ผู้เขียน หัวข้อ: ชาย กทม.“อ้วน” สูงสุด เดินหน้าคนกรุงปลอด 5 โรคเรื้อรัง  (อ่าน 499 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9796
    • ดูรายละเอียด
ชาย กทม. มีภาวะ “อ้วน” สูงสุด ออกกำลังกาย - กินผักน้อยกว่าภาคอื่น รองผู้ว่าฯ กทม. ตั้งเป้าคนกรุงปลอด 5 โรค ทั้งอ้วน เบาหวาน ความดัน หัวใจ หลอดเลือดสมอง พ่วงเครียด ซึมเศร้า ไข้เลือดออก วัณโรค

วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพพื้นที่กรุงเทพมหานคร จัดโดยคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) เขตพื้นที่ 13 ว่า การพัฒนาระบบสุขภาพให้มีประสิทธิภาพ ต้องให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จึงมีคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับเขต (พชข.) อีก 50 เขต เพื่อทำงานเชื่อมโยงกัน โดย กทม. ได้ตั้งเป้าหมายปลอดโรคยอดฮิตของคนเมือง ได้แก่ โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ปัญหาสุขภาพจิต ทั้งการฆ่าตัวตาย ความเครียด โรคซึมเศร้า รวมถึงโรคติดต่อจากไข้เลือดออกและวัณโรค และโรคในผู้สูงอายุ มีอาหารปลอดภัยสำหรับการบริโภค และมีความปลอดภัยทางถนน เพื่อเป็นต้นแบบให้กับมหานครแห่งอื่นๆ ทั่วโลก



นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. ในฐานะคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 13 กล่าวว่า พฤติกรรมสุขภาพที่น่าสนใจของคนกรุงเทพฯ จากข้อมูลหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประชากรกรุงเทพมหานคร ในปี 2560 พบว่า โรคที่น่าจับตาของคนกรุงเทพฯ จากการเข้ารักษาโดยใช้สิทธิบัตรทองย้อนหลัง 2 ปี อันดับ
1 คือ โรคความดันโลหิตสูง
2. ความผิดปกติทางเมตะบอลิก
3. เบาหวาน
4. ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเฉียบพลัน และ
5. โรคข้อ
และยังพบว่าคนกรุงเทพฯ ออกกำลังกายน้อยกว่าคนภาคอื่นๆ มีสัดส่วนคนไม่สูบบุหรี่และดื่มสุราค่อนข้างสูง โดยคนที่สูบบุหรี่ ประมาณ 20% เคยได้รับการปรึกษาเรื่องลด ละเลิกบุหรี่ นอกจากนี้ จากผลสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 ระหว่างปี 2557 - 2558 พบว่า ผู้ชายใน กทม. มีภาวะอ้วนสูงสุด ขณะที่ผู้หญิงมีสัดส่วนไม่ต่างกับผู้หญิงในภูมิภาคอื่นๆ คน กทม. บริโภคผักและผลไม้อย่างเพียงพอต่อวันเพียง 22% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุดรองจากภาคเหนือ 13% ส่วนความชุกของโรคความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 23% และ โรคเบาหวาน อยู่ที่ 8%

นพ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า การพัฒนาระบบสุขภาพพื้นที่ กทม. จึงมีแนวทางที่สำคัญ 4 ประเด็น คือ
1. การพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพ กทม. เพื่อเห็นภาพรวมของปัญหาสุขภาพคน กทม. สำหรับจัดทำแผนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาสุขภาพจริง
2. การมีระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ที่กระจายตัวครอบคลุมเขตพื้นที่ที่ยังไม่มีสถานบริการสุขภาพ
3. การลดพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพ ทั้งการบริโภคผักผลไม้ที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายน้อย ส่งผลให้เกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรัง และ 4. การลดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งจะมีการวางแนวทางการปฏิบัติผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ร่วมกัน

19 ธ.ค. 2560 โดย: MGR Online