My Community
หมวดหมู่ทั่วไป => ข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: pradit ที่ 19 มิถุนายน 2010, 23:48:12
-
สถานะสุขภาพของคนไทยเปรียบเทียบก่อนหลัง พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล พ.บ.,ส.ม.(อนามัยเขตเมือง), ส.ม.(อาชีวเวชศาสตร์) +
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
เมื่อพศ.๒๕๔๕ ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพ ให้คนไทยขึ้นทะเบียนเป็นผู้ถือบัตรประกันสุขภาพเพื่อเข้าใช้บริการสุขภาพ เรียกว่าบัตรทอง เข้าใช้บริการโดยเสีย ๓๐ บาทและรักษาฟรีทุกโรค ต่อมาในยุครัฐบาลคมช. ได้ประกาศเปลี่ยนเป็นรักษาฟรีโดยไม่ต้องเสีย ๓๐ บาท และ สปสช.ทำการขึ้นทะเบียนสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นหน่วยบริการประจำ หน่วยบริการเครือข่าย และหน่วยบริการรับส่งต่อ ซึ่งส่วนใหญ่ หน่วยบริการประจำคือ โรงพยาบาลชุมชน หน่วยบริการรับส่งต่อ คือโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป และหน่วยบริการเครือข่าย คือสถานีอนามัย นอกจากนั้นยังได้ทำการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการภาคเอกชน และภาครัฐนอกกระทรวงสาธารณสุขด้วย โดยบริการสุขภาพที่ถือปฏิบัติ หมายถึงบริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสุขภาพ โดยรัฐจัดเป็นงบเหมาจ่ายรายหัวให้กับกองทุนหลักประกันสุขภาพ และตัดงบประมาณเพื่อการรักษาพยาบาล และที่เกี่ยวข้องซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รับออกไป
กระทรวงสาธารณสุข ยังคงต้องทำภารกิจในการสร้างการสาธารณสุขอันเป็นบริการสาธารณะเพื่อคนไทยโดยไม่สามารถมีเครื่องมือเพื่อจัดบริการสาธารณะในด้านการสาธารณสุขได้ กล่าวคือมีเพียงบุคลากร กับมาตรการที่ไม่มีงบประมาณในการบริหารจัดการ งานได้อย่างเพียงพอ และเต็มประสิทธิภาพ ตามหน้าที่สำคัญอันเป็นภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข งานสร้างเสริมสุขภาพ-ป้องกันโรคติดต่ออันตราย และงานรักษาพยาบาลผู้ที่รัฐพึงช่วยเหลือ ประกอบกับการจัดระบบการสาธารณสุขของประเทศในภาพรวมตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่อาจดำเนินการได้ ย่อมส่งผลถึงสถานะสุขภาพโดยรวมของประชาชน
ตารางที่ ๑ สถิติชีพ อัตราเกิด อัตราตาย อัตราทารกตาย อัตรามารดาตาย อัตราตายด้วยโรคที่พบมีอัตราตายสูงบางโรค พศ.๒๕๔๓ ถึง ๒๕๕๐
นับได้ว่าสถานะทางสุขภาพของประชาชนในช่วงก่อนมีระบบหลักประกันสุขภาพ มีภาวะสุขภาพโดยรวมดีกว่าปัจจุบัน กล่าวคือมีอัตราตายของประชากร อัตราตายของทารก อัตราตายของมารดา อัตราตายของทารกอายุต่ำกว่า ๒๘ วัน อัตราตายด้วยโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตจากการติดเชื้อ โรคทางเดินหายใจจากการติดเชื้อไม่รวมทางเดินหายใจส่วนต้น ต่ำกว่าในยุคที่มีระบบหลักประกันสุขภาพ
บุคลากรทางการแพทย์ และทรัพยากรด้านสาธารณสุขดีกว่า บุคลากรทำงานอย่างมีความเป็นปกติสุขมากกว่า เนื่องด้วยภาระงานที่ไม่มากเกิน ประชาชนได้ประโยชน์จากทรัพยากรสาธารณสุขในสัดส่วนที่สูงกว่าปัจจุบัน
ค่าใช้จ่ายในสิทธิต่างๆ พบว่าสิทธิของข้าราชการมีอัตราที่สูงกว่า สิทธิอื่น ทั้งนี้ควรพิจารณาถึงอัตราค่ารักษาพยาบาลที่มีการปรับตัวภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพที่สถานพยาบาลต้องบริหารเพื่อความอยู่รอดขององค์กร อย่างไรก็ดี ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่รักษาในระบบหลักประกันสุขภาพ ปี ๒๕๕๐ ที่ใช้ใน รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รับ เฉลี่ยเท่ากับ 8,658.49 บาท ต่ำกว่าที่โรงพยาบาลเอกชนได้รับเฉลี่ย 28,804.61 บาท หรือต่ำกว่าถึงเกือบ 20,000 บาทต่อราย นับเป็นการต่ำมาก โดย สปสช.จ่ายให้กับโรงพยาบาลเอกชนเฉลี่ยต่อผู้ป่วยใน กว่าร้อยละ 300 ของที่สปสช.จ่ายให้กับผู้ป่วยในของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(อย่างไรก็ดีจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบด้วย)