพราะเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้ ทำให้เกิดความสุขใจ และพอใจ.

เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เราต้องการและไขว่คว้าหาอย่างแท้จริงแล้ว
จะพบว่า สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ คือสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข”
แต่ด้วยระบบเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ใช้ “เงินตรา” เป็นตัวกลาง ในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่าง ๆ
จึงทำให้คนทั่วไปคิดว่า “เงินซื้อความสุข” ได้
จึงเกิดสมการที่ผิดพลาดขึ้นมาว่า “เงิน = ความสุข” หรือ ความสุขแปรผันตามเงิน
นั่นคือ การมีเงินมาก ก็จะมีความสุขมาก.

ใคร ๆ จึงมุ่งหาเงินให้มากที่สุด มุ่งสะสมทรัพย์สมบัติ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้มาก ๆ จนบางครั้งก็มากเกินพอดี.
แต่เมื่อสังเกตให้ดีจะพบว่า เมื่อได้สิ่งต่าง ๆ ตามที่ต้องการแล้ว ก็ยังคงมีความต้องการ “สิ่งอื่น” ต่อไป.
นั่นแสดงว่า “สิ่งเหล่านั้น” ที่เขามี และซื้อได้ด้วยเงิน ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
เพราะมันไม่สามารถทำให้เขาเกิดความพอใจจริง ๆ ความพอใจนั้นเกิดเพียงชั่วคราว
เขายังคงต้องการ “สิ่งอื่น” ที่เขายังหาไม่พบอีกต่อไป
ซึ่งถ้ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงแล้ว เขาคง “ไม่ต้องการ” สิ่งใด ๆ อีก.

ตรงนี้ต้องพึ่งความรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งท่านได้ค้นพบ “สิ่ง ๆ หนึ่ง” เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว.
“สิ่งนี้” เป็นสิ่งที่เมื่อใครก็ตามได้รับ เขาจะ “ไม่ต้องการ” สิ่งอื่นอีกต่อไป.
สิ่งนี้จึงเป็น “สิ่งที่ทุกคนต้องการ” จริง ๆ นั่นเอง.

แต่คนส่วนใหญ่ “ไม่รู้” ว่าเขาต้องการสิ่งนี้
และไม่รู้ว่า นี่คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเขา.
แม้บางครั้งจะมีคนหยิบยื่นสิ่งนี้ให้ เขากลับไม่สนใจ เพราะไม่เคยชิม ไม่เคยลิ้มรสความเอร็ดอร่อยของสิ่งนี้.
เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
ไม่รู้ว่า สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาตามหามาทั้งชีวิต (หรืออาจค้นหามา นับชาติไม่ถ้วนแล้ว).
ไม่รู้ว่า สิ่งนี้คือ “สิ่งสูงสุด” ที่เขาสมควรได้รับ.
และไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว “นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเกิดมา”
และเขาเกิดมาเพื่อได้รับสิ่ง ๆ นี้.

สิ่งนี้จะ “ดับ” ความต้องการทั้งหมด และความทุกข์ รวมทั้งปัญหาทั้งปวงของเขา
และทำให้เขาพบกับ “ความสุขที่แท้จริง” อย่างถาวร
โดยไม่กลับมามีความทุกข์ได้อีก.

สิ่งนั้นคือ สภาวะที่ “ดับทุกข์โดยสิ้นเชิง” และเป็น “สุขอย่างยิ่ง”
พระพุทธเจ้าทรงเรียกสิ่งนี้ว่า “ความสงบ” หรือ “นิพพาน”.

เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า จริง ๆ แล้ว ทุกคนต้องการ “นิพพาน”.

แต่คนทั่วไป เมื่อไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง จึงต้องดิ้นรนค้นหา
และตอบสนองความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุดต่อไป ชั่วกัปชั่วกัลป์ ตราบที่ยังไม่รู้ความจริงข้อนี้
และหากตายไปในชาตินี้ โดยที่ยังไม่รู้อะไร ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อย ๆ
เป็นวงจรที่เรียกว่า “วัฏสงสาร” ซึ่งเป็นวงกลมที่ไม่มีจุดเริ่มต้น และไม่มีจุดสิ้นสุด.

ขอให้ทุกคนได้พิจารณาในใจอย่างถี่ถ้วนถึงความจริงในข้อนี้
และหันมาให้ความสนใจและศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เพื่อจะได้ “สิ่งสูงสุด” ที่มนุษย์ควรจะได้
ให้คุ้มค่ากับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และพบพระพุทธศาสนา.

“นิพพานัง ปรมัง สุขัง”
นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง

“นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง”
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบ ไม่มี

bloggang.com  16 ธันวาคม 2554